ก้าวไกลลุยถล่มรัฐบาลจัดงบฯไม่คุ้มค่า “พิธา” หวดกระทรวงคลังจัดงบช่วยรัฐบาลทหารเมียนมา สวนทางชาวโลก เหน็บรัฐบาลตู่หนุนรัฐบาลรัฐประหารพวกเดียวกัน ลูกพรรคดาหน้าขย่ม กต.ติดหรู ผลาญภาษีปรนเปรอทำสนามเทนนิส ซื้อตู้แช่ไวน์บ้านท่านทูต “ศิริกัญญา” ซัดเปย์หนักปรับปรุงสถานทูต แต่ผลงานช่วยคนไทยแทบไม่เห็น “พิสิฐ” ช่วยขยี้เอา 589 ล้าน ไปให้ ผู้รับเหมาสร้างสะพาน ทำถนน ยังดีกว่า พท.จวก พม.ด่านหน้าช่วย ปชช.แต่หายหัวไม่ร่วมแก้โควิด “จิรายุ” สับเลือกปฏิบัติแจกของอิงแอบการเมือง “มุกดา” สวดไม่เหลียวแล ทอดทิ้งเด็กกำพร้าหลายหมื่นราย “บิ๊กตู่” ออกจากถ้ำลั่นไม่ท้อแท้ขอแค่ประเทศสงบ “ธนาธร” อ่วมเจอหมายเรียกอีก 2 คดี ม.112

การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 เป็นวันที่สอง พรรคก้าวไกลยังคงเป็นพรรคหลักที่ทำหน้าที่อภิปรายท้วงติงการจัดสรรงบประมาณ โดยไม่มีประสิทธิภาพของรัฐบาล

ฝ่ายค้านส่องดออกเสียงงบฯ 65

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 19 ส.ค. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงภาพรวมการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ว่า เป็นที่พอใจผิดความคาดหมายจากที่คิดว่าจะเยิ่นเย้อ แต่ทุกอย่างเรียบร้อยทุกคนอภิปรายอยู่ในกรอบ ไม่มีการประท้วงขัดจังหวะ น่าจะเสร็จภายในวันที่ 20 ส.ค. เหลือกระทรวงที่ไม่มีรายละเอียดสำคัญมากเท่าไร การลงมติวาระ 3 ขอหารือกันก่อนแต่ความเห็นไม่เป็นทางการน่าจะงดออกเสียง แต่ต้องรอฟังอีก 2 วัน ส่วนกรอบเวลาการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี มีอยู่ 2 ช่วงวันที่ 31 ส.ค.-4 ก.ย. หรือวันที่ 6-9 ก.ย. ต้องรอหารือกันอีกครั้ง อยู่ภายใต้กรอบการอภิปราย 56 ชั่วโมง ยังไม่ได้ยินสัญญาณยุบสภาแต่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ขณะนี้กำลังเป็นทุกข์มากๆ

...

“ชวน” ไม่ห่วงม็อบบุกมารัฐสภา

นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวถึงการประชุมสภาฯวันที่ 20 ส.ค. อาจจะมีผู้ชุมนุมมาชุมนุมที่รัฐสภา สั่งกำชับมาตรการดูแลความ ปลอดภัยอย่างไรว่า มีการเตรียมไว้แล้ว โดยทั่วไปที่มาชุมนุมที่รัฐสภาไม่มีปัญหามากและสภาฯเปิดรับสามารถมายื่นหนังสือได้ และต้องเป็นการชุมนุมที่ปราศจากอาวุธ คงไม่ต้องมีการยกระดับการดูแลความปลอดภัย เจ้าหน้าที่ดูแลตามปกติ เพียงแต่อย่าไปประมาท

