ฟันธงไม่ได้แต่คาดการณ์ได้ 16 ส.ค.64 ศบค.ชุดใหญ่ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เป็น ผอ.ใหญ่ จะมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์และตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง

หลังประกาศล็อกดาวน์มาได้ระยะหนึ่งใน 29 จังหวัด แต่สถานการณ์ที่เป็นจริงนั้นยังไม่ดีขึ้น คือ ยังมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตตัวเลขสูงอยู่

ไต่ระดับ 2 หมื่นกว่าคนเป็นรายวัน

แม้จะยังไม่ข้ามเส้นไปมากกว่านี้ แต่บรรดาแพทย์ให้ความเห็นไม่ต่างกันมากนักว่าตัวเลขจะสูงกว่านี้

ถึง 4 หมื่นกว่าคน...

ด้านหนึ่งที่น่าจะมีผลออกมาคือจะต้องล็อกดาวน์กันต่อไป เพราะเป็นวิธีหนึ่งที่จะทำให้ยอดผู้ติดเชื้อลดลงได้

ระดมฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เพียงแต่ว่ามาตรการที่นำมาใช้นั้นจะผ่อนคลายหรือเข้มข้นมากน้อยแค่ไหนอยู่ที่ “หน้างาน” เป็นตัวชี้วัด

พูดถึงวัคซีนนับแต่เดือนนี้ไปปัญหาการขาดแคลนน่าจะดีขึ้น เนื่องจากสามารถเจรจาติดต่อกับผู้ผลิตได้ค่อนข้างดี

แม้แต่แอสตราเซเนกา ซึ่งมีโรงงานผลิตในประเทศไทยก็จะเพิ่มจำนวนส่งให้ไทยอีกเดือนละ 1 ล้านกว่าโดส

จะทำให้มีวัคซีนยี่ห้อนี้แน่นอนเดือนละ 7 ล้านโดส

ความจริงเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องยาวจนทำให้สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศมีปัญหาจนถึงทุกวันนี้

เพราะการสัญญาน่าจะเป็นไปแบบปากเปล่าในเรื่องจำนวนที่ไทยจะได้รับคือ 10 ล้านโดสต่อเดือน

แต่เอาจริงๆ ได้แค่เพียง 5 ล้านโดสเท่านั้น...

อีกทั้งกว่าจะมาถึงจุดนี้ก็เกิดปัญหาความไม่แน่นอนในเรื่อการจัดส่งและจำนวนที่ไทยจะได้รับ

คนไทยที่เคยรับรู้มาอย่างแต่ความจริงเป็นอีกอย่าง

ที่สำคัญก็คือรัฐบาลไม่สามารถชี้แจงความจริงทั้งหมดได้ เนื่องจากเป็นข้อผูกมัดที่ห้ามให้ข้อมูลข้อตกลงอย่างเด็ดขาด

...

ยิ่งสถานการณ์แพร่ระบาดในประเทศไทยกำลังหนักและรุนแรง คำตอบในเรื่องวัคซีนจึงเป็นหัวใจสำคัญ

แต่ก็หาคำตอบไม่ได้

จึงมีข้อเสนอว่ารัฐบาลควรจะออกกฎหมายพิเศษห้ามส่งออกวัคซีนที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งก็คือแอสตราเซเนกานี่แหละ...

มีทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย...

รัฐบาลก็ไม่กล้าตัดสินในเรื่องนี้เพราะมันจะมีผลตามมาที่อาจจะถูกฟ้องร้อง ถูกแอนตี้จากผู้ผลิตรายอื่นๆ

จึงเจรจาโดยตรงกับแอสตราเซเนกาและผลก็ออกมาด้วยดีเข้าใจซึ่งกันและกัน และทำให้เราได้วัคซีนเพิ่มเติมเป็นรายเดือน

ที่สำคัญก็คือวัคซีนหลักยังเป็นกลไกสำคัญต่อประเทศไทย.

“สายล่อฟ้า”