ฝ่ายค้านกาหัวชัวร์ๆ 4 รมต.รอวันขึ้นเขียง นำโดย “บิ๊กตู่-เสี่ยหนู” ล้มเหลวแก้โควิด-บริหารวัคซีนผิดพลาด “เสี่ยโอ๋ ศักดิ์สยาม” เปิดประมูลรถไฟทางคู่เหนือ-อีสานไม่โปร่งใส พ่วงปมจริยธรรมทำโควิดระบาดระลอกสาม “จุรินทร์” โดนไม่ควบคุมราคาผลิตภัณฑ์ป้องกันตรวจเชื้อโควิด “ผู้กองนัส-เฉลิมชัย” มีลุ้นติดโผด้วย กมธ.ฯติงตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุ จ่อเชิญ ผบ.ตร.-ผบช.น.แจงทุบม็อบ “บิ๊กตู่” ส่งตัวแทนเยี่ยม ตร.เจ็บ บช.น.รวบ 17 ผู้ต้องหาม็อบ 11 ส.ค. จับแล้ว 2 มือเผารถคุมตัวผู้ต้องขัง ยธ.โต้ “เพนกวิน” โวยถูกห้ามเยี่ยม ก้าวไกลขวางลำแก้ รธน.เลยเถิด
ฝ่ายค้านกาหัวชัวร์ๆ 4 รัฐมนตรีเป้าหมายซักฟอก นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ข้อหาบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 วัคซีนผิดพลาดบกพร่อง และความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่

พท.ยืนพื้นจับ 5 รมต.ขึ้นเขียง
...
เมื่อวันที่ 12 ส.ค. นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่าวันที่ 14 ส.ค.นี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะหารือรอบสุดท้ายเพื่อกำหนดตัวรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ คาดว่าอยู่ที่ 5 คน หรือบวกลบ 1 ไม่เกินจากนี้ มั่นใจว่าการอภิปรายครั้งนี้จะทรงพลังมากที่สุด สอดคล้องอารมณ์ความรู้สึกประชาชน ฝ่ายค้านจะเอามาขยายโฟกัสให้ชัดขึ้น จะเป็นการอภิปรายที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด มีการชี้เป้าส่งข้อมูลมาให้จำนวนมาก ทั้งในสภาฯและนอกสภาฯจะเป็นเวทีคู่ขนานกันไป การลงคะแนนในสภาฯไม่คาดหวัง ไม่ให้ความสำคัญเท่านอกสภาที่จะมีการแสวงหามติมหาชนเป็นคำตอบ แต่ยังแอบหวังอาจมีเซอร์ไพรส์การลงมติในสภาฯ อาจมีบางคนของพรรคร่วมรัฐบาลเสียงแตกยกมือให้ฝ่ายค้าน ก็ถือเป็นนัยสำคัญทางการเมืองแล้ว ใครที่ได้คะแนนห่างจากเพื่อนลิบลับถือเป็นการส่งสัญญาณการเมืองให้เห็น
การันตีไม่มีกั๊กข้อมูลก้าวไกล
นายสุทินกล่าวอีกว่า ส่วนความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเรื่องงบกลาง และการแก้รัฐธรรมนูญนั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อการ อภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านแยกแยะออกเป็นเรื่องๆไป บางเรื่องอาจมีความเห็นต่างกัน เช่น งบกลาง การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจมีความเห็นตรงกัน การอภิปรายครั้งนี้ทุกพรรคจะทำหน้าที่เต็มที่ ไม่มีการปกปิดข้อมูลกัน
เปิดข้อหา 4 รมต. ถูกกาหัวชัวร์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้รายชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีความเป็นไปได้ถึงร้อยละ 90 แล้ว มี 4 คน คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กรณีความล้มเหลวแก้ปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 และการบริหารจัดการวัคซีนผิดพลาด 2.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข กรณีความล้มเหลวแก้ปัญหาการแพร่ระบาดเชื้อโควิด และการบริหารจัดการวัคซีนผิดพลาด 3.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กรณีความไม่โปร่งใสการประมูลโครงการรถไฟทางคู่สายเหนือ-อีสาน และกรณีปัญหาจริยธรรมที่ถูกกล่าวหาเชื่อมโยงการแพร่ระบาดโควิดระลอกสาม 4.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กรณีไม่ควบคุมราคาสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการป้องกันและตรวจสอบเชื้อโควิด