“พิธา” ให้ตัดงบฯช่วยเมียนมา

จากนั้นเริ่มเข้าสู่การพิจารณามาตรา 9 งบประมาณกระทรวงการคลัง วงเงิน 10,948,797,100 บาท โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอลดงบกระทรวงการคลังเหลือ 10,945,262,429 บาท ในส่วนสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน เกี่ยวกับโครงการพัฒนาเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมาที่กำลังมีปัญหาผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ สูญหายจากการรัฐประหารในประเทศ รัฐบาลไทยควรสร้างช่องทางช่วยเหลือทางมนุษยธรรมโดยไม่ผ่านกองทัพ แต่การเสนอโครงการพัฒนาเมืองเมียวดี ช่วยเหลือรัฐบาลทหารเมียนมา จำเป็นต้องตัดลดงบฯส่วนนี้ มิติเศรษฐกิจที่ชายแดนแม่สอด-เมียวดียังมีการสู้รบบริเวณชายแดน จีดีพีเมียนมาปีนี้ติดลบ 18% การช่วยเหลือจึงไม่ใกล้เคียงความจริง

เหน็บ รบ.ตู่หนุน รบ.เผด็จการทหาร

“สหประชาชาติและธนาคารพัฒนาแห่งเอเชีย ชะลอช่วยเหลือพัฒนาเมียนมาหลังรัฐประหาร แต่กระทรวงการคลังกลับสนับสนุนรัฐบาลจากการรัฐประหารเมียนมา ส่งสัญญาณว่าให้คุณค่ากับการปกครองแบบใด” นายพิธากล่าว ขณะที่นายพิสิฐ ลี้อาธรรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ขอคัดค้านงบฯช่วยเหลือเพื่อนบ้าน 589 ล้านบาท ให้นำเงินไปให้ผู้รับเหมาสร้างถนน สะพาน เสียดายเงิน ให้เป็นทุนการศึกษาจะเป็นผลได้ต่อไทยและเพื่อนบ้านมากกว่า จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบด้วยคะแนน 252 ต่อ 79 งดออกเสียง 1

ใส่ยับสนามเทนนิส-ตู้แช่ไวน์บ้านทูต

ต่อมาเข้าสู่มาตรา 10 งบประมาณกระทรวงต่างประเทศ วงเงิน 3,744,942,300 บาท ส.ส.พรรคก้าวไกล หลายคนอภิปรายท้วงติงรายการครุภัณฑ์และการปรับปรุงสถานทูตที่มีจำนวนงบฯมหาศาล โดยนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายตัดงบกระทรวงการต่างประเทศ 10% เพราะพบการจัดซื้อสิ่งของไม่จำเป็นจำนวนมาก เช่น ซื้อรถประจำตำแหน่งเอกอัครราชทูตใหม่ 12 คัน คันละ 4-5 ล้านบาท ทั้งที่เพิ่งใช้งาน 5-6 ปี อ้างซ่อมแพง กว่า กมธ.ตัดไป 2 คันหรืองบก่อสร้างปรับปรุงสนามเทนนิสที่บ้านทูต กรุงมาดริด ประเทศสเปน ขอมา 9 ล้านบาท กมธ.ตัดเหลือ 7 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรายการจัดซื้ออื่นๆ ทั้งเก้าอี้ที่มีระบบนวดในตัว อุปกรณ์ฟิตเนส เครื่องใช้ไฟฟ้า ตู้กดน้ำร้อน น้ำเย็น เครื่องทำน้ำแข็งก้อน โทรทัศน์ 4K ขนาด 60 นิ้ว ชุดโซฟารับแขก ราคาไม่ต่ำกว่า 7-8 หมื่นบาท ที่อ่านแล้วสะเทือนใจคือตู้แช่ไวน์ทำไมต้องมี ถ้าอ้างต้องใช้คุยเจรจาระหว่างประเทศควรซื้อเอง ไม่ต้อง ใช้เงินภาษีซื้อ และยังมีตู้เก็บเอกสาร เป็นตู้ไม้คลาสสิกเกือบแสนบาทใช้ตู้เหล็กไม่ได้ แม้กระทั่งเครื่องคั้นน้ำผลไม้ เครื่องฟอกอากาศ เครื่องดูดฝุ่น เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติก็ไม่เว้น ไม่จำเป็นเร่งด่วน ทูตคือข้าราชการคนหนึ่ง ทำไมต้องเหนือกว่าข้าราชการคนอื่น ของบฯไม่เห็นหัวประชาชน

