“บิ๊กตู่” รีบปัด ไม่ได้บังคับ “แรมโบ้” ไขก๊อก เจ้าตัวลั่นพร้อมดัน “ลุงตู่” แฮตทริกผู้นำสมัยสาม “อนุชา” ชมสปิริตลดแรงกระทบให้นายกฯ กมธ.ปราบโกงสภาฯลุยสอบคลิปโควตาหวยฉาว “ศรีสุวรรณ” พา “กิ๊ก สุดสยาม” พบตำรวจ แฉ “จุรีพร” เปิดลำโพงมือถือดังลั่น รับมีคุยเรื่องโควตาหวยจริง “จุรินทร์” เสียใจสุดซึ้งยอมขอโทษสังคม ปมอดีตรองหัวหน้า ปชป.ทำฉาว สั่งตั้ง 2 คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง วางมาตรการสแกนคนเข้าพรรคเข้มขึ้น ลาออก 2 เก้าอี้ประธานบอร์ดด้านเพศและสตรี แต่ยังไม่ลาออกจากหัวหน้าพรรค “พิธา” ไม่ถือสา “ปริญญ์” ให้ร้าย “นิพิฏฐ์” ชี้คดีที่ดิน “แม่ธนาธร” แค่ทางแพ่ง ติงอย่าใช้อคติการเมืองกับกฎหมาย ศาลรับฟ้องคดีฮั้วโรดโชว์ ออกหมายจับ “ยิ่งลักษณ์” ไม่มาศาล
ตามที่นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วย รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี ลาออกจากทุกตำแหน่ง เพื่อพิสูจน์คดีคลิปเสียงเจรจาโควตาหวย ล่าสุด พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ยืนยันไม่ได้บังคับ แต่นายเสกสกลกลัวนายกฯ เดือดร้อนเลยลาออกเอง ขณะที่ กมธ.ป.ป.ช. สภาฯ ยังคงเดินหน้าตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเข้มข้น

...
“บิ๊กตู่” ขี่กระแส “ซอฟต์เพาเวอร์”
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 19 เม.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) แต่บรรยากาศไม่คึกคักเท่าที่ควรเนื่องจากมีรัฐมนตรีหลายคนลาประชุม อาทิ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ที่มีรายงานว่าอยู่ระหว่างพักผ่อนที่ประเทศอังกฤษ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข และนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ติดภารกิจต่างจังหวัด ทั้งนี้ก่อนเข้าประชุมนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นำคณะผู้บริหารกระทรวงวัฒนธรรม เข้าพบนายกฯ ประชาสัมพันธ์การจัดงาน “ใต้ร่มพระบารมี 240 ปี กรุงรัตนโกสินทร์” ระหว่างวันที่ 20-24 เม.ย. ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร และพื้นที่รอบเกาะรัตนโกสินทร์ จากนั้นเยี่ยมชมการสาธิตขนมไทยโบราณ ได้แก่ ขนมลิ้นจี่ ขนมมัศกอด ขนมกุฎีจีน พร้อมชมผลิตภัณฑ์ทางวัฒนธรรม และการแสดงศิลปวัฒนธรรมนาฏยศาลาหุ่นละครเล็กชุด “โมงคลุ่ม” โดยยุวชนคนรักหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ ทั้งนี้ ระหว่างประชุม ครม. พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงภาพรวมของซอฟต์เพาเวอร์ ขอให้ทุกกระทรวงช่วยกันผลักดันไปสู่ตลาดโลก
ยันไม่ได้บังคับ “แรมโบ้” ไขก๊อก
พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม. ถึงกรณีนายเสกสกล อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อดีตผู้ช่วย รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี ลาออกทุกตำแหน่งว่า ความจริงการดำเนินการของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนด นายเสกสกลไม่ได้ทำคนเดียว เป็นเพียงหนึ่งในคณะอนุกรรมการฯ ที่มีอยู่ 2-3 คณะ ยืนยันว่าไม่ได้ไปบังคับอะไร เขารู้ว่ามีปัญหาไม่อยากให้นายกฯ เดือดร้อน จึงมาขอลาออกเอง เมื่อถามว่าได้พูดคุยอนาคตทางการเมืองกับนายเสกสกลหรือยัง
พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เขาไม่ได้คุย บอกเป็นเรื่องของวันข้างหน้า วันนี้ขอทำหน้าที่ตรงนี้ที่ได้เริ่มต้นไปแล้ว ถือว่าทำงานสำเร็จในขั้นต้นไปแล้ว เมื่อถามว่าจะกระทบต่อพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ถอนหายใจโดยไม่ตอบคำถามดังกล่าว
“โบ้” ลั่นดัน “ลุงตู่” เบิ้ลสมัยสาม
นายเสกสกล อัตถาวงศ์ อดีตผู้ช่วย รมต.ประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันไม่มีใครกดดันให้ลาออก เป็นการตัดสินใจด้วยตัวเองเพื่อไปพิสูจน์ความจริงตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ต้องการให้เกิดครหาใช้อำนาจหน้าที่ปกป้องตนเอง และไม่อยากให้กระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของนายกฯ ที่ทุกคนทราบดีว่าเป็นผู้นำมือขาวสะอาดโปร่งใสจริงๆ ถือว่าตัดสินใจถูกต้องดีที่สุดแล้ว รวมถึงยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานจริยธรรมทางการเมือง ยืนยันแม้จะลาออกแล้วหากยังสามารถช่วยงานนายกฯ และรัฐบาลเบื้องหลังได้ ก็ยังช่วยต่อไป โดยเฉพาะคนที่ออกมากล่าวหาใส่ร้ายป้ายสีบิดเบือนข้อมูล ยืนยันจะเดินหน้าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อไป

“อนุชา” ชมสปิริตลดแรงกระทบ
นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการเสนอขายหรือขายสลากกินแบ่งรัฐบาลในราคาเกินกว่าที่กำหนดในสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวว่า การลาออกของนายเสกสกลเชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของคณะกรรมการฯ งานคืองาน ย้ำว่าผลสำเร็จอยู่ที่ผลของงาน ยึดมั่นสิ่งนี้มาตลอด แต่คงต้องปรับรูปแบบให้เกิดความมั่นใจเช่นเดิม ยืนยันว่าราคาสลากกินแบ่งต้อง 80 บาท ส่วนจะแต่งตั้งใครเข้ามาเพิ่มหรือไม่ คงต้องรอดูความเหมาะสม เพราะงานเดินมาได้มากแล้ว นายเสกสกลช่วยทำงานคืบหน้ามาก ขอชื่นชมที่ได้แสดงสปิริตความรับผิดชอบ ไม่ต้องการเห็นผลกระทบไปยังนายกฯ รัฐบาล และคณะกรรมการฯ คนอื่น ถือเป็นสปิริต และคิดถูกแล้ว ไม่ได้มีใครไปกดดัน
กมธ.ปราบโกงลุยสอบคลิปฉาว
นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช.) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการตรวจสอบนายเสกสกล อัตถาวงศ์ กรณีมีคลิปเสียงหลุดขอเงินจากเจ้ามือหวยออนไลน์ 15 ล้านบาท นำไปใช้หาเสียงเลือกตั้งว่า แม้นายเสกสกลจะลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ กมธ.ป.ป.ช.จะเดินหน้าตรวจสอบต่อไป เพราะบรรจุเข้าวาระเรียบร้อยแล้ว วันที่ 27-28 เม.ย. จะเชิญทั้งนายเสกสกล และนางจุรีพร สินธุไพร ข้าราชการการเมือง ประจำสำนักนายก รัฐมนตรี ที่เป็นคู่สนทนามาให้ข้อมูล หากนายเสกสกลต้องการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจ อย่าหลบเลี่ยง ขณะที่นายกฯคงไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ เพราะนายเสกสกลทำงานให้มากว่า 3 ปี พอเกิดเรื่องก็ไม่ทำอะไร ไม่สั่งพักการทำหน้าที่ ไม่ตั้งเรื่องสอบ ดังนั้นขบวนการนี้มีที่มาที่ไปแน่นอน
“พี่ศรี” พา “สุดสยาม” พบ ตร.
