คณะนี้ชาวนาไทยทั่วประเทศกำลังประสบภาวะ “วิบัติซ้ำกรรมซัด” น้ำท่วมนา ข้าวเน่า ในหลายจังหวัดทั่วประเทศ ราคาข้าวตกต่ำเป็นประวัติการณ์อย่างที่พูดกันว่าข้าวเปลือก กก.ละ 5 บาท ถูกกว่ามาม่า 1 ซอง ครั้นจะหันไปพึ่งโครงการประกันราคาข้าว ที่พรรคประชาธิปัตย์คุยนักคุยหนา ก็ไม่มั่นใจจะทันการณ์หรือไม่?

ขณะที่ชาวนากำลังประสบความทุกข์ร้อนแสนสาหัส กระทรวงพาณิชย์เสนอของบประมาณประกันราคาข้าว 89,306 ล้านบาท แต่คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ก่อน 13,000 ล้านบาท ส่วนวงเงินที่เหลือ ให้กระทรวงพาณิชย์ไปทบทวน จะจัดการแบ่งจ่ายเป็นงวดๆอย่างไร จะใช้งบประมาณจากส่วนใด

เนื่องจากมีกฎหมายที่เรียกว่า พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง กำหนดไว้ไม่เกิน 30% ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี และขณะนี้ มีหนี้สะสมใกล้จะถึงเพดานแล้ว กระทรวงการคลังจึงมีปัญหาในการจัดงบ โครงการประกันราคาข้าวฤดูการผลิต 2564/2565 89,306 ล้านบาท และต้องการงบเร่งด่วน 76,000 ล้านบาท

อาจต้องให้คณะกรรมการวินัยการเงินการคลัง ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เป็นผู้พิจารณา โดยอาจจะอนุมัติให้ขยายเพดานการก่อหนี้สะสม ตาม พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังหรือไม่ หรือจะอนุมัติให้ใช้งบกลาง ซึ่งอยู่ในอำนาจของนายกรัฐมนตรี เพื่อแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญเร่งด่วน

อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาข้าวตกต่ำอย่างฮวบฮาบและรวดเร็วในฤดูการผลิต 2563/2564 ที่ผ่านมา ชาวนาไทยก็ประสบปัญหาราคาข้าวไทยแพง จนสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน และสูญเสียตลาดข้าวโลกให้คู่แข่ง อันได้แก่ อินเดีย กับเวียดนาม อีกทั้งข้าวไทยไม่มีการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ใหม่ๆ

มีคำชี้แจงจากกรมการค้าภายใน เหตุที่ราคาข้าวไทยตกต่ำ มีหลายปัจจัย มีทั้งความต้องการในต่างประเทศ และการบริโภคภายในประเทศ ที่ลดลง อีกทั้งเกิดน้ำท่วม ชาวนาต้องรีบเก็บเกี่ยว ก่อนที่ข้าวจะเน่าเสีย ข้าวจึงมีปัญหาความชื้นและถูกกดราคา อีกปัจจัยหนึ่งน่าจะเพราะค่าเงินบาทอ่อน จึงขายข้าวราคาถูก

...

แต่รัฐบาลโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์ และอาจรวมทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย คงจะหนีความรับผิดชอบไม่ได้ ถ้าหากรัฐต้องจ่ายเงินประกันราคาข้าวล่าช้า หรือไม่ทั่วถึง เพราะต้องรู้อยู่แล้วว่าปีนี้น้ำท่วมในหลายจังหวัดทั่วประเทศ และต้องมีปัญหาราคาข้าวตกต่ำแน่ แต่รัฐบาลกลับทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม.