วันนี้ผมขอชื่นชมที่ สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ลงมติเอกฉันท์ปลดแอกจากรัฐบาล “ประกาศใช้ข้อบังคับเกี่ยวกับการนำเข้ายาวัคซีน และเวชภัณฑ์ เพื่อรับมือกับการระบาดของไวรัสโคโรนา 2019” ตามรอยราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เพื่อจัดหาวัคซีนคุณภาพให้ประชาชน เพราะทนเห็นประชาชนเจ็บป่วยล้มตายต่อไปไม่ไหว จากความล้มเหลวของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐบาลไม่สามารถจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพสูงได้อย่างพอเพียง ประชาชนถูกเทครั้งแล้วครั้งเล่า จนการติดเชื้อลามไปทั่วประเทศ ยารักษาก็ขาด เตียงโรงพยาบาลก็ไม่พอ จนระบบสาธารณสุขล้มเหลว ไม่รู้ หัวใจทำด้วยอะไรจริงๆ

ผมอยากเห็น มหาวิทยาลัยรัฐทุกแห่งที่มีโรงพยาบาลขนาดใหญ่ปลดแอกตัวเอง แบบเดียวกับ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในยามยาก ด้วยหัวใจที่เปี่ยมล้นด้วยเมตตาธรรม ไม่ใช่ผลประโยชน์อันโหดร้ายจนเหลือเชื่อ

สภามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มี ศ.พิเศษ ดร.นรนิติ เศรษฐบุตร เป็นนายก มีมติเอกฉันท์วันจันทร์ที่ 16 ส.ค. เห็นชอบให้ประกาศใช้ “ข้อบังคับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่าด้วยการจัดการบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ.2564” ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 ส.ค.เป็นต้นไป โดยอาศัยอำนาจ พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พ.ศ.2558 ในการปลดแอก

ในแถลงระบุว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มี รพ.ธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ และ คณะวิชาทางวิทยาศาสตร์สุขภาพ จำนวนมาก ซึ่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบโดยตรงในการให้บริการแก่สังคมในเรื่อง การป้องกันการแก้ปัญหา และการรักษาพยาบาล ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังนั้น สภามหาวิทยาลัย จึงกำหนดให้หน่วยงานต่างๆของมหาวิทยาลัยที่มีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข สามารถเสนอต่ออธิการบดี ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการตามข้อบังคับนี้ ให้จัดหา ผลิต จำหน่าย นำเข้า หรือขออนุญาตและออกใบอนุญาตการขึ้นทะเบียนยา วัคซีน เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งอื่นที่จำเป็นหรือเกี่ยวข้อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศได้

...

รศ.นพ.พฤหัส ต่ออุดม ผอ.รพ.ธรรมศาสตร์ฯ เปิดเผยว่า ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ ประธานกรรมการบริหาร รพ.ธรรมศาสตร์ฯ เป็นผู้เสนอความคิดนี้ เพราะเห็นถึงปัญหาความต้องการวัคซีน ยา และเวชภัณฑ์ในภาวะวิกฤติ เบื้องต้นสนใจวัคซีน “โนวาแวกซ์” ที่เป็นโปรตีนซับยูนิต รวมถึง วัคซีน mRNA เจเนอเรชัน 2 อย่าง “โมเดอร์นา” เพื่อไม่ให้ซ้ำกับวัคซีนรัฐ องค์การเภสัชฯ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ คาดว่าจะนำเข้าได้ในปี 2565 และยังสนใจนำเข้า ชุดตรวจ ATK ขายราคาถูก 45–50 บาท เพราะประชาชนต้องใช้มาก ไม่ขูดรีดเลือดเนื้อประชาชนที่กำลังจน

การปลดแอกของ รพ.ธรรมศาสตร์ ครั้งนี้ เป็นการเดินตามรอย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ซึ่งนำเข้าวัคซีนทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงวัคซีนมากขึ้น แม้จะต้องจ่ายเงินเอง บริษัทเอกชน องค์กรท้องถิ่น ประชาชนทั่วไป ก็จองกันอย่างล้นหลาม จนไม่เพียงพอ ราชวิทยาลัยฯ ใช้เวลา 2 เดือนเศษ นำเข้าวัคซีนซิโนฟาร์มถึง 10 ล้านโดส ไม่ต้องรอข้ามปีข้ามชาติเหมือน วัคซีนรัฐบาล ที่ผ่าน องค์การเภสัชกรรม กรมควบคุมโรค

การทำงานด้วยความ โปร่งใส บริสุทธิ์ใจ ไม่มีอะไรซ่อนเร้น ทุกอย่างก็ง่ายดังพลิกฝ่ามือ ไม่ต้องเสียเวลาคิดอย่างศรีธนญชัย ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ เปิดไทม์ไลน์นำเข้าวัคซีนชัดเจน 20 มิ.ย. 1 ล้านโดส 4 ก.ค. 1 ล้านโดส 18 ก.ค. 1 ล้านโดส 25 ก.ค. 1 ล้านโดส 1 ส.ค. 1 ล้านโดส 15 ส.ค. 1 ล้านโดส 22 ส.ค. 2 ล้านโดส 29 ส.ค. 2 ล้านโดส รวม 10 ล้านโดส ในขณะที่วัคซีน แอสตราเซเนกา ของรัฐบาลที่เหลืออีก 50 ล้านโดส วันนี้ยังไม่มีใครรู้จะได้วันไหนเมื่อไหร่

นายกฯไม่อายหรือ ที่บอกกับประชาชนว่า จะได้วัคซีนแอสตราเซเนกาเดือนละ 10 ล้านโดส พอถึงเวลากลับไม่มีให้ประชาชน.

“ลม เปลี่ยนทิศ”