ที่ สน.ดุสิต เมื่อเวลา 10.00 น. นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย พร้อมนายสุดสยาม มากแก้ว หรือกิ๊ก เข้าพบ พ.ต.ท.พิชัย มีอัฐมั่น รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ดุสิต ให้ปากคำกรณีนำคลิปเสียงสนทนาระหว่างนางจุรีพร สินธุไพร และนายเสกสกล อัตถาวงศ์ มาโพสต์ลงสื่อสังคมออนไลน์ เนื้อหามีการพูดถึงโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล นายศรีสุวรรณกล่าวว่า พานายสุดสยามมารายงานตัวตามหมายเรียก ในข้อหาหมิ่นประมาท และนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จระบบคอมพิวเตอร์ ตามที่นายเสกสกลแจ้งความ แต่นายสุดสยามปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากไม่ใช่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เพียงแค่รู้จักกับนายเสกสกล และไปรับประทานอาหารกับนางจุรีพร ที่ซอยธนิยะ ย่านสีลม โดยไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่กลับมีคลิปเสียงเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์
ขู่ฟ้องกลับ 2 คู่หูแจ้งความเท็จ
นายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า หากตำรวจสอบสวนแล้วพบว่านายสุดสยามไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็เตรียมแจ้งความกลับข้อหาแจ้งความเท็จ และหมิ่นประมาท กรณีที่นายเสกสกลและนางจุรีพรกล่าวหาว่านายสุดสยามเป็นผู้บันทึกเสียง เป็นการหาแพะรับบาปเท่านั้น ปกตินายสุดสยามมีอาชีพขายรถมือสอง และรับพิมพ์ลายเสื้อ เพิ่งรู้จักกับนางจุรีพรเมื่อไม่นานมาว่าจ้างให้พิมพ์ลายเสื้อ มีโอกาสไปทานอาหารกับนางจุรีพร แต่ไม่คิดว่าจะถูกกล่าวอ้างว่าเป็นผู้บันทึกเสียง หลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่มีคนโทรศัพท์มาข่มขู่นายสุดสยามให้เกิดความหวาดกลัว ขอให้หยุด การกระทำเช่นนี้ อย่านำคนบริสุทธิ์เข้ามาเกี่ยวข้อง

แฉ “จุรีพร” เปิดลำโพงมือถือดังลั่น
นายสุดสยาม มากแก้ว หรือกิ๊ก กล่าวว่า มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ หลังจากนี้ขอให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ ส่วนรายละเอียดขอให้การในชั้นสอบสวน ยืนยันไม่ได้เป็นผู้บันทึกเสียงวันเกิดเหตุที่ไปทานข้าวกับนางจุรีพร แต่รับว่ามีสนทนากันในเรื่องดังกล่าวจริง ในร้านมีคนเยอะ แต่ในโต๊ะที่ตนนั่งมีแค่นางจุรีพรและตน นอกนั้นเป็นลูกน้องนางจุรีพร 5-6 คน อยู่บริเวณโต๊ะอื่น ส่วนท่าทีพูดคุยของนางจุรีพร ขอให้ใช้วิจารณญาณพิจารณากันเอง เนื้อหาในบทสนทนาตามในคลิปเสียง เป็นการพูดคุยกันประมาณ 2 นาที นางจุรีพรเปิดลำโพงขณะสนทนาจริง ไม่ทราบว่าเปิดลำโพงทำไม คิดว่าโต๊ะอื่นก็ได้ยินเช่นเดียวกัน ผู้ที่อยู่ใกล้นางจุรีพรมีแค่ตนเท่านั้น แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้บันทึกเสียง
รับเคยพูดคุยโควตาหวยจริง
นายสุดสยามกล่าวอีกว่า หลังจากที่ได้รู้จักกับนางจุรีพรในการทำธุรกิจเกี่ยวกับสกรีนลายเสื้อแล้ว มีการพูดคุยว่าตนเองอยากได้โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล ติดต่อนางจุรีพรไป จนได้ไปพบนายเสกสกลที่สำนักงาน หลังจากนั้นไปร่วมทานอาหารกับนางจุรีพร ก่อนจะมาทราบเรื่องตามข่าว หลังมีข่าวออกไปยังไม่ได้พูดคุยกับทั้ง 2 คนแต่อย่างใด ไม่เข้าใจว่ามีเจตนาอย่างไรจึงแจ้งความเอาผิดตน
“จุรินทร์” ยอมขอโทษสังคมแล้ว
วันเดียวกันเวลา 09.20 น.ที่ห้องประชุมชั้น 3 อาคาร ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมท นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรค นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย รองหัวหน้าพรรค นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค พร้อมรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรค ร่วมแถลงข่าวกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรค ถูกกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศในหลายกรรมหลายวาระ นายจุรินทร์กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง และกราบขอโทษต่อทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของพรรค ในฐานะหัวหน้าพรรคมีส่วนสำคัญในการนำนายปริญญ์เข้าพรรค แม้กระบวนการต้องผ่านการพิจารณาของ กก.บห.พรรค และผ่านการลงคะแนนให้ความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่พรรคก็ตาม หรือแม้แต่กรณีที่เราไม่อาจทราบล่วงหน้าว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเกิดในยุคที่ตนเป็นหัวหน้าพรรค หนีไม่พ้นที่ต้องรับผิดชอบ และหนีไม่พ้นที่ต้องร่วมกับกก.บห.พรรค แก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้ดีที่สุด
ตั้งคณะกรรมการสอบ 2 กรณี
นายจุรินทร์กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าพรรคมีจุดยืนชัดเจนในการต่อต้านการคุกคามทางเพศ ต่อต้านการใช้ความรุนแรงต่อเด็ก สตรี คนในครอบครัว และการเลือกปฏิบัติ เพราะเหตุความแตกต่างระหว่างเพศ กรณีนายปริญญ์ พรรคย้ำว่าจะไม่เข้าไปปกป้อง ไม่เข้าไปแทรกแซงใดๆในกระบวนการยุติธรรม และไม่เพิกเฉยดูดายต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยดำเนินการดังนี้ 1.ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้น แม้นายปริญญ์ลาออกจากพรรคและสมาชิกพรรคแล้วก็ตาม โดยคณะกรรมการมีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง กำหนดมาตรการป้องกัน ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในพรรค นอกเหนือจากข้อกำหนด 21 ข้อที่มีอยู่แล้ว เพื่อตรวจสอบก่อนรับเป็นสมาชิกพรรค รวมถึงแก้ปัญหาและเยียวยาผู้เสียหาย โดยมอบหมายให้ น.ส.รัชดา ธนาดิเรก กรรมการบริหารพรรค เป็นประธานคณะทำงาน 2.ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบกรณีการโพสต์ในกลุ่มไลน์ของพรรค มอบให้นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรคภาคเหนือ ดำเนินการ
ไขก๊อก 2 ประธานบอร์ดด้านเพศ
นายจุรินทร์กล่าวว่า นอกจากนี้ได้ขอลาออกจากการเป็นประธานคณะกรรมการ 2 ชุดในรัฐบาล คือ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมความเท่าเทียมระหว่างเพศ และประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายสตรีแห่งชาติ ต้องกราบขอโทษนายกฯที่ไม่ได้เรียนแจ้งให้ทราบก่อน จะเรียนให้นายกฯทราบในที่ประชุม ครม. เมื่อถามว่าตั้งแต่เป็นหัวหน้าพรรคมา พูดได้หรือไม่ว่ากรณีนายปริญญ์ทำให้พรรคได้รับผลกระทบมาก นายจุรินทร์ตอบว่า ต้องถือว่าทำให้พรรคได้รับผลกระทบ และสร้างความเสียหายมากทีเดียว ส่วนกรณีการตรวจสอบการโพสต์เรื่องชู้สาวในกลุ่มไลน์ของพรรค มอบให้คณะกรรมการชุดของนายนราพัฒน์ ดำเนินการ
อ้าง “ศุภชัย” ไม่สะดวกรับสาย
เมื่อถามย้ำว่าเหตุใดถึงเพิ่งออกมาชี้แจง นายจุรินทร์ตอบว่า ให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้หลายครั้งตั้งแต่ต้น แต่อาจไม่เป็นประเด็นใหญ่ และอยู่ในช่วงไปปฏิบัติภารกิจต่างจังหวัด แต่มอบหมายบุคลากรพรรคออกมาแถลงข่าวหลายครั้ง เมื่อถามว่ามีการพูดคุยกับนายศุภชัย พานิชภักดิ์ บิดาของนายปริญญ์บ้างหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ไม่ได้คุยกับนายศุภชัย เพราะท่านไม่สะดวกรับโทรศัพท์ แต่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ออกมาให้สัมภาษณ์แล้วว่านายศุภชัยไม่มีส่วนไปเกี่ยวข้อง และไม่ใช่คนที่จะไปใช้อำนาจหรืออิทธิพลแทรกแซงใดๆ
ยังไม่ลาออกจากหัวหน้าพรรค
