หนีไม่ได้-ยุบไม่ได้ดิ้นอยู่ในข้องเท่านั้น...
ที่สุดการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของพรรคฝ่ายค้านคงเริ่มต้นได้ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค.65 ยังมีเวลาที่ 1 นายกฯและ 10 รัฐมนตรีจะต้องไปเตรียมตัวให้พร้อม
ฝ่ายค้านแม้ไม่ได้มุ่งหวังจะควํ่ากลางสภา แต่เมื่อเป็นนัดสุดท้ายก็คงต้องใส่เต็มแม็กนอกจากถล่มคู่แข่งทางการเมืองแล้ว
ยังถือโอกาสหาเสียงผ่านทีวีได้อีกคำรบหนึ่ง
ศึกซักฟอกครั้งนี้ว่าให้ถึงที่สุดเป็นเกมการต่อสู้ทางการเมือง ก่อนเลือกตั้งที่แยกเป็น 2 ปีกอย่างชัดเจน
ว่าโดยรวมแล้วรัฐบาลคงเอาตัวรอดผ่านพ้นไปได้ เพราะฝ่ายค้านเองก็ประกาศว่าคงล้มรัฐบาลไม่ได้
แต่สามารถดิสเครดิตเพื่อหวังผลในการเลือกตั้งมากกว่า
มีก็แต่บรรดาพรรคเล็กและพรรคเศรษฐกิจไทยของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เท่านั้นที่พยายามจะวางตัวเป็นเจ้าของญัตติซักฟอกเสียเอง
แม้จะออกตัวว่ายึดประชาชนเป็นที่ตั้ง แต่มีนัยแอบแฝงเพื่อล้ม “ลุงตู่” มากกว่าไม่ว่าจะทิ้งไพ่ใบไหนก็ตาม
ร.อ.ธรรมนัสบอกว่าได้อ่านข้อหาที่ฝ่ายค้านจะฟาดรัฐมนตรีแล้วอย่างน้อยก็ 3 คน จากพรรคการเมืองใหญ่
ทายกันก็ได้คือ 3 รัฐมนตรีจากพลังประชารัฐ คือนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยคลัง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ และนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีแรงงาน
ด้วยการระบุว่าดิ้นไม่หลุดแน่
ดังนั้น เมื่อ 3 รัฐมนตรีถูกฝ่ายค้านขุดเรื่องราวที่ไม่ดีไม่งามขึ้นมา แม้จะผ่านความไว้วางใจไปได้ก็ตาม
แต่คนเป็นนายกฯก็จะต้องแสดงความรับผิดชอบ
เช่นกันนายกฯจะโดนถล่มเรื่องอะไรก็ตาม และเอาตัวรอดไปได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าเมื่อเป็นหัวหน้ารัฐบาลก็ไม่ควรทำหน้าที่ต่อไป
มีอยู่คนเดียวเท่านั้นจากบรรดารัฐมนตรีที่ถูกซักฟอกคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่สอบผ่านสบายไร้ปัญหา
มันก็แปลกๆดีเหมือนกันนะ...นักการเมืองยุคปัจจุบัน
ด้านหนึ่งก็อ้างประชาชน แต่อีกด้านหนึ่งก็เอาความรู้สึกเป็นพวกพ้องมาตัดสินทั้งๆที่รู้ดีว่า พล.อ.ประวิตรนั้น
คือ 1 ใน 3 ป.ที่มีบทบาทและอิทธิพลทางการเมืองมากที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์อยู่บนเก้าอี้นายกฯได้อย่างปลอดภัยในทุกวันนี้ก็เพราะ “พี่ใหญ่” ให้ความอุปถัมภ์ค้ำจุน
ไม่ต่างกันเท่าใดนักระหว่าง “บิ๊กตู่” กับ “ผู้กอง” ที่เคยอยู่ใต้บารมีคนเดียวกันมาก่อน แต่เมื่อมาขัดใจกันเพราะไม่ได้รับการสนองตอบตามที่ต้องการ
ก็สำแดงความแค้นในเชิงประจักษ์ทันที
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ศึกซักฟอกครั้งสุดท้ายนี้ สุดท้ายก็คงไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นอย่างที่มีความจะสร้างราคาเพื่อความโดดเด่นทางการเมือง
เพราะแม้จะสร้างอำนาจต่อรองได้แต่ก็เป็นเพียงแค่คำขู่เท่านั้น เพราะจริงๆแล้วก็ไม่ได้อะไรที่จะเหนือการเมืองที่เป็นจริงได้
ที่สำคัญก็คือลืมมองตัวเองว่าก็แค่นักการเมืองสีเทาคนหนึ่งเท่านั้น!
“สายล่อฟ้า”