กรมอุตุนิยมวิทยาออกประกาศถี่ๆเตือนสถานการณ์ฝนตกหนักถึงหนักมาก จากอิทธิพลของมรสุมและหางพายุ “มู่หลาน” ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันออก

ชาวนาหลายจังหวัดต้องรีบเกี่ยวข้าวหนี “น้ำท่วม” นาล่มจมบาดาล

ภัยธรรมชาติที่มาตามฤดูกาลไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

แต่ที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ จงใจฝืนธรรมเนียมประเพณี จัดเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยในฝ่ายนิติบัญญัติรัฐสภาไทย

นั่นคือปรากฏการณ์ “สภาล่ม” จมน้ำเน่า

โดยความ “จงใจ”รวมหัวกัน “โดดร่ม-ไม่ลงมติ” ทำแท้ง “กฎหมาย” ที่ ส.ส.และ ส.ว.ร่วมกันก่อกำเนิดมาเองกับมือ ภายหลังชักเข้าชักออก สูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 พลิกไปหาร 500 แล้วก็หักกลับมาหาร 100

เพียงเพื่อสนองตัณหา เซ่นความอยากในการช่วงชิงความได้เปรียบในเกมอำนาจ

“ทหารการเมือง”ร่วมมือกับ “นักการเมืองอาชีพ” เปิดยุทธการหักกระแส ท้าทายเสียงโห่ของผู้คนในสังคม ลากเกมน้ำเน่าไปสู่เป้าหมาย หวังออกแบบกติกา “เอื้อประโยชน์ฝ่ายเรา”

...

เอาผลประโยชน์มาก่อนหลักการความเหมาะสม

อารมณ์ที่เล่นกันถึงขั้น “บิ๊กบราเธอร์” ไล่โทร.จิกสั่ง ส.ส.แบบรายหัว ไล่บี้ “ส.ว.ลากตั้ง” กันแบบรายตัว สั่งให้ล่มองค์ประชุมรัฐสภา ลอยหน้าลอยตาโดดร่ม ปล่อยให้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.สูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 ตายทั้งกลมคาสภา

สะท้อนเดิมพัน มันต้องแลกกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

อาการแบบที่ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ต้องปฏิเสธลิ้นพัน ยืนยันกระแสข่าวที่ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรค พปชร.ต่อสายตรงถึง ส.ส.แบบเรียงตัว สั่งไม่ให้อยู่เป็นองค์ประชุมสภา

เรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยส่วนตัวไม่ได้รับโทรศัพท์แต่อย่างใด

พล.อ.ประวิตร ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการร่วมประชุมสภาของสมาชิกแต่อย่างใด ส่วนการที่ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐไม่ได้แสดงตนเป็นองค์ประชุมสภา ถือเป็นเอกสิทธิ์ของ ส.ส.แต่ละคน

โบ้ยกันหน้าใสซื่อ อ้างผู้แทนฯติดร่วมงานวันกำนันผู้ใหญ่บ้าน

เอาเป็นว่า ทุกอย่างเป็นไปตามเป้า สภาล่มตามฟอร์ม กฎหมายลูกเลือกตั้งสูตรหาร 500 ส่อแท้ง ตายทั้งกลมคาสภา เพราะไม่ทันกำหนด 180 วัน ต้องกลับไปใช้ร่างเดิมของ ครม.ที่เสนอสภาคือปาร์ตี้ลิสต์หาร 100

บอนไซพรรคเล็กพรรคน้อย ส่อสูญพันธุ์ตามๆกัน

แม้ปรมาจารย์ “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา จะยังไม่รามือง่ายๆ สั่งเรียกประชุมร่วมรัฐสภาอีกครั้งในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ เพื่อเป็นการรักษาเกียรติภูมิของรัฐสภา ทำหน้าที่สมกับอำนาจฝ่ายนิติบัญญัติ

แต่ดูตามรูปเกมที่ฝ่ายจ้องล่มองค์ประชุม เล่นเกมซ่อนหากันแบบไม่สนหน้าตาผู้ทรงเกียรติ ปู้ยี่ปู้ยำสถาบันหลักของระบอบประชาธิปไตย โดยไม่เห็นหัวประชาชนที่เฝ้ามอง

ลองถ้ากล้าใส่กันหมดหน้าตักแบบนี้ ก็ไม่ต้องลุ้นสภาจะลากปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 ตามวาระไปได้

และนั่นก็เข้าทางบาทาเต็มๆ ปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เกมถนัดของ “นายห้างดูไบ” ที่สั่งลูกทีมเพื่อไทยเดินหน้าร่วมขย่ม ล่มองค์ประชุมสภา

