“ไพบูลย์” คุยฟุ้ง มั่นใจเกมแก้ รธน.บรรลุเป้า ส.ว.ลากตั้งไม่ท้วงสักแอะ พท.เมินใส่พันธมิตรร่วมรบ “ชลน่าน” ไล่ก้าวไกลไปฟ้องศาล รธน. เจอ “ธีรัจชัย” เหน็บกลับ กะหนุงกะหนิงเอื้ออาทรกับ พปชร. “โรม” ปัดตีรวน แค่ผิดหวัง กมธ.สอดไส้เกินงาม ด้าน ปชป.ขอแยกวงชั่วคราวกับ ภท. “นิกร” เชื่อเรื่องไปสุดที่ศาล รธน. ทสช.ยื่นฟ้อง“บิ๊กตู่”บริหารโควิด-วัคซีนบ่มิไก๊ พปชร.เชลียร์นายทองแท้ไม่กลัวไฟ “ชลน่าน” ขวางพ.ร.ก.นิรโทษล้างผิด ชี้ขัด รธน. “วิสุทธิ์” โวยวัคซีนวัว-ควายยังหายต๋อม เปิดเซฟเลขาฯ กกต.รวย 115 ล้าน

ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร จากเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นการรื้อระบบเลือกตั้งจากบัตรใบเดียว เป็นบัตร 2 ใบ ส่งผลให้เกิดคู่ขัดแย้งแบบผิดฝาผิดตัว โดยในฝั่งรัฐบาลเป็นอาการไม่ลงรอยระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับประชาธิปัตย์ ขณะที่ขั้วฝ่ายค้านเกิดอาการกินแหนงแคลงใจระหว่างพรรคเพื่อไทยกับก้าวไกล

“ไพบูลย์” ฟุ้งลากตั้งผ่านตลอด

...

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 ส.ค.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 83 และมาตรา 91 นัดสุดท้าย มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานฯ เพื่อหารือถึงการแปรญัตติของ กมธ.สัดส่วนพรรคก้าวไกล นายไพบูลย์ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมว่า กรณีพรรคก้าวไกลจะยื่นญัตติด่วนถึงประธานรัฐสภา เพื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตตัดสินว่า กมธ.แก้ไขเนื้อหานอกเหนือจากที่รับหลักการวาระแรกได้หรือไม่ แต่เชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาจะเห็นว่าทุกอย่างถูกต้อง ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหา และคงไม่มีผลทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญสะดุด ยืนยัน กมธ.ฯทำหน้าที่ตามข้อบังคับ ในส่วนของวุฒิสภาอ่านกฎหมายกันเป็นประจำอยู่แล้ว ทุกอย่างมีความชัดเจน และที่ผ่านมาวุฒิสภาไม่ได้ทักท้วงอะไร

พท.ไล่ก้าวไกลไปฟ้องศาล รธน.

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กมธ.พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 กล่าวว่า ขณะนี้จะไม่เรียกว่าร่างพรรคประชาธิปัตย์ แต่เป็นร่างของรัฐสภา ยอมรับว่า กมธ.หนักใจมาก โดยเฉพาะการแก้มาตรา 83 เรื่องระบบบัตรเลือกตั้งจาก 1 ใบ มาเป็น 2 ใบ แต่เสียงข้างมากใน กมธ.มีมติชัดเจน ถือว่าเป็นโจทย์ยากที่เรารับมาต้องมาดูรัฐธรรมนูญที่เหลืออยู่ และแก้ไขให้สอดรับกับมาตรา 83 และมาตรา 91 โดยเฉพาะมาตราอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อให้รองรับและสอดรับกัน จึงจำเป็นต้องแก้มาตราอื่นด้วย ยืนยันว่ารัฐสภามีข้อบังคับอนุญาตให้ดำเนินการได้ ส่วนที่มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการเขียนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ใช้โอกาสยุบสภาเร็วขึ้นนั้น คนพูดไล่ พล.อ.ประยุทธ์ทุกวันให้ออกไป แต่พอมาสู้กันในมุมกฎหมายกลับย้อนแย้งเสียเอง ตนอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ยุบสภาเร็วๆ เพราะเป็นสิ่งที่คนต้องการมากที่สุด ส่วนใครไม่เห็นด้วยสามารถยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความหลังผ่านวาระที่ 3 ได้ เราไม่ได้พิจารณาอย่างร้อนรน

เจอเหน็บกลับเอื้ออาทร พปชร.