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นจะทำให้ผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นไปโดยลำบากหรือไม่ นายจุรินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ไม่สามารถตอบได้ แต่ตราบใดที่เป็นหัวหน้าพรรค ต้องผลักดันให้พรรคเดินต่อไปข้างหน้า เมื่อมีอุปสรรคก็ต้องแก้ปัญหา เดินหน้าสู่การเลือกตั้ง เราต้องทำอย่างเต็มกำลังความสามารถ และหวังว่าในอนาคตจะได้รับเสียงตอบรับที่ดีขึ้นจากคนไทยทั้งประเทศ แต่สถานการณ์นี้อาจทำให้พรรคได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะตนที่ต้องผ่านมันไปให้ได้ จะขับเคลื่อนพรรคไปในทิศทางที่ดีที่สุด เมื่อถามว่ามีกระแสสังคมเรียกร้องให้ กก.บห.พรรค และหัวหน้าพรรคแสดงความรับผิดชอบ นายจุรินทร์ตอบว่า เราได้ไตร่ตรอง 2 แนวทางแต่สุดท้ายก็มี 2 มุม หากอยู่ๆลาออกแล้วทิ้งปัญหาไว้ จะเป็นการหนีปัญหา นั่นคือความไม่รับผิดชอบ เราต้องแก้ปัญหาให้ลุล่วง ไม่ใช่ทิ้งปัญหาให้คนรุ่นหลัง

นิ่งมีคนเตือนประวัติ “ปริญญ์”
เมื่อถามว่า ทราบว่ามีการแจ้งเตือนว่าไม่ควรรับนายปริญญ์เข้าพรรค ทำไมยังรับเข้ามาทั้งที่รู้อยู่ว่ามีพฤติกรรมอย่างไร นายจุรินทร์ตอบว่า ไม่ขอย้อนไปพูดในเรื่องจะไปพาดพิงใคร แต่ตนมีส่วนสำคัญในการพานายปริญญ์เข้าพรรค ก็ต้องรับผิดชอบ และเป็นบทเรียนในการคัดคนในอนาคต ต่อไปพรรคต้องเข้มงวดมากขึ้นในการตรวจสอบคุณสมบัติ คิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่น่าจะมีความขัดแย้งในพรรค เพราะพรรคเป็นเอกภาพ การถกเถียงกันก็เป็นเรื่องปกติ เมื่อถามถึงผลกระทบต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จะแก้สถานการณ์อย่างไร นายจุรินทร์ตอบว่าเป็นหน้าที่รองผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก. ตัวผู้สมัคร และทีมงาน ขณะนี้ทุกคนทำงานอย่างเข้มแข็ง ส่วนผลจะออกมาอย่างไร มั่นใจว่าทุกคนทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว เมื่อถามย้ำว่า คิดว่าเก้าอี้หัวหน้าพรรคสั่นคลอนเพราะเรื่องนายปริญญ์หรือไม่ นายจุรินทร์ตอบว่า ยึดหลักเน้นการปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุด ส่วนเก้าอี้สั่นคลอนหรือไม่ หรือเป็นเรื่องเกมการเมืองหรือไม่ ไม่ขอตอบ ไม่ขอให้ความเห็นกับคำถามนี้
นายกฯให้กำลังใจพรรคร่วม
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวถึงปัญหาที่ถาโถมเข้าใส่พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคประชาธิปัตย์ว่า ให้กำลังใจทุกพรรค เป็นเรื่องของแต่ละพรรคเพราะมีคนมาก เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคที่ต้องแก้ปัญหาภายในพรรคให้ได้ เมื่อถามว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลาออกจากคณะกรรมการ 2 ชุด เพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่มีปัญหา จะมอบหมายให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ดูแลแทน เมื่อถามถึงการเดินทางไปอังกฤษของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ท่านไม่ได้ไปพักผ่อน ไปทำงาน เมื่อถามว่าไปพบกับใครด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดว่า “ถามอะไรแปลกๆ บ้าหรือเปล่า ไม่เคยสร้างสรรค์”
“พิธา” ไม่ถือสา “ปริญญ์” ให้ร้าย
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลังคดีฉาวว่า ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ คดีที่เกิดขึ้นเป็นคดีอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ควรถูกลดทอนให้เป็นเรื่องการกลั่นแกล้งระหว่างพรรคการเมือง เพราะมีผู้เสียหายหลายคน ทุกฝ่ายควรให้ความสำคัญไปที่การดูเเลเยียวยาผู้เสียหาย เเละกระบวนการยุติธรรมที่จะเกิดขึ้น ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการฟ้องกลับกรณีทำให้พรรคเสียหายหรือไม่ นายพิธาตอบว่า คงไม่ เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพในการพูด ตนก็มีสิทธิเสรีภาพในการชี้แจงว่าข้อกล่าวหาไม่เป็นความจริง การดึงให้เรื่องนี้เป็นการเมืองถือเป็นเรื่องธรรมดา
