8 เครือข่ายเรียกร้องปฏิรูปสถาบันนัดจัดม็อบปกป้องประชาธิปไตย 14 พ.ย. รวมพลอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเคลื่อนขบวนไปสนามหลวง “อานนท์” สู้คดีม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์ ขอเบิกตัว “ประยุทธ์” เป็นพยาน “บิ๊กตู่” ปิดปากไม่ตอบนักศึกษาฮือเคลื่อนไหว “สิระ” ไล่บี้เอาผิด “มงคลกิตติ์-พีระวิทย์-ณัฐชา” ร่วมม็อบสามนิ้ว เล็งเล่นงาน ม.113 “ธนาธร-ปิยบุตร” หนุนหลัง “โรม” ลุยต่อเร่ง “ชวน” บรรจุร่างแก้ไขมาตรา 112 จวก ส.ว.ตัวแทนความตกยุคเหนี่ยวรั้งสังคมให้ทนล้าหลัง “จรัญ ภักดีธนากุล” ชี้คำวินิจฉัยคดีล้มล้างการปกครองแค่ปรามไม่ให้ลุกลาม มัดผิดแค่ 3 คน ไม่มีผลผูกพันคนอื่น แต่เครือข่ายสนับสนุนอาจตกใจ

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าการจัดชุมนุมเสนอปฏิรูปสถาบันเข้าข่ายเป็นการล้มล้างการปกครองฯ ก่อให้เกิดกระแสคัดค้านจากองค์กรนักศึกษาทั่วประเทศ ล่าสุดเครือข่ายเรียกร้องปฏิรูปฯ รวม 8 กลุ่ม ได้นัดหมายจัดการชุมนุมในวันที่ 14 พ.ย.ระบุเพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย

8 เครือข่ายปฏิรูปฯ นัดม็อบ 14 พ.ย.

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 12 พ.ย. เครือข่ายเรียกร้องปฏิรูปสถาบัน 8 กลุ่ม ประกอบด้วย แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม นำโดย น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล กลุ่มมวลชนอาสา หรือวีโว่ นำโดยนายปิยรัฐ หรือโตโต้ จงเทพ กลุ่มทะลุฟ้า นำโดยนายนวพล ต้นงาม กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย นำโดย น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว พร้อมด้วยกลุ่มศาลายาเพื่อประชาธิปไตย คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) กลุ่มซับพอตเตอร์ไทยแลนด์ และกลุ่มเหล่าทัพราษฎร ได้เผยแพร่ข้อความพร้อมโปสเตอร์ นัดชุมนุมบนสื่อสังคมออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม เพื่อนัดจัดการชุมนุมต่อต้านระบอบในอดีต

...

รวมตัวต้านเพื่อปกป้อง ปชต.

ข้อความนัดชุมนุมดังกล่าวมีใจความระบุว่า นี่ไม่ใช่การไล่ประยุทธ์ นี่ไม่ใช่การยกเลิก 112 นี่ไม่ใช่การปฏิรูปฯ นี่ไม่ใช่การล้มล้างฯ นี่คือการต่อสู้เพื่อยืนยันว่าประเทศนี้ต้องปกครองด้วยระบอบที่คนทุกคนเสมอหน้าเท่าเทียมกัน นี่คือการต่อต้านระบอบในอดีต เพื่อปกป้องระบอบประชาธิปไตย วันอาทิตย์ที่ 14 พ.ย.นี้ พร้อมกัน 15.00 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเคลื่อนไปสนามหลวง #ม็อบ 14 พ.ย.64

“อานนท์” เบิกตัว “บิ๊กตู่” เป็นพยาน

ที่ศาลอาญา ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีที่อัยการฟ้องนายอานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร ตามมาตรา 112 มาตรา 116 และอื่นๆ กรณีร่วมปราศรัยในการชุมนุม “เสกคาถาปกป้องประชาธิปไตย” หรือม็อบแฮร์รี่ พอตเตอร์ วันที่ 3 ส.ค.63 เบิกตัวนายอานนท์มาจากเรือนจำ หลังศาลตรวจพยานหลักฐานเสร็จสิ้นนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความ เปิดเผยว่า ฝ่ายโจทก์ขอสืบพยาน 18 คน ฝ่ายจำเลยขอสืบพยาน 23 คน หนึ่งในนั้นได้เชิญ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ มาเบิกความเป็นพยาน เนื่องจากนายอานนท์ปราศรัยพาดพิงถึงคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ให้ข่าวเกี่ยวกับมาตรา 112 โดยศาลนัดสืบพยานนัดแรกวันที่ 1 พ.ย.65

