วันสุดท้าย รูดม่านปิดฉากมหกรรมกีฬาโอลิมปิก “โตเกียว 2020”
ความสำเร็จของประเทศญี่ปุ่นและมวลมนุษยชาติที่สามารถฝ่ามรสุมโรคระบาดโควิด–19 จัดการแข่งขันเสี่ยงกับไวรัสมรณะที่ยังอาละวาดหนักทั่วโลก
ด้วยมาตรฐานการควบคุมโรคระดับสากล “โตเกียวเกมส์” ผ่านพ้นไปด้วยดี
และที่ต้องปรบมือให้ดังๆกับความสำเร็จของทัพนักกีฬาไทย สามารถนำเหรียญกลับมาให้ประชาชนคนไทยได้ชื่นชม เติมเต็มอารมณ์แห่งความสุขในห้วงทุกข์ระทมสาหัส
ตัวเลขเหยื่อไวรัสมรณะโควิด-19 ในประเทศ ทุบสถิติรายวัน
ศบค.รายงานผู้ติดเชื้อทะยานทะลุ 2 หมื่นราย ยอดคนตายไต่ระดับจ่อ 200 ศพ ทำยอดสะสมผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิดดีดขึ้นเกือบ 6 พัน เกินครึ่งหมื่นไปแล้ว
โดยแนวโน้มสถานการณ์ “กราฟพุ่งขึ้น” ไม่มีหยุด
ณ จุดที่ยังต้องนับไปอีก 2 สัปดาห์ตามที่ทีมกระทรวงสาธารณสุข แถลงคาดการณ์ว่าอีก 3 สัปดาห์ หรืออีกประมาณ 1 เดือนข้างหน้า จะเป็นช่วงพีกของผู้ป่วยต่างจังหวัด ที่ถูกส่งกลับไปยังภูมิลำเนา
เทียบกันในเชิงสถิติ ถึงวันนั้นตัวเลขจะดีดขึ้นไปอีกเท่าไหร่
สวนทางหักมุมกับกำหนดเปิดประเทศภายใน 120 วัน ที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ประกาศพันธสัญญาไว้ ผ่านไปแล้ว 53 วัน เหลืออีกแค่ 67 วัน
มันยิ่งห่างไกลความเป็นจริง โอกาสความเป็นไปได้แทบไม่มี
ตราบใดที่วัคซีน “ความหวังสุดท้าย” ยังติดๆขัดๆ “ม้าเต็ง” อย่างแอสตราเซเนกายังขาดๆหายๆมาแบบกะปริบกะปรอย มีแค่ “ม้ารอง” ซิโนแวค แก้ขัด ผู้คนก็ไม่มั่นใจในประสิทธิภาพ
สะท้อนชัดจากอาการแย่งชิงของบริจาค “ไฟเซอร์” จากสหรัฐอเมริกา
...
วัคซีน mRNA ที่กลุ่มแพทย์ พยาบาล ออกมาแสดงพลังเรียกร้องกดดันให้รัฐบาลโดย ศบค.จัดสรรให้บุคลากรด่านหน้า กลุ่มเสี่ยงสุดที่ผจญกับมหันตภัยโควิด
กัดติดการบริหารจัดการ “วัคซีนประสิทธิภาพสูง” ไม่ให้ลับๆล่อๆ
เพราะอาการหวาดระแวง ไม่ไว้วางใจ “วัคซีนการเมือง” ระบบอุปถัมป์แบบไทยๆที่กั๊กไว้ให้พวกพ้อง
เปิดช่องระบบ มือใครยาวสาวได้สาวเอา
แบบที่วัคซีนบูสต์เข็ม 3 ไปโผล่บนแขนตำรวจที่จังหวัดบุรีรัมย์ เมืองหลวงพรรคภูมิใจไทย แถมได้ “ไฟเซอร์” มากเป็นอันดับ 3 ของจังหวัดโซนแดงเข้มรองแค่ กทม.กับนนทบุรี ลามไปที่จังหวัดพิษณุโลก “มนุษย์ป้า” แม่ยกทีม กปปส.อาศัยลูกนัว โหนเส้นบิ๊กข้าราชการอ้างเป็นกลุ่มเสี่ยงด่านหน้า แทรกคิวฉีดวัคซีนบูสต์เข็ม 3 ปาดหน้าบุคลากรตัวจริงหน้าตาเฉย
ประจานความเหลื่อมล้ำในยุคผู้นำชื่อ “บิ๊กตู่”
พวกใครพวกมัน เล่นเกมอำนาจและผลประโยชน์แฝงการบริหารจัดการวัคซีน หวังตีกินแต้มทางการเมือง เอื้อพวกพ้องทางธุรกิจ ฝ่ายถืออำนาจแฝงเหลี่ยมหาผลประโยชน์
ไม่เลือกเวลา แม้บนภาวะความเป็นความตาย
ประชาชนตาดำๆไม่มีเส้นสาย ต้องนอนตายข้างถนนกลางกรุงเพราะติดเชื้อมรณะ ตระเวนหาโรงพยาบาลไม่มีที่ไหนรับ อ้างล้น เตียงเต็ม ตายายนอนป่วยรอความช่วยเหลือจนตายคาบ้าน
คุณค่าชีวิตของคนไทยที่ไม่เท่าเทียมกัน กระตุกภาพสะเทือนใจผู้คนในสังคม
แต่ขัดอารมณ์ผู้มีอำนาจ งัดกฎหมายติดหนวดสกัดการแพร่ภาพบาดตา นัยว่าสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชน เขย่าแรงต้านผู้นำรัฐบาลที่โดนโห่ไล่หนักขึ้นทุกขณะ
ตามภาวะบ้อท่า ล้มเหลวสกัดไวรัส ผิดพลาดในการจัดหาวัคซีน
ล่าสุดนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสมาคมธนาคารไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ประจำเดือนสิงหาคม 2564 แถลงผลการประชุมร่วม กกร.
ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 64 เป็น -1.5% ถึง 0.0%
เนื่องจากที่ประชุมเห็นว่า เศรษฐกิจไทยยังวิกฤติและเผชิญความเสี่ยงค่อนข้างมากจากการระบาดระลอกใหม่ที่รวดเร็วและรุนแรง กระทบต่ออุปสงค์ในประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวต่อเนื่องยังสนับสนุนส่งออกของไทยในระยะต่อไป ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโควิด-19 และมาตรการเพิ่มเติมของรัฐ
โควิดซัดงอมพระราม ผู้นำรัฐบาลอาการขั้นโคม่า ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ
ยังไม่นับเหตุร้ายแทรกซ้อน คดีสะเทือนขวัญ แหม่มสาวนักท่องเที่ยวชาวสวิตเซอร์แลนด์ถูกฆ่าตายที่จังหวัดภูเก็ต เซ่นโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ตบหน้ารัฐบาลไทย
เสี่ยงเดิมพันเปิดเมืองรับท่องเที่ยวแทนที่จะบวก กลับติดลบมหาศาลไปกันใหญ่
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดประเทศไทย บาปหนักโหลดไปที่ตัวผู้นำ
ภูมิคุ้มกันแรงเสียดทานภายนอก ตกต่ำเลยขีดลบ
ตามเงื่อนไขสถานการณ์ ล้อกับการเมืองเพื่อนบ้านอย่างประเทศมาเลเซีย ที่นายกฯมูห์ยิดดิน ยัสซิน ผู้นำรัฐบาล โดนกดดันอย่างหนักจากพรรคร่วมรัฐบาลประกาศถอนการสนับสนุน ฝ่ายค้านรุมขย่มอัปเปหิ
ข้อหาล้มเหลวในการรับมือวิกฤติโรคระบาดโควิด
ตามจังหวะของไทย พรรคร่วมฝ่ายค้านตั้งแท่นลากผู้นำรัฐบาล 3 ป.ขึ้นเขียงเชือดพร้อมรัฐมนตรีที่อยู่ในข่าย โดยนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่งซิก พร้อมบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจทันทีที่ฝ่ายค้านยื่นต่อจากการประชุมพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ในวันที่ 18–20 สิงหาคม
เปิดเวทีให้ล่อเป้ากันก่อนปิดสมัยประชุมวันที่ 18 กันยายน
ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์เข้าเหลี่ยมฝ่ายค้านไล่ซ้ำดาบสอง ตีเหล็กกำลังร้อน ถล่มรัฐบาลเรือเหล็กปะผุ แล่นชนหินโสโครก สถานะง่อนแง่นเต็มที
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ในมุมหักกระแส มันก็มีภาพ “บิ๊กตู่” เดินจับกลุ่มนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและ รมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา ลงจากตึกไทยฯ ภายหลังการหารือกับรองประธานาธิบดีสมาพันธรัฐสวิส
สะกิดต่อมนักข่าวมโน “โชว์ปึ้ก” ในจังหวะเบิ้ลกลับม็อบเดินสายกดดันพรรคร่วมรัฐบาลถอนยวง
ขณะที่นายวราวุธ ยืนยันแค่พูดกันในมุมของงานแต่ละกระทรวง นายกฯไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมือง แต่ยอมรับ โดยสถานการณ์ยังไม่มีสัญญาณเปลี่ยนแปลง พรรคร่วมรัฐบาลยังเดินหน้าทำงานต่อไป
สรุป ยังไม่มีใครสละเรือ โดดหนีรัฐนาวาที่กำลังฝ่ากระแสพายุ ตามฟอร์มนักการเมืองอาชีพแบบไทยๆ ตราบใดที่เกมอำนาจ ผลประโยชน์ ยังเกาะเกี่ยวกันเหนียว แม้จะเหลือเพียงสายสัมพันธ์บางๆ