“ผู้กองนัส-เฉลิมชัย” รอลุ้นต่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีก 2 คน คือ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ที่พรรคประชาชาติและพรรคเสรีรวมไทยเสนอชื่อมา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ที่ถูกเสนอชื่อโดยพรรคก้าวไกลนั้น จะนำข้อมูลพยานหลักฐานเข้าหารือในที่ประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกครั้ง ว่ามีน้ำหนักเพียงพอจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาพรรคร่วมฝ่ายค้านไม่ทราบข้อมูลว่าทั้ง 2 คนจะถูกยื่นอภิปรายในเรื่องใด เนื่องจากพรรคที่เสนอชื่อมาปิดข้อมูลเป็นความลับ บอกว่าจะนำข้อมูลมาเปิดเผยในวันที่ 14 ส.ค. โดยยืนยันเป็นข้อมูลที่มีพยานหลักฐานความผิดชัดเจน

“ชวน” มั่นใจบรรจุญัตติไร้ปัญหา
ช่วงเช้าที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 วันที่ 18-20 ส.ค. มีการหารือว่าจะตรวจ antigen test kit ให้ข้าราชการและสื่อมวลชนในวันที่ 16-17 ส.ค.ก่อนประชุมสภาฯ ส่วนรัฐมนตรี ส.ส. และผู้ติดตามจะคุมเข้มเหมือนเดิม ขณะที่กรอบเวลาอภิปรายอาจยืดเยื้อมากกว่า 3 วัน ส่วนกรณีฝ่ายค้านเตรียมยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี เบื้องต้นฝ่ายค้านนัดหมายเข้ายื่นกับตน วันที่ 16 ส.ค. คาดว่าจะใช้เวลาตรวจสอบญัตติให้เรียบร้อยไม่เกิน 7 วัน จากนั้นจะนัดหารือฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านว่าเวลาและวันที่แต่ละฝ่ายสะดวกจะเป็นช่วงไหนต่อไป
“จุรินทร์” รอฝ่ายค้านเปิดซองกฐิน
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่ทราบว่ามีรัฐมนตรีคนใดจะถูกอภิปรายบ้าง เชื่อว่าเมื่อมีรายชื่อผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจออกมา จะสะท้อนให้เห็นได้ว่าฝ่ายค้านต้องการอะไรซ่อนอยู่หรือไม่ เมื่อถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่อยู่ในวาระ 2 และมีความเห็นที่แตกต่างกันในชั้นกรรมาธิการฯ นายจุรินทร์ตอบว่า ยืนยันพรรคประชาธิปัตย์ทำเต็มที่เต็มกำลังความสามารถเท่าที่ ส.ส.ของพรรคมีอยู่แล้ว ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับอนาคตที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกัน ขณะนี้รัฐบาลต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาโควิด และยังมีปัญหาการเมืองที่ต้องแก้ไปพร้อมกัน
ห่วงม็อบป่วนก่อเหตุรุนแรง
เมื่อถามถึงการชุมนุมของม็อบกลุ่มต่างๆ ที่เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากนายกฯ นายจุรินทร์ตอบว่า ยอมรับว่าสถานการณ์นี้ไม่ง่าย แต่เป็นหน้าที่รัฐบาลต้องทำให้สถานการณ์คลี่คลายให้ได้ เป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ได้เป็นไปตามวิถีทางของประชาธิปไตย ขอให้ทุกฝ่ายตระหนักและระมัดระวังในการใช้ความรุนแรง
กมธ.ติงตำรวจใช้กำลังเกินเหตุ
ด้านนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย รองประธานกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเหตุการณ์ความรุนแรงระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า กังวลเหตุที่เกิดขึ้นมีแนวโน้มบานปลาย โดยเฉพาะฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีข้อสังเกตดังนี้ 1.มีการใช้กำลังเกินกว่าเหตุในการปฏิบัติหน้าที่ เช่น ทำร้ายผู้ชุมนุมระหว่างจับกุมแทนที่ใช้การควบคุม 2.ควบคุมการชุมนุมไม่เป็นไปตามหลักสากล แอบอยู่บนที่สูงยิงกระสุนยางลงมา ใช้แก๊สน้ำตาจากที่สูง เสมือนดักทำร้าย ใช้ปืนจ่อ แม้จะเป็นกระสุนปลอมก็อาจพลาดพลั้งถึงแก่ชีวิตได้ 3.ยั่วยุกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นนักศึกษาและประชาชนให้บันดาลโทสะ เกิดความโกรธ เกลียดชัง และการปะทะตามมา ไม่มีประโยชน์กับการกระทำทั้งสองฝ่าย 4.เรียกร้องเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมการชุมนุมโดยปฏิบัติตามกฎหมายและหลักสากลอย่างเคร่งครัด