ศาลแพ่งรับฟ้องคดี ตร.สลายม็อบ

ที่ศาลแพ่ง น.ส.ชลธิชา หรือลูกเกด แจ้งเร็ว แกนนำกลุ่มราษฎร นางอังคณา นีละไพจิตร ตัวแทนกลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชน และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสลายม็อบ ที่หน้าอาคารรัฐสภา เมื่อวันที่ 17 พ.ย.63 จำนวน 9 คน ยื่นฟ้องสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ ผบ.ตร. เพื่อเรียกร้องค่าเสียหายต่อเสรีภาพการชุมนุมและสิทธิในชีวิตและร่างกาย เป็นค่ารักษาพยาบาล 3,020,147 บาท และขอให้กำหนดมาตรการป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปิดกั้นขัดขวาง ใช้กำลังสลายการชุมนุมโดยไม่เป็นไปตามกฎหมายการชุมนุมสาธารณะ และหลักสากล ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.5341/2564 นัดพิจารณาคดีครั้งแรกวันที่ 8 ก.พ.65 เวลา 09.00 น.

“ตี้-ลูกนัท” นำทีมปราศรัยหน้าศาล

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ศาลอาญา น.ส.วรรณวลี ธรรมสัตยา หรือตี้ พะเยา และนายธนัตถ์ ธนากิจอำนวย หรือไฮโซลูกนัท แกนนำกลุ่มราษฎร รวมทั้งแกนนำคนอื่นๆ รวมตัวปราศรัยหน้าประตูศาลอาญา ย้ำความเคลื่อนไหวของกลุ่มเรียกร้องปฏิรูปฯ ไม่ใช่การล้มล้างการปกครอง และเรียกร้องให้ตรวจสอบบุคคลที่ทำงานในกระบวนการยุติธรรม โดยมีการอ่านแถลง การณ์สองภาษาถึงปัญหาสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย และ ป.อาญามาตรา 112 ท่ามกลางกำลังตำรวจ คฝ.บก.น.2 และ สน.พหลโยธิน 2 กองร้อย ดูแลความสงบเรียบร้อย

“บิ๊กตู่” ไม่ตอบม็อบนัดเคลื่อนไหว

เมื่อเวลา 12.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าเป็นห่วงหรือไม่ว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุการชุมนุมของกลุ่มราษฎร เป็นการล้มล้างการปกครอง มาเคลื่อนไหวทาง การเมือง โดย พล.อ.ประยุทธ์ไม่ตอบคำถามดังกล่าวก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที

“ชัยวุฒิ” ล่ามือแฮ็กเว็บศาล รธน.

ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส กล่าวถึงกรณีเว็บไซต์สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญถูกแฮกเกอร์โจมตีว่า เว็บไซต์ดังกล่าวอยู่ระหว่างปิดชั่วคราว ยังไม่สามารถเข้าสู่หน้าเว็บได้ ยังไม่พบข้อมูลเสียหาย เป็นแค่เว็บไซต์ประชาสัมพันธ์แค่เพียงดิสเครดิต สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญว่าจ้างเอกชนดูแลระบบ แต่มาตรการป้องกันไม่เพียงพอจึงแฮ็กได้ ตอนนี้กำลังสืบสวนสอบสวนอยู่ แอดมินอาจ ตั้งรหัสพาสเวิร์ดง่ายเกินไปหรือพาสเวิร์ดหลุดออกไป หรืออาจเป็นคนนอกที่เป็นแฮกเกอร์คนไทยหรือต่างชาติก็ได้ เราต้องรีบสืบสวนหาคนที่เกี่ยวข้อง รู้อยู่แล้วใครมีพาสเวิร์ด กำลังไล่ดูอาจต้องใช้เวลาไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด

“สิระ” บี้เอาผิด 3 ส.ส.ฝ่ายค้าน

ที่รัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า 3 แกนนำกลุ่มราษฎรชุมนุมปราศรัยเมื่อวันที่ 10 ส.ค.63 มีข้อเรียกร้อง 10 ข้อ เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง จะทำให้กลุ่มบุคคลหรือพรรคการเมืองที่ให้การสนับสนุนมีความผิดไปด้วยหรือไม่ว่า ตั้งแต่วันที่ 21 ก.ย.63 ได้ไปแจ้งความไว้ที่ สน.ชนะสงครามให้ดำเนินคดีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ นายพีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยรักธรรม และนายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม.พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ตามความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 และมาตรา 116 กรณีไปร่วมชุมนุมในสถานที่ห้ามชุมนุม ภายหลังมีภาพทั้ง 3 คน ไปชูสามนิ้วกับแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ที่การชุมนุมมีการโจมตีให้ร้ายต่อสถาบันอย่างต่อเนื่อง พฤติกรรมของ ส.ส.ทั้ง 3 คน จึงเข้าข่ายเป็นผู้สนับสนุนการชุมนุม ได้ยื่นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบจริยธรรมกับบุคคลทั้ง 3 คน อยู่ระหว่างดำเนินการทั้งเรื่องคดีความ และ ป.ป.ช. ถ้าไม่มีพวกชี้นำสนับสนุนคงไม่เกิดการชุมนุม ได้ เป็นห่วงเยาวชนจะตกเป็นเหยื่อ เพราะมีคนยุยง และคนที่อยู่เบื้องหลังเหล่านี้กลับไม่เคยโดนอะไรเลย

เล็งฟัน “ธนาธร—ปิยบุตร” หนุนหลัง

นายสิระกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังให้ฝ่ายกฎหมาย ตรวจสอบพฤติกรรมของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ว่า มีการสนับสนุนกลุ่มผู้ชุมนุมอย่างไรบ้าง เพื่อแจ้งความตามความผิดประมวล กฎหมายอาญามาตรา 113 ต่อไป พรรคก้าวไกลคิดว่าน่าจะโดนยุบพรรคด้วย เพราะค่อนข้างชัดเจนว่าสนับสนุนผู้ชุมนุมและการแก้ไขมาตรา 112 อีกทั้งเมื่อวันที่ 11 พ.ย. แถลงดิ้นเพื่อมัดตัวเองไปอีก โดยเฉพาะการยุยงให้คนออกไปประท้วงใช้ความรุนแรง

“จรัญ” ชี้ผูกมัดแค่คนทำผิด 3 คน

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและผู้อำนายการหลักสูตรนิติศาสตรมหาบัณทิต มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต กล่าวตอนหนึ่งระหว่างบรรยายพิเศษให้กับนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูงรุ่นที่ 12 หัวข้อธรรมาภิบาลกับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ ชาติและการปฏิรูปด้านการเมือง ช่วงท้ายของการบรรยายมีนักศึกษาถามถึงความเห็นต่อคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญกรณีล้มล้างการปกครอง นายจรัญตอบว่าคำวินิจฉัยดังกล่าวเชื่อว่าต้องการออกมาเตือน ป้องปรามว่าการกระทำของกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวไม่มีขอบเขตผิดกฎหมายและมีความผิดระดับร้ายแรง เพราะหากถือตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ถือว่าร้ายแรงมาก จึงเหมือนอยากจะให้ถอยกันให้หมด คำวินิจฉัยชัดเจนมีผลเฉพาะคนที่ทำผิดคือผู้ถูกร้องทั้ง 3 คนเท่านั้น ไม่มีผลผูกพันคนอื่น แต่ยอมรับอาจมีคนตกใจ โดยเฉพาะกลุ่มเครือข่ายที่เคยสนับสนุน เพราะที่ผ่านมาคำวินิจฉัยของศาล รัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร

ระบุคำวินิจฉัยแยก 2 ส่วน

นายจรัญกล่าวว่า ครั้งนี้คำวินิจฉัยถูกแยกออกเป็น 2 ส่วนคือคำวินิจฉัยที่เป็นประเด็นโดยตรง (มีผลผูกพันกับทุกองค์กร) และคำวินิจฉัยที่การนำประเด็นต่างๆมาขยายเหตุผลว่าศาลได้ผ่านกระบวนการความคิดประมวลมาต่างๆ จึงนำมาแสดงเหมือนชักแม่น้ำทั้ง 5 มาให้ประชาชนได้ทราบ เพราะศาลยึดหลักมาโดยตลอดว่าศาลไม่ชี้แจงหลังการพิจารณา ดังนั้น เหตุผลที่เป็นองค์ประกอบจึงไม่มีผลผูกพัน ทั้งนี้ ก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัย มีสื่อมวลชนมาสัมภาษณ์เกี่ยวกับประเด็นการเสนอแก้มาตรา 112 ตนไม่เห็นด้วยที่จะยกเลิกและแก้ไข บังเอิญว่าสอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกันกับศาลรัฐธรรมนูญ

ต้องการปรามไม่ให้ลุกลามไปกว่านี้

“ยอมรับว่าถูกขู่เช่นกัน แต่ขอบอกเลยว่าไม่มีใครเขากลัวคำขู่ คนทำงานมาถึงขนาดนี้พร้อมจะตายได้ทุกวัน ตอนนี้อยู่ถือเป็นกำไร แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคือของจริง ไม่ใช่คำขู่ ขอวิเคราะห์คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่าต้องการปราม เพราะไม่ต้องการให้ลุกลามไปมากกว่านี้ ถ้าไม่พอใจรัฐบาลคุณก็โค่นล้มรัฐบาลไป ไม่ควรต้องมาเกี่ยวข้องกับประมุขของชาติ ดังนั้น ขออย่าตกใจ ขอให้มั่นใจว่าคนในวงการตุลาการจะไม่บ้าจี้ ให้เกิดความรุนแรงทางใดทางหนึ่ง มั่นใจว่าเมื่อคำตัดสินออกมาแบบนี้เหตุการณ์จะสงบขึ้น” นายจรัญกล่าว

“โรม” จี้ “ชวน” เร่งบรรจุญัตติแก้ ม.112

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า พรรคก้าวไกลขอยืนยันว่าข้อเสนอแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้เป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ภายใต้ข้อเสนอสถาบันจะยังคงอยู่ต่อไป ทั้งยังได้หน่วยงานของรัฐมาช่วยรับฟังความคิดเห็นต่อสถาบันได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลขึ้น ขอเรียกร้องให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯและคณะ พิจารณาบรรจุข้อเสนอดังกล่าวของพรรคก้าวไกลเข้าสู่สภา เป็นพื้นที่เหมาะสมที่สุดที่จะหาทางออกเรื่องนี้ด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องหวั่นไหวต่อเสียงข่มขู่ของพวกตกยุคล้าหลังที่ทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชนอยู่ร่ำไป แต่มามองถึงอนาคตข้างหน้าของประเทศและประชาชน คนไทยจะดีกว่า ตั้งแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยประเด็นว่าข้อเรียกร้องปฏิรูปสถาบันของ ผู้ชุมนุมถือเป็นการล้มล้างการปกครองเป็นต้นมา เห็นได้ว่าเริ่มมีบางคนบางกลุ่มพยายามนำมาเป็นข้ออ้างในการเซาะกร่อนบ่อนทำลายพรรคก้าวไกล ราวกับเป็นขั้นตอนต่อไปของแผนการที่ได้ตระเตรียมมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นบางคนบางกลุ่มจากนอกสภาที่อ้างเหตุที่ ส.ส.ของพรรคไปประกันตัวให้ผู้ชุมนุมบ้าง หรือที่พรรคพยายามยื่นเสนอแก้มาตรา 112 ต่อสภา

ซัด ส.ว.ตกยุครั้งสังคมให้ทนล้าหลัง

“ในสภาด้วยกันเอง ยังมีบางคนบางกลุ่มจากฟาก ส.ว.พยายามกดดันไม่ให้นำข้อเสนอแก้มาตรา 112 ของเราเข้ามาพิจารณาในที่สภา ทั้งยังบอกใบ้ไว้ล่วงหน้าด้วยว่าเตรียมหาทางล้มข้อเสนอดังกล่าวตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มพูดคุย เรียกได้ว่าพอมีคำวินิจฉัยที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาชน เป็นปฏิปักษ์ต่อการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยเกิดขึ้นมา ตัวแทนแห่งความตกยุคเหล่านี้ ไม่พลาดที่จะรีบยกมันขึ้นมา เพื่อเหนี่ยวรั้งสังคมให้ต้องทนล้าหลังอยู่ด้วยกันกับพวกตัวเอง” นายรังสิมันต์กล่าว