ทำงานมีแต่เสียงด่าไม่คุ้มค่าเงินภาษี

ขณะที่ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ อภิปรายตัดลดงบกระทรวงต่างประเทศ (กต.) 120 ล้านบาท เพราะใช้งบจัดซื้อครุภัณฑ์และปรับปรุงสถานทูตมหาศาล แต่มีปัญหาให้บริการประชาชนช่วงการแพร่ระบาดโควิด คนไทยตกค้างในต่างประเทศจำนวนมาก แต่มีปัญหาติดต่อช่วยเหลือคนไทยไม่ให้เดินทางกลับไทยได้ทันท่วงที การติดต่อยากลำบาก ไม่ปรับปรุงการให้บริการ ปรับปรุงแค่ภาพลักษณ์ภายนอกองค์กร เช่น สถานทูตกรุงแฟรงก์เฟิร์ต สั่งซื้อผ้าม่าน 2 ชุด มูลค่า 736,000 บาท ใช้มา 5 ปี ขณะที่สถานทูตบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ซื้อชุดโซฟารับแขก 3 ชุด มูลค่า 1.5 ล้านบาท เทียบกับผลรีวิวการทำงานสถานทูตเหล่านี้ในต่างประเทศผลการรีวิวแย่มาก เช่น สถานทูตกรุงแฟรงก์เฟิร์ต ถูกคอมเมนต์ในเพจสถานทูตว่า โทร.ไป 20 ครั้งไม่มีคนรับสาย ทำงานเฉพาะตอนบ่าย ส่วนสถานทูตกรุงบูดาเปตส์ถูกรีวิวเป็นสถานทูตแย่ที่สุดในโลก ไม่รู้กฎหมายและสิทธิของชาวฮังการี แต่ได้รับรางวัลเป็นชุดโซฟา 1.5 ล้านบาท ย้อนแย้งกัน ควรเพิ่มตัวชี้วัดกระทรวงต่างประเทศเรื่องผลการพึงพอใจการใช้บริการของสถานทูตต่างๆด้วย จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบงบฯ กกต.ด้วยคะแนน

ซัด พม.ทิ้ง ปชช.เมินร่วมแก้โควิด

ต่อมาเวลา 13.15 น. ที่ประชุมสภาฯ พิจารณา มาตรา 12 งบประมาณกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์วงเงิน 21,411,133,800 บาท ส่วนใหญ่อภิปรายการทำงานกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ที่ไม่มีบทบาทช่วยเหลือประชาชนในช่วงวิกฤติโควิด อาทิ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่าขอปรับลดงบ10% เนื่องจากกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ใช้งบไม่ตรงไปตรงมาในสถานการณ์โควิด-19 นักพัฒนาสังคมลงพื้นที่น้อยมาก อ้างว่า Work from home แต่อย่าลืมกระทรวงการพัฒนาสังคมฯเป็นด่านหน้าดูแลประชาชน อย่าเลือกปฏิบัติ ทราบว่ามีตัวแทนพรรคการเมืองบางพรรคเอาของไปแจกบรรเทาทุกข์ประชาชน โดยอิงแอบการเมือง ถ้ามีวาระแอบแฝงกักตุนเสบียงเอื้อพวกพ้องรับไม่ได้ ขอเตือนรัฐบาลทำอะไรมีคนมองเห็น ควรแก้ไข ไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น ไม่ทราบว่ากระทรวงช่วยชาวบ้านยามโควิดอย่างไรบ้าง มีแต่กระทรวงอื่นที่ช่วยชาวบ้าน