จ่อเชิญ ผบ.ตร.แจงทุบม็อบ
นายครูมานิตย์กล่าวอีกว่า จากการติดตามการชุมนุมเห็นได้ว่าผู้ชุมนุมไม่มีเจตนาปะทะกับตำรวจ เป็นการทำกิจกรรมเรียกร้องให้นายกฯลาออก เรียกร้องความเป็นประชาธิปไตย ในฐานะกรรมาธิการการตำรวจ ไม่อยากเห็นตำรวจถูกใช้เป็นเครื่องมือของผู้มีอำนาจ ปฏิบัติรุนแรงเกินกว่าเหตุกับประชาชน จึงหารือกับกรรมาธิการอีกหลายคน โดยเฉพาะนายวิสุทธิ์ ไชยอรุณ ส.ส.พะเยา ที่ปรึกษากรรมาธิการการตำรวจ เพื่อเชิญ ผบ.ตร. ผบช.น. และผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งประชาชนผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย มาแลกเปลี่ยนหาทางออกร่วมกัน พูดคุยทำความเข้าใจถึงการควบคุมการชุมนุม การใช้อาวุธ สารเคมี และแก๊สน้ำตา ที่สำคัญจะขอให้เปิดเผยคำสั่งนายกรัฐมนตรีในการควบคุมการชุมนุมครั้งนี้ กมธ.ตำรวจไม่ต้องการเห็นความสูญเสียทั้ง 2 ฝ่ายเกิดขึ้นอีก
“บิ๊กตู่” ส่งตัวแทนเยี่ยม ตร.เจ็บ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯมอบหมายนางนันทวรรณ ชื่นศิริ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เข้าเยี่ยมเจ้าหน้าที่ตำรวจ 9 ราย ที่ได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการชุมนุมเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่โรงพยาบาลตำรวจ ทั้งนี้ นายกฯยังฝากความห่วงใยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมเน้นให้ทุกภาคส่วนปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวัง ยึดหลักสากล ปฏิบัติการตามสถานการณ์และความจำเป็นเท่านั้น พร้อมขอบคุณประชาชนที่ให้ความร่วมมือ หลีกเลี่ยง ไม่เข้าร่วมหรือไปยังพื้นที่ชุมนุม นายกฯรู้สึกเสียใจที่การชุมนุมก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สิน สร้างความเดือดร้อนและสร้างผลกระทบให้กับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ และผู้ที่เดินทางทั่วไป
พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผบช.ฯ (ทนท.ประสานงาน นร.และ มท.) เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ให้นำสิ่งของบำรุงขวัญไปเยี่ยมตำรวจอคฝ. 6 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ เพื่อสร้างขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดยตำรวจทั้ง 6 นาย และครอบครัวดีใจมาก คิดไม่ถึงว่านายกฯจะสนใจ ส่งของมาให้กำลังใจ บางคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า บอกว่าหายเจ็บจะไปปฏิบัติหน้าที่ต่อ
ฉะพวกเวิร์กฟรอมโฮมยืมมือเด็ก
น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยืนยันว่ารัฐบาลเคารพในสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของเยาวชนคนรุ่นใหม่ ไม่ต้องการให้เกิดเหตุร้ายขึ้นกับอนาคตของชาติ แต่ขณะเดียวกัน นักการเมือง กลุ่มการเมือง และพรรคการเมือง กลับทำตัวคล้ายยุยงให้เยาวชนต้องมาบาดเจ็บ คอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ โดยใช้เจตนาบริสุทธิ์ของเด็กมาเป็นเครื่องมือ เป็นบันไดไต่เต้าไปสู่อำนาจ หรือเป้าหมายทางการเมือง อย่างที่มีการ์ตูนล้อว่าบรรดาคนการเมืองที่อยู่เบื้องหลังม็อบนั้นพากันเวิร์กฟรอมโฮม แต่ปล่อยเด็กมาเสี่ยงอันตราย

รวบ 17 ผู้ต้องหาม็อบ 11 ส.ค.