ขอ “ลุงตู่” ดันไม่เป็นก็อย่าขวาง
ขณะที่ น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงปรากฏการณ์ข้าวเหนียวมะม่วงฟีเวอร์ จากการแสดงของมิลลิ น.ส.ดนุภา คณาธีรกุล แร็ปเปอร์สาวชื่อดัง บนเวทีดนตรีระดับโลก Coachella 2022 ว่า เป็นการตอกย้ำถึงศักยภาพของ Soft Power ไทยที่สามารถไปไกลระดับโลกได้ แต่น่าเสียดายว่าส่วนใหญ่ไปด้วยต้นทุนและศักยภาพของตัวเอง ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นรูปธรรมจากภาครัฐ แม้รัฐบาลจะพยายามทำนโยบาย Soft Power แต่ที่ผ่านมายังขาดความเข้าใจในการขับเคลื่อนนโยบาย ยิ่งไปกว่านั้นหลายครั้งรัฐบาลมีท่าทีขัดขวาง กดทับความคิดประชาชน ไม่ได้สร้างบรรยากาศที่เอื้ออำนวยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ที่เป็นรากฐานสำคัญทำให้เกิด Soft Power ที่มีพลังได้ หลายปีที่ผ่านมารัฐบาลมองไม่เห็นและทำไม่เป็น ทำให้โอกาสในการสร้าง Soft Power ให้มีพลังหลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย
“ชัยวุฒิ” ชี้ “วิเชียร” ร่วมวง 4 กุมาร
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า กรณีนายวิเชียร ชวลิต ลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อและสมาชิกพรรค พปชร. ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน แต่นายวิเชียรเป็นทีมเดียวกับนายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ สองแกนนำผู้ก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย คงอยากออกไปช่วยงานตรงนี้ เราต้องให้เกียรติกัน อยากทำงานกับใครแบบไหนเราไปห้ามกันไม่ได้ เมื่อถามว่า เป็นสัญญาณว่าจะมีคนออกตามนายวิเชียรหรือไม่ นายชัยวุฒิตอบว่า ไม่ทราบ เป็นธรรมดาการเมืองต้องมีคนย้ายออกย้ายเข้า ทุกพรรค มีเหมือนกัน เรื่องปกติอย่าไปคิดมาก
กก.แจงไม่ใช่ปรปักษ์สถาบัน
ช่วงบ่ายที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เข้าให้ถ้อยคำต่อคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐาน ประเด็นมีผู้ยื่นคำร้องกล่าวหาว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติการณ์และการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองมาตรา 92 (2) เป็นปฏิปักษ์การปกครองฯ จากกรณีอภิปรายงบประมาณของสถาบันฯ ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 นายพิธากล่าวว่า ยืนยันการอภิปรายของพรรคสอดคล้องกับระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้เป็นปรปักษ์ต่อการปกครองอย่างที่ถูกกล่าวหา ส่วนตัวไม่กังวลในข้อกล่าวหานี้ เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่ตรวจสอบงบประมาณเพื่อความโปร่งใส และประสิทธิภาพจากการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชน
ดึง ปปง.-DSI สอบโกงสหกรณ์
อีกเรื่อง น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบและเอาผิด กรณีเจ้าหน้าที่ยักยอกเงินสหกรณ์ออมทรัพย์กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำกัด ว่า ติดตามทุกสัปดาห์ พบยอดความเสียหายเป็นเงิน 620 ล้านบาท ขณะนี้ ให้หน่วยงานอื่นเข้ามาร่วมตรวจสอบ เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) คาดว่าคดีน่าจะคืบหน้าและยึดทรัพย์ได้เร็วขึ้น ได้สอบถามกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ถึงความเป็นไปได้ในการจัดระบบการบริหารจัดการทรัพย์สินที่ยึดมาได้จากหลายกรณี ดีกว่าปล่อยทิ้งเอาไว้ มีแต่จะเสื่อมโทรมและราคาลดลง ซึ่งนายวิษณุระบุว่า จะกลับไปดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ อย่างไร ต้องกลับไปตรวจสอบเส้นทางทางการเงินว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ขณะนี้เราทราบข้อมูลที่มาทางการเงินแล้ว แต่อยู่ที่ว่าเราจะบังคับใช้กฎหมายได้รวดเร็วหรือไม่ ในจำนวน 620 ล้านบาท พบว่า มีทั้งหมด 4,000 บัญชี สมาชิก 1 พันกว่าคน โดย 1 คน มีการเปิด 3-4 บัญชี แล้วแต่ประเภทของบัญชีที่เปิด สำหรับผู้ถูกกล่าวหาคิดว่าไม่น่าจะอยู่ในประเทศไทยแล้ว