เด็กกำพร้าหลายหมื่นไม่เหลียวแล

ขณะที่นางมุกดา พงษ์สมบัติ ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า สถานการณ์โควิดมีเด็กกำพร้าเพิ่มจำนวนมากที่ต้องขาดโอกาส ไม่มีคนเลี้ยงดู แต่ไม่มีการพูดถึง เด็กติดโควิดหลายหมื่นคน ไม่มีหน่วยงานใดพูดถึง รวมถึงกระทรวงการพัฒนาสังคมฯด้วย ไม่ดำเนินการช่วยเหลือ จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 12 ด้วยคะแนน 243 ต่อ 69 งดออกเสียง 1

เฉ่ง คค.ซื้อโดรนแพงเกินจริง

กระทั่งเวลา 18.00 น. เข้าสู่การพิจารณามาตรา 15 งบประมาณกระทรวงคมนาคม วงเงิน 57,154 ล้านบาท มีผู้อภิปรายไม่กี่คน โดยนายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ขอปรับลดงบ 4.18 ล้านบาท โครงการซื้อโดรนถ่ายภาพทางอากาศ ราคาแพงเกินจริง ตั้งงบมา 1.1 แสนบาทต่อตัว ทั้งที่ราคาตลาดรุ่นเดียวกัน ตัวท็อปอยู่ที่ 67,400 บาทต่อตัว โดยบางจังหวัดได้บางจังหวัดไม่ได้ ใช้เกณฑ์อะไร และไม่รู้ว่าซื้อมาแล้วใช้กันเป็นหรือยัง ในวิกฤติขณะนี้ไม่ควรซื้อโดรน ขอให้ลดการผลาญ สงสารประชาชนบ้าง จากนั้นที่ประชุมลงมติเห็นชอบมาตรา 15 ด้วยคะแนน 222 ต่อ 87 งดออกเสียง 2 ไม่ลงคะแนน 7

ยำศูนย์ต้านข่าวปลอมปิดปาก ปชช.

จากนั้นเข้าสู่มาตรา 16 งบประมาณกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 3,821 ล้านบาท โดยนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ขอตัดงบฯศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมทิ้งทั้งโครงการ 79 ล้านบาท โครงการนี้ระบุไม่มีการเอนเอียงในการตรวจสอบ บอกมีหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่เกี่ยวกับการดำเนินคดีข่าวปลอม แต่เลือกตรวจสอบเฉพาะข่าวเป็นผลลบต่อรัฐบาล แต่ข่าวปลอมที่เป็นผลบวกต่อรัฐบาลไม่ตรวจสอบ ตอกย้ำตั้งขึ้นมาเพื่อปกป้องรัฐบาลเคยบอกมีภารกิจตรวจสอบข้อเท็จจริงเท่านั้น ไม่มีหน้าที่ดำเนินคดี แต่กลับขอให้ปิดการเข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้โซเชียลมีเดียมากมาย ตั้งคณะอนุกรรมการมาดำเนินคดีประชาชน เรามีกระทรวงดีอีเอสเพื่อสนับสนุนเทคโนโลยีหรือเพื่อปิดปากประชาชน การไล่ฟ้องดำเนินคดีประชาชนไม่สามารถแก้ปัญหาข่าวปลอมได้ การเอาอำนาจชี้ว่าอะไรคือความจริงหรือเท็จไปอยู่กับหน่วยงานที่ขึ้นตรงกับฝ่ายการเมือง ไม่มีทางสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้ ถ้าศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมเผยแพร่ข่าวปลอมเอง ใครจะดำเนินคดี ควรให้เป็นหน้าที่องค์กรภาคประชาสังคม สื่อมวลชน ให้เป็นอิสระจากฝ่ายการเมือง ตราบใดที่หน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ภายใต้ภาครัฐ เอาภาษีประชาชนไปใช้ผูกขาดความจริงอยู่กับฝ่ายตัวเอง ใช้อำนาจกฎหมายปิดปากประชาชน ไม่สมควรได้งบฯแม้แต่บาทเดียว