ด้านนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 3 ระบุว่ารัฐสภาต้องปฏิบัติหน้าที่ตามหลักกฎหมาย และหลักนิติธรรม แต่การพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ดำเนิน-การอยู่ พยายามตีความให้เกินเลย แปลงร่างให้เอาร่างของพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทยที่ถูกตีตกไปแล้วตั้งแต่วาระแรก เอามาใส่ให้ได้ และทั้ง 2 พรรคค่อนข้างเอื้ออาทรกระหนุงกระหนิงช่วยเหลือกันแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พรรคก้าวไกลยังคงยืนยันว่าจะตีความตามอำเภอใจไม่ได้ ต้องตีความตามหลักนิติธรรม ดังนั้นเพื่อให้เกิดความชัดเจนเราจึงพิจารณาแล้วว่าจะยื่นให้รัฐสภาพิจารณาอีกครั้ง ตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 151 ว่าการแก้ไขเกินเลยแบบนี้ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

“โรม” ปัดตีรวนแค่ผิดหวังสอดไส้

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กมธ.พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า ในฐานะ ส.ส.หน้าใหม่มีความสงสัยว่า การแก้ไขกฎหมายนอกเหนือจากที่รับหลักการวาระแรกสามารถทำได้หรือไม่ และที่รับหลักการมาไม่มีความหมายเลยใช่หรือไม่ ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์มากที่สุดใช่หรือไม่ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเสี่ยงว่าจะผิดรัฐธรรมนูญอย่างไร เรารู้สึกผิดหวัง เชื่อว่าการแก้ไขแบบนี้ไม่ช่วยนำพาประเทศออกจากวิกฤติการเมืองได้ ยืนยันว่าการยื่นญัตติด่วนถือเป็นการตรวจสอบเรื่องข้อกฎหมาย ไม่ใช่การตีรวน แต่เป็นการตรวจสอบการกระทำที่มีความพยายามสอดไส้ เมื่อถามว่าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ นายรังสิมันต์ตอบว่า เบื้องต้นที่ประชุมพรรคก้าวไกลเห็นว่าควรใช้ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 151 ก่อน เราไม่อยากให้กระทบกับพรรคการเมืองที่เป็นพันธมิตรกับเรา จึงเริ่มจากช่องทางนี้ก่อน

ปชป.ขอแยกวงชั่วคราวกับ ภท.

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การพิจารณาแก้ไข รัฐธรรมนูญในชั้นกรรมาธิการฯ เป็นเรื่องปกติที่จะมี การถกเถียงกัน แต่ทั้งหมดต้องดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ และข้อบังคับ ประเด็นนี้มีแนวทางของกฤษฎีกาและฝ่ายกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับงานนิติบัญญัติ รวมถึง กมธ.ที่ยกร่างข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภา เคยให้ ความเห็นไว้ชัดเจนถึงเจตนารมณ์ในข้อบังคับการประชุมข้อที่ 124 ว่า สามารถดำเนินการได้ เราเคารพ ความคิดเห็นที่แตกต่าง อย่ามองว่าเป็นความแตกแยก เพราะถ้าแตกแยก แสดงว่าเจตนาตั้งต้นไม่ได้เกิดจาก ความตรงไปตรงมาในความเห็น

“นิกร” เชื่อเรื่องไปสุดที่ศาล รธน.