“นิพนธ์” โต้ “ธนาธร” บิดเบือน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุว่ามีการใช้อำนาจแทรกแซงคดีที่ดินรุกป่าใน จ.ราชบุรี เพราะพรรคก้าวไกลอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องที่ดินใน จ.สงขลา ว่า ไม่อยากให้นายธนาธรบิดเบือนความจริงเรื่องที่ดินของนายธนาธรและแม่ ได้กำชับกรมที่ดินมาตลอดตั้งแต่มีการร้องเรียน กรมป่าไม้มีหนังสือมาให้กรมที่ดินเพิกถอน น.ส.3 ก ในเดือน ม.ค.2564 ก่อนที่พรรคก้าวไกลอภิปรายไม่ไว้วางใจตนเรื่องที่ดิน อ.จะนะ จ.สงขลา กระทั่งวันที่ 1 เม.ย.2565 กรมป่าไม้กับกรมพัฒนาที่ดิน ยืนยันอีกครั้งว่าที่ดินอยู่ในเขตป่าถาวร กรมที่ดินจึงเพิกถอนสิทธิ์ หากไม่ผิดไม่มีใครกลั่นแกล้งได้ ส่วนที่ระบุว่า น.ส.3 ก ออกโดยเจ้าหน้าที่รัฐ หากพบเป็นพื้นที่ป่าก็เพิกถอนสิทธิ์เป็นเพียงคดีแพ่ง ต้องดูเจตนาการซื้อต่อ และการลงลายมือชื่อกำกับในเอกสาร ทั้งที่ทราบว่าเป็นพื้นที่ป่า
“นิพิฏฐ์” ชี้คดี “แม่ธร” แค่แพ่ง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า คดีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และครอบครัว ถูกกล่าวหาว่ารุกป่า กรมที่ดินเพิกถอนการซื้อขายที่ดิน ทราบว่านายธนาธรและครอบครัวซื้อที่ดินมาเมื่อปี 2533 มีการบันทึกไว้ว่าที่ดินอาจอยู่ หรือไม่อยู่ในเขตป่าก็ได้ แต่หากอยู่ในเขตป่าจะถูกเพิกถอนได้ในภายหลัง ที่ดินที่ซื้อขายและถูกเพิกถอนในภายหลังในแต่ละปีมีแบบนี้เยอะ ถือเป็นคำสั่งทางปกครอง หรือเป็นคดีแพ่ง เป็นคนละเรื่องกับการบุกรุกที่ดินที่เป็นคดีอาญา ยากที่นายธนาธรและครอบครัวจะมีเจตนาบุกรุกที่จะเป็นคดีอาญา เพราะขณะซื้อเจ้าหน้าที่ที่โอนก็ไม่แน่ใจว่าอยู่ในที่ป่าหรือไม่ จะผิดอาญาต้องเป็นกรณีที่รู้โดยแน่ชัดว่าเป็นที่ป่า น.ส.3 ก รัฐออกให้ถูกต้อง หากจะผิดเจ้าหน้าที่รัฐนั่นแหละผิด โทษประชาชนไม่ได้
ติงอย่าใช้อคติการเมืองกับ ก.ม.
นายนิพิฏฐ์ระบุด้วยว่า เปรียบกับกรณีอดีตนายกฯที่ปลูกบ้านในที่ป่า ต่อมาทราบว่าเป็นที่ป่าก็รื้อบ้านออกไป อัยการสั่งไม่ฟ้องขาดเจตนา นั่นเป็นการซื้อที่ดินไม่มีเอกสารสิทธิใดๆเลย แต่ของนายธนาธรซื้อ น.ส.3 ก ด้วยซ้ำ จึงห่างไกลกับการบุกรุกป่าในคดีอาญาเยอะมาก ทั้งนี้ในระบอบประชาธิปไตยทุกคนต้องเสมอภาคกันต่อหน้ากฎหมาย หากเราไม่มีอคติทางการเมืองก็ลองใช้ดุลพินิจดู ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนเรื่องแบบนี้ตนตรงไป-ตรงมาเสมอมิใช่ว่า พอถอดเสื้อแจ็กเกตพรรคหนึ่งจะเปลี่ยนไป เรื่องแบบนี้เราต้องวางหลักให้สังคม
ศาลรับฟ้อง “ปู-สื่อ” ฮั้วโรดโชว์
ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศาลนัดฟังคำสั่งคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกฯ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกฯ บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) นายระวิ โหลทอง กรรมการบริษัทสยามสปอร์ตฯ เป็นจำเลยที่ 1-6 ตามลำดับ ข้อหาตาม ป.อาญามาตรา 151 เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ดูแลรักษาทรัพย์ทำให้เสียหายโดยทุจริต กับมาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นโดยทุจริต, พ.ร.ป.ปราบปรามการทุจริต และ พ.ร.บ. ความรับผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา หรือ พ.