เมื่อเวลา 11.20 น. ที่กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ว่า มีตำรวจ 11 นาย บาดเจ็บจากระเบิดปิงปอง ประทัดยักษ์ พลุไฟ ลูกแก้ว และลูกหิน มีตำรวจยศ ร.ต.ท. อายุ 26 ปี และตำรวจหญิงยศ ร.ต.ท. อายุ 25 ปี ทั้ง 2 นาย ไม่เกี่ยวข้องกำลังกลับบ้าน ระหว่างทางพบผู้ชุมนุมบริเวณแยกสามเหลี่ยมดินแดงประมาณ 40 คน กรูเข้ามาทำร้ายร่างกาย มีรถยนต์ทางราชการถูกเผาและทำลายเสียหาย 8 คัน ป้อมสัญญาณจราจรถูกทำลาย 12 แห่ง ทรัพย์สินต่างๆ เป็นประโยชน์สาธารณะของประชาชนไม่มีเหตุผลที่ไปเผาหรือทำลาย จับกุมผู้ต้องหา 17 คน เป็นชาย 15 คน และหญิง 2 คน โดยเป็นเยาวชน 2 คน เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหาตามความผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน วางเพลิงเผาทรัพย์ ทำลายสิ่งของ หรือทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยืนยันจะรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีทุกราย ทั้งนี้ การปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจถ้าไปสร้างความเดือดร้อนส่งผลกระทบต่อประชาชน ต้องขออภัยด้วย
จับได้ 2 มือเผารถคุมตัวผู้ต้องขัง
ผบช.น.กล่าวต่อว่า จากเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ผู้ชุมนุมเผาทำลายรถควบคุมผู้ต้องขัง ศาลอาญาอนุมัติหมายจับผู้ต้องหา 2 คน ได้แก่ นายอาทิตย์ สากลวารี อายุ 20 ปี และนายน้ำเชี่ยว เนียมจันทร์ อายุ 20 ปี สามารถจับกุมตัวทั้งคู่ได้ สอบสวนนายอาทิตย์ให้การภาคเสธ ส่วนนายน้ำเชี่ยวรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา ให้การว่าร่วมกันใช้ระเบิดเพลิงขว้างไปที่รถควบคุมผู้ต้องขังจนทำให้เกิดเพลิงไหม้ จากการตรวจค้นบ้านผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม พบอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ อุปกรณ์ประกอบระเบิด และเสื้อผ้าใส่ในวันเกิดเหตุ
ยธ.โต้ “กวิ้น” โวยถูกห้ามเยี่ยม
ด้านว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีการเผยแพร่ข้อความว่าเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ไม่ยอมให้ทนายเข้าเยี่ยมนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และเพื่อน ถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนว่าในสถานการณ์วิกฤติ
โควิด-19 กรมราชทัณฑ์มีมาตรการเข้มข้นในการควบคุมเรือนจำทุกแห่งทั่วประเทศ มีการงดเยี่ยมผู้ต้องขังมานานหลายเดือนแล้ว เพื่อลดการแพร่เชื้อโควิดในเรือนจำ ให้เยี่ยมญาติผ่านทางแอปพลิเคชันไลน์แทน ส่วนทนายความเราไม่ได้ปิดกั้นไม่ให้เข้าพบ เข้าพบได้แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรค เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ทนายความของนายพริษฐ์ก็ได้เข้าพบตามปกติ ส่วนเรื่องความปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วง มีเจ้าหน้าที่ดูแลและควบคุม รวมทั้งมีกล้องวงจรปิด คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เคยเข้ามาตรวจสอบแล้ว