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา เลขานุการ กมธ. พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ กล่าวว่า กมธ.ฯ จัดทำเนื้อหาร่างแก้ไขฯ ตามคำแปร ญัตติของสมาชิกรัฐสภาเสร็จแล้ว นอกจากแก้ไขมาตรา 83 และมาตรา 91 ที่เป็นหลักการใหญ่แล้ว ยังมีการแก้ไขมาตราอื่นประกอบ ได้แก่ มาตรา 85, 86, 92, 93 และ 94 ให้สอดคล้องกับหลักการ มีประเด็น ที่น่าสนใจ และคาดว่าจะมีการอภิปรายในเนื้อหาที่ให้กำหนดการคำนวณคะแนน ที่ กมธ.ฯ ระบุให้นำไป กำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ซึ่งต้องตราขึ้นภายใน 120 วัน นับจาก รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขประกาศ และกรณีที่ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกระเบียบ หรือกฎเพื่อใช้ในการเลือกตั้งไปพรางก่อน หากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นก่อนที่กฎหมายลูกจะทำให้เสร็จตามกำหนด เรื่องนี้อาจต้องยื่นไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ แต่ต้องรอ ให้กระบวนการของรัฐสภาเสร็จสิ้นก่อน

ทสช.ยื่นฟ้อง “บิ๊กตู่” บริหารบ่มิไก๊

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล กับพวก ในนามผู้ก่อตั้งและผู้บริหารพรรคไทยสร้างชาติ (ทสช.) ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ในความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 165 ฐานปล่อยปละละเลยและบริหารผิดพลาด จนเกิดการแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ถึง 4 ระลอก รวมทั้งบริหารจัดการวัคซีนผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง พร้อมนำรายชื่อประชาชนจำนวน 70,000 รายชื่อมายื่นต่อศาลด้วย นายนรินท์พงศ์กล่าวว่า ศาลรับคำฟ้องไว้เป็นคดี อท.117/2564 และศาลนัดฟัง คำสั่งในชั้นตรวจคำฟ้องวันที่ 30 ส.ค. สิ่งที่ประชาชนได้รับผลกระทบจะอยู่ในสำนวนที่ยื่นฟ้องด้วย

เชลียร์นายกฯ ทองแท้ไม่กลัวไฟ

ขณะที่นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ยื่นฟ้องไปก็ไม่มีอะไร ขยันเขียนหนังสือก็เขียนไป ไม่เห็นว่านายกฯ ไปทำให้ มีปัญหา “ทองแท้ไม่กลัวไฟ” ส่วนร่างกฎหมายจำกัด ความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุข ที่รวมถึง
ผู้จัดหาวัคซีนด้วยนั้น ถ้าจะให้นิรโทษกรรม พล.อ.ประยุทธ์คงไม่ยอมให้กฎหมายนี้เข้ามา เพราะไม่ได้ผิดอะไร ทำไมต้องไปนิรโทษกรรม

“ชลน่าน” ขวาง พ.ร.ก.ล้างผิดขัด รธน.

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การออก พ.ร.ก.จำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เหมือนสารภาพผิด และยอมรับว่าแก้ไขสถานการณ์โควิดผิดพลาด เจตนาใช้บุคลากรทางสาธารณสุขและด่านหน้าเป็นเครื่องมือล้างผิดให้ตัวเอง โยนบาปให้ฝ่ายข้าราชการประจำรับผิดแทนฝ่ายนโยบาย อาจสร้างความไม่พอใจให้ผู้มารับบริการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ ซึ่งควรออกเป็น พ.ร.บ.คุ้มครองบุคลากรทางการแพทย์ ไม่ควรออกเป็น พ.ร.ก. อาจสุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรค 2 โดยเฉพาะที่อ้างว่าฝ่ายการเมืองไม่รู้เรื่อง เป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผล

โวยวัคซีนวัวควายไม่มาตามนัด

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พะเยา พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่กรมปศุสัตว์จัดสรรวัคซีน “ลัมปี สกิน” 3 แสนโดส ให้เกษตรกรในเดือน มิ.ย. พร้อมอนุมัติงบฯ 684,218,000 บาท นำเข้าวัคซีนเพิ่มอีก 5 ล้านโดสในเดือน ก.ค.ว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการจัดสรรวัคซีนลงพื้นที่ พี่น้องเกษตรกรเดือดร้อนมาก ทั้งค่าใช้จ่ายรักษาวัว บางทีรักษาไปแล้ววัวตาย หรือรักษาหายแล้วไม่มีตลาดส่งออก เพราะตลาดวัวปิดหมดเนื่องจากประกาศห้ามเคลื่อนย้ายสัตว์ กระทบทั้งวงจร ลอยแพเกษตรกร รมว.เกษตรฯและอธิบดีกรมปศุสัตว์ ที่ประกาศจัดสรรงบฯนำเข้าวัคซีนไว้เรียบร้อยแล้ว ควรเร่งดำเนินการโดยด่วน