“บิ๊กตู่ ” ลั่นไม่ท้อแท้ขอแค่ประเทศสงบ

สำหรับความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังเก็บตัวทำงานที่บ้านตามมาตรการได้กลับมาลงพื้นที่เป็นวันแรก ไปเยี่ยมชมระบบดูแลติดตามผู้ป่วยโควิด-19 แยกกักตัวที่บ้าน (Home Isolation) ผ่านระบบ TeleHealth และการพัฒนาวัคซีน ChulaCov19 (ชนิด mRNA) ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และตรวจเยี่ยมการวิจัยและพัฒนาวัคซีนใบยาของบริษัทใบยา ไฟโตฟาร์ม จำกัด ที่อาคารจุฬาพัฒน์ 14 จุฬาฯ ทันทีที่ไปถึงนายกฯทักทายสื่อมวลชน “สวัสดีจ้ะ สบายดีกันนะยังจำกันได้เหรอ”

ต่อมานายกฯแถลงตอนหนึ่งว่ามาตรวจเยี่ยมให้กำลังใจคณะแพทย์และหลายภาคส่วน อย่างการวิจัยและพัฒนาวัคซีน เชื่อมั่นเราต้องทำได้ เราไม่เคยน้อยหน้ากว่าใครเรื่องนี้และเดินหน้าตลอด สถานการณ์วันนี้รัฐบาลจะดูแลให้ดีที่สุด สถานการณ์วัคซีนมีเยอะ แต่เราไม่ท้อแท้หรอก จะร่วมมือกันแก้ปัญหาให้ได้เร็วที่สุด ขอบคุณบุคลากรทุกคน ทั้งในส่วนรัฐบาล กระทรวง รัฐมนตรีและรองนายกฯทุกท่าน รัฐบาลต้องมองไปข้างหน้า

อ้อนไม่ได้พบสื่อต้องมีสมาธิลุยงาน

นายกฯกล่าวต่อว่า หลายวันที่ผ่านมาอาจจะไม่ได้ออกมาพบสื่อ เพราะต้องแก้ปัญหาอื่นไปด้วย ไม่ได้แก้ปัญหาโควิดอย่างเดียว ยังมีปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ ต้องมีสมาธิในการทำงาน วันนี้เราต้องทำอย่างไรให้ประเทศไทยอยู่กับโควิดให้ได้ด้วยความสงบ ถ้าเราไม่สงบมันก็อยู่ไม่ได้ จะวุ่นวายร้อนรุ่มไปหมด และทำให้เป็นปัญหาในการทำงาน ต้องร่วมมือกัน อย่าไปทำกิจกรรมอะไรที่เขาไม่ให้ทำ เป็นภาระที่ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องมาเสียแรงเสียเวลา และมีโอกาสติดเชื้อไปที่อื่น ขอให้ร่วมมือตรงนี้ฝากไว้ด้วย โอเคนะ แค่นี้นะเรื่องอื่นไม่ต้องตอบ แล้วลงจากโพเดียมไป

ส่งหนังสือแจ้ง ครม.ตอบซักฟอก

นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล เลขานุการประธานสภาฯ กล่าวว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจและอนุญาตบรรจุระเบียบวาระเรื่องด่วน และสำนักงานเลขาธิการสภาฯ แจ้งหนังสือไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ให้ ครม.มาชี้แจงแล้ว และนายชวนยังบรรจุระเบียบวาระเรื่องการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 83 และ 91 ตามที่ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราพิจารณาเสร็จแล้ว เข้าสู่ระเบียบวาระที่ประชุมรัฐสภาวันที่ 24-25 ส.ค.