พท.ตีปี๊บชาวนาคิดถึงจำนำข้าว

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ตอบกระทู้ในสภาระบุไทยส่งออกข้าวได้คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 100,000 ล้านบาทว่า ถ้าเป็นจริงถือเป็นเรื่องดี นายจุรินทร์ควรรีบนำเงินที่ขายข้าวได้ไปมอบให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำมาจ่ายให้เกษตรกร จะได้ไม่ต้องรบกวนงบฯแผ่นดิน แม้แต่กระทรวงการคลังยังยอมรับว่ามีปัญหาหางบฯมาสนับสนุนประกันรายได้เกษตรกร รัฐบาลต้องเห็นใจประชาชน ข้าวราคาตกต่ำมาก ขาดทุนตั้งแต่คิดจะขาย ชาวนาไม่ได้คิดถึงกำไรขาดทุนขอแค่มีกินพอแล้ว ลงพื้นที่รับฟังปัญหาพบชาวนาหลายพื้นที่คิดถึงโครงการรับจำนำข้าวสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ช่วยให้ลืมตาอ้าปากและมีศักดิ์ศรีมากกว่ารัฐบาลปัจจุบัน

ฉะ “บิ๊กตู่” เมินสภา–วิ่งหนีทุกข์ ปชช.

นายสมคิดกล่าวว่า ส่วนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ระบุฝ่ายการเมืองจ้องล้มรัฐบาล ต้องพูดให้ชัดว่าฝ่ายการเมืองที่พูดถึงคือฝ่ายรัฐบาลด้วยกันใช่หรือไม่ ฝ่ายค้านไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ ต้องไปพูดกันในรัฐบาล อย่าโอดครวญให้คนอื่นสงสาร คนล้มรัฐบาลมาจากฝ่ายรัฐบาลเอง ไม่ควรพูดดังไปอายชาวบ้านเขา ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ไม่เคยมาตอบคำถามในสภา หนีสภาตลอด ไม่ให้เกียรติสภาฯ ตลอดกว่า 2 ปีที่ผ่านมาอ้างไม่ว่างตลอดจะใช้วิธีวิ่งหนีปัญหาความเดือดร้อนประชาชนไม่ได้ หรือไม่ใส่ใจปัญหาประชาชน จึงไม่ให้ความสำคัญ

“อุ๊งอิ๊ง” จี้รัฐหนุนนวัตกรรมอวกาศ

ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรค เพื่อไทย และนายคณาพจน์ โจมฤทธิ์ ผอ.THINK คิดเพื่อไทย ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้และไอเดียใหม่ๆกับกลุ่ม UNISEC กลุ่มเยาวชนและผู้มีความสนใจด้านอวกาศ ประเด็นการพัฒนาเศรษฐกิจบนดวงจันทร์ในอนาคต โดย น.ส.แพทองธารกล่าวว่า กลุ่ม UNISEC สนใจด้านอวกาศ บางคนมาจากการที่ครอบครัวทำงานในองค์กรด้านการสื่อสารโทรคมนาคม บางคนสนใจเพราะอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นสอดแทรกเนื้อหาด้านอวกาศ แสดงให้เห็นว่าประเทศไทยขาดแคลนพื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้ด้านอวกาศที่มีคุณภาพเพียงพอ จึงอยากผลักดันให้สถาบันการศึกษาทุกระดับชั้นเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาล รวมถึงหน่วยงานอื่นๆสร้างพื้นที่ส่งเสริมการเรียนรู้ พื้นที่ทดลอง พิพิธภัณฑ์ด้านอวกาศที่เพิ่มเนื้อหาในเชิงลึกมากขึ้นเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ส่งเสริมการเรียนรู้ให้เด็กและเยาวชนเข้าถึงความรู้ ใหม่ๆ ด้านอวกาศและเทคโนโลยี เรื่องอวกาศไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เทคโนโลยีทางอวกาศช่วยแก้ปัญหาการดำเนินชีวิตของมนุษย์ได้ เช่น การสร้างระบบการประเมินสถานการณ์น้ำท่วม ตรวจจับไฟไหม้ป่า สร้างระบบการบริหารจัดการภัยพิบัติ อยากเห็นประเทศไทยมีหน่วยงานด้านอวกาศ ให้เด็กไทยใช้ความสามารถพัฒนาประเทศ

“ทายาท” ส.ส.พท.โผล่รับ “ลุงป้อม”

เมื่อเวลา 07.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะ ผอ.กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ติดตามสถานการณ์และแผนบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนบน และพบปะประชาชน มี พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนบริหารจัดการที่ดินและทรัพยากรดิน ในคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง รองหัวหน้าพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร รองเลขาธิการพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี รวมถึง 4 ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ และนายทายาท เกียรติชูศักดิ์ ส.ส.นครสวรรค์ พรรคเพื่อไทยมาต้อนรับ ก่อนกลับ พล.อ.ประวิตรและคณะ เข้ากราบสักการะรูปหล่อหลวงพ่อเดิม ที่วัดหนองโพ อ.ตาคลี เพื่อความสิริมงคล

จี้พรรคร่วมฯรับร่าง รธน.ภาค ปชช.