มันก็ยัง “ตบจูบ” ลากละคร “น้ำเน่า” ไปได้
ยิ่งเป็นอะไรที่กระแสโควิดถล่มน่วม อ่วมกันทั้งรัฐบาลผสม ตามสถานะจำเลยร่วมไม่ใช่แค่ทีม 3 ป. ค่ายพลังประชารัฐ แต่พรรคภูมิใจไทย ค่ายประชาธิปัตย์ ที่กุมกระทรวงหลักในการบริหารจัดการโควิด หนีไม่พ้นต้องรับข้อหาประมาทร่วม ทำคนตายเป็นใบไม้ร่วง
ถ้าถอนยวงออกมา ไม่ได้ภาพพระเอก เผลอๆตายเดี่ยว ไฟต์บังคับพรรคร่วมรัฐบาลยังลุยไฟ
ที่สุดก็พร้อมล่มจมตายหมู่ไปพร้อมเรือแป๊ะ
แต่ที่ผิดฟอร์มจริงๆก็คือพรรคร่วมฝ่ายค้าน ส่อมวยล้มต้มคนดู ตั้งแต่ยังไม่ขึ้นเวที ตามลีลาพรรคเพื่อไทย ค่ายดูไบ ที่โดนมวยเด็กพรรคก้าวไกลกระแทกหน้า แฉเกมในคณะกรรมาธิการงบฯลากเงินปรับลดกว่า 16,362 ล้านไปเพิ่มในงบกลางที่ พล.อ.ประยุทธ์ อ้างกันไว้แก้ปัญหาโควิด-19
ด่ารัฐบาลไม่โปร่งใส แต่ไฉนฮั้ว “งบฯกลาง” ตีเช็คเปล่าใส่มือผู้นำ
แล้วก็เป็นมวยหน้าเดิมอย่างที่เคยโดนจับตา “ชกไม่สมศักดิ์ศรี” อย่าง “เสี่ยโจ้” นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เทกแอ็กชันโชว์ อ้างเป็นการเปิดทางสะดวกในการนำเงินไปช่วยประชาชนยามฉุกเฉิน หากมีการทุจริตพร้อมรับผิดชอบด้วยการลาออก เลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต
แต่กระแสจุดติด ก้าวไกลขย่มเพื่อไทยฮั้ว “งบฯกลาง”
กระแสยังลามโยงเกมดีลข้ามขั้ว 2 ค่ายใหญ่ ผ่าน “ดีลเมกเกอร์” สำคัญที่อัดท่อน้ำเลี้ยงข้ามค่าย ต่อสายเชื่อม 3 ป. กับนายใหญ่ดูไบ โยงไปถึงเกมรื้อรัฐธรรมนูญใช้บัตร 2 ใบ เข้าเหลี่ยมพลังประชารัฐกับยี่ห้อเพื่อไทยเกมรวมหัว “บอนไซ” พรรคก้าวไกล ตอนทีมเด็กรุ่นใหม่สูญพันธุ์
ตามรูปเกม พรรคเพื่อไทยได้โอกาสเตะตัดขาแนวร่วมต่างวัย อาศัยเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญบล็อกทีมของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำคณะก้าวหน้า เบรกตัวแย่งแต้ม แถมยังได้แจมงบฯกลางแบบเนียนๆ
รอยร้าวพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยแตกชัด ยากจะประสาน
และนั่นย่อมสะเทือนถึงศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ กระทบปฏิบัติการลาก “บิ๊กตู่” ขึ้นเขียงเชือดประจานบ้อท่าจัดการโควิด ในภาวะรัฐบาลอ่อนกำลัง แต่ฝ่ายค้านดันเหยียบตาปลา ขัดขากันเอง
เดาผลโหวตได้ล่วงหน้า เกมในสภา ฝ่ายค้านแพ้ขาด
การันตีสถานะ “บิ๊กตู่” ภูมิคุ้มกันเสียงในสภาหนาแน่น
แต่นั่นก็สวนทางกับกระแสความเชื่อมั่นภายนอก ม็อบไล่ยกระดับลุยทะลุฟ้า ศรัทธาผู้นำในมหาวิกฤติโควิดที่โหลดต่ำเตี้ยลงทุกขณะ ตามตัวเลขติดเชื้อที่ทะลุ 2 หมื่นคนต่อวัน ยอดรวมคนตายที่ทะลักเกินครึ่งหมื่น
ท่ามกลางแรงแค้นของคนตายและครอบครัวผู้สูญเสีย
บาปเคราะห์ประเทศไทย วิบากกรรม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ถ้าเอาไม่อยู่ ส่อหนีไม่พ้นโดนประทับ “ตราบาป”.
“ทีมการเมือง”