“อ๋อย” ตั้งพรรค “เส้นทางใหม่”

วันเดียวกัน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกฯ โพสต์เฟซบุ๊กว่า เตรียมเปิดตัวพรรค ถามกันมาเป็นระยะทำพรรคการเมืองไปถึงไหน ขอถือโอกาสนี้ชี้แจง ตนกับเพื่อนๆร่วมกันสร้างพรรคการเมืองมาระยะหนึ่งและคืบหน้าไปพอสมควร เตรียมจะเปิดตัวมาระยะหนึ่งแล้ว ตั้งใจว่าจะเชิญคนมาร่วมงานให้คึกคัก แต่ต้องเลื่อนมาเพราะโควิด บางช่วงเห็นว่าสถานการณ์ทางการเมืองไม่ค่อยอำนวยเท่าใดนัก มาถึงเวลานี้บ้านเมืองกำลังอยู่ในช่วงวิกฤติ ทั้งการแพร่ระบาดของโควิดและผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่รุนแรงหนักหนาสาหัส การบริหารงานของรัฐบาลล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง ขณะที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ไปไหน ไม่มีการแก้ไขเรื่องสำคัญที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น หรือป้องกันวิกฤติทางการเมืองที่อาจเกิดขึ้น ไม่มีวี่แววว่าวิกฤตการณ์นี้จะคลี่คลายไปได้ง่ายๆ สถานการณ์แบบนี้พรรคการเมืองเป็นเวทีและเครื่องมือที่เป็นประโยชน์รวบรวมผู้คนที่มีความคิดอุดมการณ์ใกล้เคียงกัน ร่วมกันผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาของประเทศได้ตามสมควร

“เต้น–ศิษย์เก่าไทยรักษาชาติ” ร่วมทีม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายจาตุรนต์จะตั้งพรรคชื่อ พรรคเส้นทางใหม่ ขณะนี้ยื่นจดทะเบียนต่อ กกต.แล้ว เบื้องต้นมีแกนนำ อาทิ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตรองประธานวุฒิสภา นายประภัสร์ จงสงวน อดีตผู้ว่าการ รฟม. นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด ที่เคยอยู่ร่วมกันมาในพรรคไทยรักษาชาติ แต่นายณัฐวุฒิยังไม่สามารถลงสมัคร ส.ส.ได้ เนื่องจากต้องโทษติดคุก 2 ปี 8 เดือน จะเป็นผู้สนับสนุนช่วยปราศรัย ดึงคนรุ่นใหม่มาเป็นแนวร่วม

“ธนาธร” อ่วมโดน ม.112 อีก 2 คดี

นายกฤษฎางค์ นุจรัส ทนายความนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เปิดเผยว่า นายธนาธรได้รับหมายเรียกอีก 2 หมายไล่เลี่ยกัน เมื่อวันที่ 13 ส.ค. พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ออกหมายเรียกนัดส่งตัวให้พนักงานอัยการต่อไป คดีไลฟ์ “วัคซีนพระราชทาน : ใครได้ใครเสีย?” วิจารณ์การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลที่แทงม้าตัวเดียว เสี่ยงกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อวันที่ 18 ม.ค.64 โดยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดตามประมวลฝ่ายกฎหมายพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ร้อง ยังไม่ทราบรายละเอียดข้อเท็จจริง คาดว่าเกี่ยวกับกรณีไลฟ์วิจารณ์การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาล จะไปรายงานตัวเมื่อใดจะแจ้งให้ทราบต่อไป

ลั่นไม่หนีไม่ต้องปั่นเดี๋ยวเจอกัน

เมื่อเวลา 15.20 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ทวีตข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัว ระบุว่า “เพิ่งโดนหมายเรียกผู้ต้องหาคดี มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เพิ่มอีก 2 หมาย ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าจากกรณีไหน แต่คาดว่ามาจากการไลฟ์วิจารณ์การบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลเมื่อเดือน ม.ค. เสร็จภารกิจทางนี้แล้วจะเดินทางกลับเพื่อไปตามหมายเรียก ไม่หนีครับ ไม่ต้องปั่น เดี๋ยวเจอกัน”