ร.บ.ฮั้วประมูล โครงการ Roadshow สร้างอนาคตประเทศไทย Thailand 2020 เอื้อประโยชน์ บริษัทมติชนฯ และบริษัทสยามสปอร์ตฯ ทำให้งบฯสูญเปล่า 240 ล้านบาท จำเลยทั้ง 5 เดินทางมาศาล ยกเว้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำเลยที่ 1 ไม่มา แต่งตั้งนายนพดล หลาวทอง เป็นทนายความมาฟังแทน องค์คณะศาลมีคำสั่งให้ประทับรับฟ้องจำเลยทุกคน ทุกข้อหา ยกเว้น ป.อาญามาตรา 151 ให้ออกหมายจับจำเลยที่ 1 ไม่มาศาล นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 12 ก.ย. และมีคำสั่งอนุญาตให้นายระวิ จำเลยที่ 6 อนุญาตไต่สวนพยานลับหลัง เนื่องจากมีอายุ 80 ปี มีโรคประจำตัว ไม่ต้องมาฟังการพิจารณา และสืบพยาน
รบ.เปิดเวทีเสวนาลดอุณหภูมิ
อีกเรื่อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดเวทีเสวนาของรัฐบาลในช่วงเดือน พ.ค. ว่า กำลังเตรียมการอยู่ อยากคุยกับประชาชนในนามของรัฐบาล จริงๆแล้วหลายๆฝ่ายอยากรู้อยากทราบตรงนี้ ทั้งภาคเอกชน ธุรกิจ อยากสอบถามรัฐบาล เราจะจัดคนไปชี้แจงพร้อมรับฟังปัญหา และนำมาสู่การหาวิธีการแก้ไข รับฟังทั้ง 2 ทาง รูปแบบจะเสวนานอกสถานที่ราชการ เปิดเหมือนเวทีเสวนาทั่วไป ผู้สื่อข่าวถามว่า จะไปรับฟังด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า จะไปเปิดงาน จากนั้นให้คณะทำงานไปเสวนาโต้ตอบกัน แม้อยู่ไม่อยู่ก็ทราบข้อมูลหมด รายงานถึงทุกวันตลอดเวลา และสามารถดูถ่ายทอดแต่ละเวทีด้วย
ยัน “ไบเดน” ส่งเทียบถก “บิ๊กตู่” แล้ว
นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงความคลุมเครือเกี่ยวกับกำหนดการจัดประชุมสุดยอดสหรัฐอเมริกากับผู้นำอาเซียน สมัยพิเศษ ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกาว่า ได้วางกำหนดการประชุมผู้นำอาเซียน-สหรัฐฯ ตั้งแต่เดือน ต.ค.64 แต่จัดวันลงตัวไม่ได้ เพราะผู้นำอาเซียน 10 ประเทศมาอยู่ร่วมกันเป็นไปได้ยาก สหรัฐฯยังไม่มีความพร้อมจึงเลื่อนไป เรื่องนี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น หลายคนกลับไปโยงเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน กำหนดการออกมาก่อนเกิดสงคราม แต่ล่าสุดกำหนดมีขึ้นในวันที่ 12-13 พ.ค.นี้ ผู้สื่อข่าวถามว่า สหรัฐฯออกหนังสือเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม แล้วหรือไม่ นายดอนตอบว่า หนังสือเชิญเป็นทางการออกมาตั้งแต่เดือน ม.ค. วันและเวลาคุยกันหลายรอบแล้ว นายกฯ กำลังดูวัน-เวลาที่สะดวกลงตัวเช่นเดียวกับผู้นำอาเซียนอื่นๆ
ศาลอุทธรณ์ยืนจำคุก “เอกชัย”
ที่ศาลอาญา ศาลนัดอ่านคำพิพากษาของศาล อุทธรณ์ คดีดำ อ.1032/62 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเอกชัย หงส์กังวาน อายุ 47 ปี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นจำเลยในความผิดฐานเผยแพร่ข้อความลามกอนาจาร ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาตรา 14 (4) จากกรณีที่นายเอกชัยโพสต์ข้อความเล่าประสบการณ์เรื่องเพศสัมพันธ์ ในเรือนจำผ่านเฟซบุ๊ก คดีนี้ศาลชั้นต้นพิเคราะห์ว่า การกระทำของจำเลยมีความผิดจริง พิพากษาจำคุก 1 ปีโดยไม่รอการลงโทษ นายเอกชัยยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือ เห็นว่านายเอกชัยกระทำผิดตามฟ้องจริง ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษมานั้นศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์จำเลยฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน ต่อมาญาติได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ ขอปล่อยชั่วคราวนายเอกชัยระหว่างฎีกา ศาลอาญาพิเคราะห์แล้วเห็นควร ส่งคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้ศาลฎีกาพิจารณาเพื่อมีคำสั่งต่อไป