จนได้ “กติกาเอื้อประโยชน์พวกเรา” สมดั่งอารมณ์หมาย

อันนี้ก็ว่ากันไม่ได้ ทีม “นายห้างดูไบ” แค่รอชู้ตลูกไหลตามน้ำ จากฝ่ายตรงข้ามอย่างค่ายพลังประชารัฐ ทีมอำนาจ 3 ป. ที่บรรจงใส่พานให้เอง

บรรเลงมโหรี แห่ “แลนด์สไลด์” กันได้เต็มปากเต็มคำ

ในเครื่องหมายคำถามทีมอำนาจ 3 ป. ได้อะไรจากยุทธการนี้ คำตอบคือ มีลุ้นแค่ ป.เดียว

นั่นคือ “บิ๊กป้อม” ที่ได้ฝันไกลไปถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

ตามเงื่อนไขสถานการณ์ที่ทีมกุนซือข้างตัว “พี่ใหญ่” ทั้งฝ่าย เสธ.ทหารไปยันไอ้ห้อยไอ้โหนฝ่ายการเมืองน่าจะมองข้ามช็อตไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลสมานฉันท์

ผสมพันธุ์ข้ามขั้ว ฮั้วข้ามฝ่าย

พรรคเพื่อไทยจับมือค่ายพลังประชารัฐ ดัน “บิ๊กบราเธอร์” ขึ้นแท่นผู้นำขบวน

โอกาสเป็นไปได้ ทั้งในกรณีภายหลังการเลือกตั้งใหญ่ พรรคเพื่อไทยที่ขึ้นแท่นเต็งแชมป์ ได้แต้มมาเป็นอันดับหนึ่ง ได้สิทธิเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตามกติกา

แต่บังเอิญสถานการณ์ยังติด “ด่านความมั่นคง”

แคนดิเดต “นายกฯนอมินี” ของพรรคไม่ผ่านการคัดกรอง อาจจำเป็นต้องพึ่ง “บิ๊กป้อม” ในฐานะผู้กว้างขวางทั้งวงการเมืองและอำนาจกองทัพ

“พี่ใหญ่” รอรับส้มหล่นจาก “นายห้างดูไบ” ที่อุ้มสมกันมาตอนตั้งเป็นจ่าฝูงกองทัพบก

หรือในกรณีก่อนเลือกตั้งใหญ่ สถานการณ์แบบที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง จำเป็นต้องเลือกนายกรัฐมนตรีกันใหม่ในสภา

ชื่อของ “บิ๊กป้อม” ก็ยังติดโพยเป็นแคนดิเดตเบอร์ต้นๆ

ตามยุทธการฮั้วข้ามขั้ว ดีลข้ามฝ่าย พลังประชารัฐแท็กทีมกับเพื่อไทย ตั้งรัฐบาลหักอารมณ์กองเชียร์ สับขาหลอก มวลชนสองฝ่ายหัวทิ่มหัวตำ

ถึงจุดนี้ก็ไม่น่าแปลกใจที่ “นายห้างดูไบ” จะมั่นอกมั่นใจ ประกาศถึงตายก็ไม่ให้เผา

เอาศพไว้เป็นอนุสรณ์ความยิ่งใหญ่

3 ป.ว่าแน่ๆ ตอนนี้เป็นแค่หมากที่ “นายห้างดูไบ” จับโยกสลับดอกได้ตามเหลี่ยมเขี้ยว

“พี่ใหญ่” กับ “น้องเล็ก” ถูกจับแยกตามธรรมชาติอำนาจและผลประโยชน์

และไม่รู้จะโอดครวญกับใคร ในอารมณ์โดดเดี่ยวลงทุกขณะ สำหรับผู้นำอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม

อารมณ์ “โลกกว้าง” แต่ “ทางแคบ”

ตามความพยายามที่ผู้คนในสังคมเห็นถึงความต้องการไปต่อในเกมอำนาจ “น้องเล็ก” ทีม 3 ป. เดินหน้าหวังทำแฮตทริก สร้างประวัติศาสตร์เป็นนายกรัฐมนตรี 3 รอบ ทำสถิติ นั่งเก้าอี้ผู้นำนานที่สุดของประเทศไทย

ความคาดหวังสูง ความมั่นใจมาเต็ม สวนทางกับเส้นทางที่ตีบตันลงทุกที

โฟกัสไปที่สถานการณ์เลือกตั้งใหญ่รอบต่อไป ณ วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ชัวร์เลยว่าจะใช้ป้อมค่ายใดเป็นฐานหลัก ในการเสนอชื่อในบัญชีนายกรัฐมนตรี

ตามสภาพที่ค่ายพลังประชารัฐยังอยู่ในกำมือของ “บิ๊กป้อม” ที่ห้อมล้อมด้วย “น้องในไส้” กับ “น้องนอกไส้” ที่ต่าง “หมั่นไส้” ไม่เอาด้วยกับ “บิ๊กตู่”