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการนำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม เสนอโดยภาคประชาชนจากกลุ่ม Resolution นำโดยนายพริษฐ์ วัชรสินธุ กับผู้มีสิทธิ เลือกตั้ง 1.35 แสนคนเข้าสู่วาระการประชุมร่วมรัฐสภาวันที่ 16-18 พ.ย.ว่าถือเป็นภาค 3 ของการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 และเป็นครั้งที่ 2 ที่ร่างประชาชนได้เข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา เนื้อหาสำคัญคือ 1.การยกเลิกวุฒิสภา ให้มีสภาฯเพียงสภาเดียว 2.ที่มา อำนาจ การตรวจสอบศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ 3.คุณสมบัตินายกฯ นำเสนอประเด็นแก้ไขที่ก้าวหน้า เป็นประชาธิปไตยมากกว่าปัจจุบัน หวังว่าสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลคงจะพิจารณาลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะสอดคล้องกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ข้อ 12 ที่แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา และให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของภาคประชาชน

“เด็กชวน” จวก “เอ๋” ให้ร้ายผู้ใหญ่

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณี น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงนายชวน หลีกภัย ประธานสภา ขอให้คิดก่อนพูดการเป็น กมธ.วิสามัญของ ส.ส.ที่ถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ว่า นายชวนให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ไม่ได้พูดพาดพิงถึง น.ส.ปารีณาเลย แม้แต่จะเอ่ยชื่อถึง แต่กลับพูดจาให้ร้ายเหมือนไม่เคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ส.ส.ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่เป็น กมธ. นายชวนพูดเพียงคำสั่งศาลต้องยึดถือเป็นแนวปฏิบัติต่อไป ไม่ได้ระบุถึงใคร ขอให้ตั้งสติใจเย็นก่อนพูดถึงใคร ควรตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ยืนยันว่านายชวนเป็นผู้ใหญ่ที่ยึดถือคำพูด รักษาคำพูด
นายราเมศ รัตนะเชวง ในฐานะเลขานุการประธานรัฐสภา กล่าวว่า น.ส.ปารีณาควรฟังให้ได้ ศัพท์ก่อนจับไปกระเดียด และควรใช้เวลาไปต่อสู้คดีจะดีกว่า

“นิพิฏฐ์” หยันตู้แช่น้ำผลไม้ใครเชื่อ

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์โพสต์เฟซบุ๊กตั้งข้อสังเกตกรณีตู้แช่ไวน์ในห้องทำงาน กกต.หัวเรื่อง “นำตู้แช่ไวน์ มาแช่น้ำผลไม้?” ว่า หากใครบอกว่าเอาตู้แช่ไวน์ไปแช่น้ำผลไม้ ใครจะเชื่อก็เชื่อไปแต่ตนไม่เชื่อ 1.ไม่มีมนุษย์คนไหนในโลกสร้างความลำบากให้ชีวิตตัวเอง ขนาดเอาตู้แช่ไวน์ไปแช่น้ำผลไม้ มันเป็นตะแกรง นำไปวางน้ำผลไม้ไม่ได้ ไม่เหมือนตู้เย็น 2.จะแช่น้ำผลไม้ในตู้ไวน์จะตั้งอุณหภูมิเท่าไหร่ จะตั้งที่ 12-18 องศาตามชนิดไวน์หรือ 3.ส่วนราชการไม่น่าจะอนุญาตให้ซื้อครุภัณฑ์ตู้แช่ไวน์ ไว้ใช้ในสำนักงาน คงมีคนซื้อให้หรือซื้อเอง ถ้าเป็นอย่างนั้นใช้ไฟหลวง ขนาดชาร์จโทรศัพท์โดยใช้ไฟหลวงยังผิดเลย นี่ใช้ไฟเสียบตู้แช่ไวน์จะไม่ผิดกันไปใหญ่หรือ ลองไปขอดูทะเบียนครุภัณฑ์ว่ามีทะเบียนตู้ไวน์หรือเปล่า ในโลกนี้น่าจะมีสถานที่ราชการไทยเพียงหน่วยงานเดียวคือที่ กกต.เอาตู้แช่ไวน์มาแช่น้ำผลไม้ กกต.ประเทศไทยชอบทำอะไรแปลกๆอยู่แล้ว