เตือนกุข่าวเอามวลชนกดดัน
ว่าที่ ร.ต.ธนกฤตกล่าวอีกว่า การไม่ให้ทนายพบกับผู้ต้องหาถือเป็นการผิดรัฐธรรมนูญและประมวลวิธีพิจารณาความคดีอาญา ไม่มีใครกล้าทำ ขอผู้สนับสนุนเลิกใช้วิธีเก่าๆ อย่าพยายามกุข่าวลวงหรือนำมวลชนมากดดันที่หน้าเรือนจำ กรมราชทัณฑ์เป็นเพียงปลายน้ำที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ก่อนหน้านี้ที่นายพริษฐ์ได้รับการประกันตัวได้ตกลงเงื่อนไขอะไรไว้กับศาล เมื่อทำผิดเงื่อนไขมีผู้ไปร้องให้ศาลถอนการประกันตัวจนศาลมีคำสั่งถอนประกันตัว ขอเตือนผู้ที่โพสต์ข้อความบิดเบือน อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ก้าวไกลขวางลำแก้ รธน.เลยเถิด
อีกเรื่อง นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 83 และมาตรา 91 กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย จับมือกันแปรญัตติแก้ไขเนื้อหานอกเหนือจากที่รับหลักการ ว่าพรรคก้าวไกลจะต่อสู้ขัดขวางเรื่องนี้จนถึงที่สุด ถ้าเป็นไปได้ในวันที่ 13 ส.ค. จะยื่นญัตติด่วนถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา บรรจุวาระเร่งด่วนให้ที่ประชุมรัฐสภา พิจารณาโหวตตัดสินว่า กรณี กมธ.แก้รัฐธรรมนูญทำผิดกฎหมาย แปรญัตติแก้รัฐธรรมนูญนอกเหนือจากหลักการที่รับมากระทำได้หรือไม่ เพื่อชี้ขาดก่อนเข้าสู่การพิจารณาในวาระ 2-3 รัฐสภาต้องทำหน้าที่ตามกฎหมาย ตามหลักนิติธรรม ไม่ควรปล่อยให้ กมธ. ตีความตามอำเภอใจใช้เสียงข้างมากลากไป ร่างรัฐธรรมนูญฉบับพรรคประชาธิปัตย์เสนอแก้แค่ 2 มาตรา เรื่องบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ กับวิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่กลับไปแก้ทุกอย่างที่เกี่ยวข้อง เลยเถิดไปถึงการแก้บทเฉพาะกาล ให้ กกต.มีอำนาจกำหนดหลักเกณฑ์เลือกตั้ง ส.ส.เองได้ แม้จะแพ้เสียงโหวต แต่ก็ประจานให้เห็นว่าใครบ้างเห็นชอบการดำเนินการที่ผิดกฎหมาย
ยังไม่คิดยื่นศาล รธน.ตีความ
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากแพ้โหวตจะยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความต่อไปหรือไม่ นายธีรัจชัยตอบว่า ยังไม่คิดไกลถึงขั้นนั้น ขอใช้กลไกในสภาต่อสู้ถึงที่สุดก่อน ค่อยมาว่ากัน ขอพึ่งตัวเองให้สภาตัดสินก่อน เมื่อถามว่าจะจับมือกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ เพราะมีแนวทางต่อสู้ทางเดียวกัน นายธีรัจชัยตอบว่า ขณะนี้แค่คุยกันในนามส่วนตัวกับกมธ.แก้รัฐธรรมนูญของพรรคภูมิใจไทย แต่เป็นแค่การแลกเปลี่ยนความเห็นในเบื้องต้นเท่านั้น แต่ยังไม่มีการหารือในระดับพรรคอย่างเป็นทางการ อย่าเพิ่งคิดไปไกล ต้องต่อสู้ด้วยตัวเองให้เต็มที่ก่อน