หลังจากที่เงียบหายไปชั่วระยะหนึ่ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อผู้อำนวยการเลือกตั้ง ส.ก.พรรคเพื่อไทย แถลงว่า จะขอให้ “อุ๊งอิ๊ง” มาช่วยหาเสียงในวันเวลาที่ว่าง ตามยุทธศาสตร์การหาเสียงอย่างหนึ่งของพรรค

เป็นยุทธศาสตร์ที่ตรงกับความเห็นของอาจารย์ธเนศวร์ เจริญเมือง แห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่ว่า น.ส.แพทองธาร อาจเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แต่ส่วนตัวเห็นว่ายังไม่ถึงเวลา อายุยังน้อย (35 ปี) กระดูกยังไม่แข็ง ต้องใช้เวลาเพาะบ่ม เรียนรู้ และเก็บเกี่ยวประสบการณ์การเมืองมากกว่านี้ หน้าที่ที่เหมาะสมคือเป็นหัวหน้าเชียร์ลีดเดอร์ ช่วยหาเสียงช่วยพรรค และผู้สมัครทุกพื้นที่

เนื่องจากเป็นบุตรสาวของอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่เปิดตัวที่ขอนแก่นและอุดรธานี ทั้งในฐานะประธานที่ปรึกษา และหัวหน้าครอบครัวพรรค ทำให้แวดวงการเมืองคาดว่า น.ส.แพทองธารอาจเป็นผู้สมัครนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ผลการสำรวจความนิยมของนิด้าโพล อุ๊งอิ๊งมาเป็นอันดับ 3

รองจากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ที่แซง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 ตามด้วยอุ๊งอิ๊ง ที่ได้คะแนนนิยมนำหน้าบรรดานักการเมืองรุ่นเก่า แต่ผู้ที่เห็นว่ายังไม่สนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี ยังคงมาเป็นที่ 1

แต่ น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์รายการทีวีช่องหนึ่งว่า อยากให้เปลี่ยนรัฐบาล เพราะรู้สึกว่าอยู่แบบนี้มานานแล้ว ประเทศต้องไปต่อ แต่ขณะนี้ถอยหลังอย่างเดียว แต่ถ้าถามว่าอยากเป็นนายกฯหรือไม่ ในวันนี้ “ยังไม่อยากค่ะ” อยากจะเก่งกว่านี้ก่อน อยากจะมีประสบการณ์มากกว่านี้สักหน่อย ต้องถือว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง

...

เป็นการยอมรับความเป็นจริง และอยู่ในโลกของความเป็นจริง ไม่ใช่โลกของความฝัน ไม่ใช่การเป็นนายกฯ ใครก็เป็นได้ ถ้ามาจากตระกูลชินวัตร เพราะไม่ใช่เพียงการบริหารธุรกิจของครอบครัว แต่บริหารทั้งประเทศ ต้องดูแลประชาชนกว่า 66 ล้านคน ทั้งยังมีวิกฤติและปัญหารอบด้าน ทั้งการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ

เริ่มต้นด้วยวัยวุฒิที่เหมาะสม ตามด้วยคุณวุฒิ และประสบการณ์ทางการเมือง ตัวอย่าง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นอา เข้าสู่การเมืองเมื่ออายุกว่า 40 ปี ถือว่าเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว แต่ขาดประสบการณ์ทางการเมือง จึงไม่รู้ว่ามีการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว โดยบริวารรอบข้าง ทำให้ประเทศเสียหาย.