เป็นเรื่องที่รู้กันอยู่แก่ใจ แม้ปากพี่น้อง 3 ป. จะกล้ำกลืนประกาศรักกัน แต่นั่นมันก็สวนทางกันตลอดกับพฤติการณ์ที่แสดงออก ต่างคนต่างมุ่งสร้างดาวคนละดวง

“พี่ใหญ่” ยึดพลังประชารัฐค่ายเดียวไม่พอ ยังส่ง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ไปตั้งค่าย “รวมแผ่นดิน” เป็นฐานสำรองไว้อีกต่างหาก

ชัดเจนว่า รอแยกย้าย ถึงจุดทางใครทางมัน

เทียบกัน “บิ๊กป้อม” ดูมีน้ำมีเนื้อมากกว่า ตามสไตล์ “บิ๊กบราเธอร์” ที่คอนเนกชันการเมืองแน่น ค่ายพลังประชารัฐยังมีกองกำลังชนกลุ่มน้อยเกาะกันเฉพาะกิจเป็นฐานให้พี่ใหญ่

ต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับค่าย “รวมไทยสร้างชาติ”ที่พล.อ.ประยุทธ์ ใช้บริการ “เสี่ยตุ๋ย”นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กุนซือนายกฯ ทีม เสธ.ตึกไทยฯ ไปก่ออิฐโบกปูนเป็น ป้อมปราการสุดท้าย

แท็กทีม กปปส.ตกปลาในบ่อพรรคประชาธิปัตย์

เดินหน้าปฏิบัติการ “รวมไทยสร้างตู่” แห่ พล.อ.ประยุทธ์เบิ้ลนายกฯ รอบ 3

ตามรูปการณ์ที่โคตรเซียนเลือกตั้ง ประเมินลำหักลำโค่น ดูทรงมวย ประกอบสูตรปาร์ตี้ลิสต์หาร 500 ตั้งอัตราต่อรอง ค่ายรวมไทยสร้างชาติจะได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 คน แต้มขั้นต่ำในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี

แทง 3 จ่าย 2 แทง 2 จ่าย 1 ยังมีคนแย่งกันรองก็แล้วกัน

นั่นก็ไม่ต้องพูดถึง “บิ๊กตู่” จะไปเก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน เอาคะแนนจากไหนมาตั้งรัฐบาล ในสถานการณ์ที่ฐานต้นทุนหน้าตัก 250 ส.ว.ก็ไม่ได้เป็นปึกแผ่น แยกเป็นสายพี่ใหญ่ สายน้องเล็ก

นั่นมองไกลไปถึงเลือกตั้งรอบหน้า เส้นทางนายกฯรอบ 3 วิบากเต็มที

แต่มันยังมีช็อตเฉพาะหน้าใกล้กว่านั้น นั่นคือปมร้อนว่าด้วยการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 8 ปี ที่มีขบวนการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้ว

24 สิงหาคมนี้ คือเดดไลน์ ถ้านับจากวันโปรดเกล้าฯพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ภายหลังการยึดอำนาจ ในปี 2557 เวลาของ “บิ๊กตู่” บนเก้าอี้ผู้นำก็ครบ 8 ปีเต็ม อีก 10 วันนับจากนี้

แต่หากนับจากวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ระยะเวลาในการดำรงตำแหน่งนายกฯของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ผ่านมาแค่ 5 ปีกว่า ยังเหลือเวลาอีก 2 ปี

คำตอบอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะออกมุมไหน

แต่ที่แน่ๆเหมือนมีไกด์ไลน์มาแล้ว กับ “บันทึก” การประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ที่ “ซือแป๋” มีชัย ฤชุพันธุ์ นั่งหัวโต๊ะประธาน กับนายสุพจน์ ไข่มุกด์ พูดกันถึงประเด็นการนับเวลาการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แปลไทยเป็นไทยชัดๆเลย

ให้ย้อนกลับไปนับตั้งแต่วันที่โปรดเกล้าฯตำแหน่งนายก รัฐมนตรี

และนั่นก็คือ “หัวเชื้อไวไฟ” อย่างดี ให้นักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัย ดาหน้าออกมาฟันธง “บิ๊กตู่” หมดเวลาการดำรงตำแหน่ง 8 ปี ในวันที่ 24 สิงหาคมนี้

โหมกระพือกระแสโห่ไล่ จุดชนวนอัปเปหิผู้นำทหารเฒ่า 3 ป.

เส้นทางไปต่อ ถูกต้อนเข้าตรอกซอยตันเข้าไปทุกที.

“ทีมการเมือง”