เปิดเซฟเลขาฯ กกต.รวย 115 ล้าน

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีการเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กรณีดำรงตำแหน่งครบ 3 ปี เมื่อวันที่ 17 พ.ค.64 โดย พ.ต.อ.จรุงวิทย์แจ้งว่า มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 115,895,485 บาท เป็นทรัพย์สินของ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ 15,992,318 บาท และนางสายทิพย์ ภุมมา คู่สมรส 99,903,167 บาท ไม่มีหนี้สิน ทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นเงินฝากในธนาคารรวม 64,933,327 บาท ที่ดิน 18,877,100 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 22,310,400 บาท ทรัพย์สินอื่น 5,243,000 บาท

กมธ.การเมืองฯจ่อเรียก คฝ.ชี้แจง

วันเดียวกัน นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ประธานกรรมาธิการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาฯ กล่าวว่า ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนช่วยกันจับตาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการควบคุมกลุ่มผู้ชุมนุมให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล ไม่ใช่เพื่อปกป้องการใช้อำนาจด้วยคำสั่งอันไม่ชอบธรรม เชื่อในตัวพวกคุณทุกคนว่าจะยังรักในเกียรติ ในศักดิ์ศรี และมีความรักต่อประชาชน ไม่ใช่สัตว์ร้ายที่ยินยอมทำตามในสิ่งที่ผิดโดยปราศจากมโนสำนึก ในฐานะประธาน กมธ.ฯ ได้แต่งตั้งนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.นครปฐม พรรคก้าวไกล กมธ.ฯ เป็นประธานติดตามการชุมนุมเพื่อสังเกตการณ์ รวบรวมเหตุความรุนแรง และข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งต่อพี่น้องประชาชนและสื่อมวลชน เพื่อรายงานต่อที่ประชุม กมธ.ฯชุดใหญ่ และจะเรียกผู้บังคับหน่วยควบคุมฝูงชนมาชี้แจงต่อไป ในฐานะตัวแทนประชาชนยืนยันจะพยายามทุกวิถีทางไม่ยอมให้มีการละเมิดสิทธิ หรือการก่ออาชญากรรมโดยรัฐกลายเป็นสิ่งปกติในสังคมประชาธิปไตย

“ชัยเกษม” ขอยุติธรรมเป็นกลาง

นายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย อดีตอัยการสูงสุด และอดีต รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า คนในกระบวนการยุติธรรมต้องทำตัวและทำใจเป็นกลาง ไม่ใช่ทำไปตามความต้องการของรัฐบาล คนที่เอียงเข้าไปกับฝ่ายปฏิวัติมักได้ดิบได้ดี ถ้าเป็นหน่วยงานอาจได้รับการเอื้อเฟื้อจากรัฐบาล ถ้าทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองตรงไปตรงมา บ้านเมืองคงไปได้เรียบร้อย จากประสบการณ์ในชีวิตคนไม่ผิดติดคุกก็มีพอสมควร มันอยู่กับใจที่หนักแน่นและดุลพินิจที่เป็นกลาง ในต่างประเทศแก้เรื่องการใช้ดุลพินิจของผู้พิพากษา โดยการตั้งระบบลูกขุนขึ้นมา เพื่อให้มีความเห็นหลากหลายขึ้น ก็ช่วยได้ระดับหนึ่ง กระบวนการยุติธรรมจึงเป็นสิ่งที่ค่อนข้างลำบากในเรื่องการทำให้คนเกิดจิตสำนึกในการให้ความเป็นธรรม ถ้าทำหน้าที่โดยไม่ตั้งสติให้ดี จะเกิดปัญหาเหมือนที่เราเห็นการปราบม็อบต้องดูผู้ชุมนุมทำอะไรมากน้อยแค่ไหน สามารถใช้กระบวนการที่ละมุนละม่อมกว่านั้นได้หรือไม่ เชื่อว่าประชาชนที่ออกมาชุมนุมหลายคนมาเพราะความเดือดร้อน เห็นความไม่ถูกต้อง ความไม่เป็นธรรม