ต้องถือว่าเป็นช่วงพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก พรรคประชาธิปัตย์อ้างว่า เป็นสถาบันการเมืองที่เก่าแก่ที่สุด กำลังเผชิญภาวะโรคซ้ำ กรรมซัด วิบัติเป็น ในขณะที่กำลังพยายามฟื้นฟูคะแนนนิยมที่สูญหายไปทั้งในกรุงเทพฯ และภาคอื่นๆ ด้วยการส่งสมาชิกสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการ กทม. และสมาชิกสภา กทม.
แต่นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ รองหัวหน้าพรรค หัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค และผู้อำนวยการการเลือกตั้ง กทม. ถูกนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” นำหญิงผู้เสียหายหลายคนออกมาแจ้งความกล่าวหานายปริญญ์ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรา 1 คดี และข้อหากระทำอนาจารต่อหน้าธารกำนัล 2 คดี และยังอาจมีรายอื่นๆอีก
กลายเป็นข่าวอื้อฉาวและโด่งดังไปทั่วประเทศ มีเสียงเรียกร้องจากหลายฝ่ายให้ตรวจสอบจริยธรรมคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งรวมทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคด้วย นายจุรินทร์เป็นประธานคณะกรรมการความเท่าเทียมระหว่างเพศ เป็นคณะกรรมการระดับชาติ แต่เกิดเรื่องฉาวโฉ่ในพรรคเสียเอง
ยังมีกรรมการพรรคบางคน โพสต์ข้อความที่สะท้อนเรื่องอื้อฉาวทางเพศ ระบุว่า คนรู้กันทั้งบางว่าคนคนหนึ่งเป็นชู้ของเมียคนอื่นมานมนาน หรือพวกที่ทำให้เข้าใจว่าเป็นกิ๊กของเมียคนอื่น หรือบางคนเป็นชู้กับผัวคนอื่นมานาน รู้กันทั้งบาง มาวันหนึ่งเปลี่ยนจากผัวของอีกคน มาเป็นผัวของอีกคน และเป็น ส.ส.ในพรรค
เป็นคำบรรยายที่ทำให้มองเห็นนิยายคาวโลกีย์ในพรรคได้อย่างโปร่งใสชัดแจ้ง แต่ไม่ระบุว่าเป็นพรรคอะไร ส่วนกรณีอื้อฉาวของพรรค ปชป. หัวหน้าพรรคคือนายจุรินทร์ จะหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ แม้พยายามจะบ่ายเบี่ยงให้เป็นเรื่องการเมือง หัวหน้าพรรคจะต้องรับผิดชอบในการแต่งตั้งนายปริญญ์เป็นรองหัวหน้าพรรค
...
มอบหมายให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค และเป็น ผอ.อำนวยการการเลือกตั้ง กทม. เพราะอาจถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นนักเรียนนอก แต่ไม่ได้ตรวจสอบภูมิหลังด้านจริยธรรม เรื่องราวที่เป็นข่าวอื้อฉาว นักวิชาการถือว่าเป็นการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรม ที่อาจจะร้ายแรงยิ่งกว่าการครอบครองที่ดินของรัฐ
ส.ส.บัญชีรายชื่อคนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์แสดงความเห็นว่าเหตุที่ปัญหาต่างๆในพรรคไม่รู้จบ เพราะไม่กล้าพูด ไม่กล้าทำอย่างตรงไปตรงมา แสดงว่าพรรค ปชป.กลายเป็น “อาณาจักรแห่งความกลัว” หรืออย่างไร ก็ไหนหัวหน้าพรรคคุยว่าพรรค ปชป.เป็นสถาบันการเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศ และเป็นประชาธิปไตยที่สุด.