เรือดำน้ำล่ม ผบ.ทร.ยอมถอย ถอนวาระจัดซื้อลำที่ 2-3 ออกจากงบฯ 65 พท.โวย ส.ส.รัฐบาลเล่นตุกติกจะขอประชุมลับ แถมขวางเปิดข้อมูลจีทูเก๊ ปูดงบฯแฝงพ่วงเรือดำน้ำอีกเพียบ “โจ้” คึกเสนอตัดงบฯซื้ออาวุธทั้งหมด สะเทือนถึง ทบ.-ทอ. จ่อลากขึ้นเขียงซักฟอก “อนุสรณ์” เย้ยรัฐบาลทิพย์แก้อะไรก็ไม่ได้ “พิชัย” จี้หาคนโกงวัคซีน บี้เปิดชื่อคนสั่งไม่ให้ร่วมโคแวกซ์ “ป้อม” สั่ง ส.ส.พปชร.ช่วยประชาชน นายกฯขอทุกคนอย่าหยุดทำดี บช.น.สลายชุมนุมรวบได้ 16 ศปปส.ยื่นถอนประกัน 3 แกนนำ

ในที่สุดกองทัพเรือฝืนกระแสสังคมไม่ไหว ต้องยอมถอนโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ออกไปจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ขณะที่พรรคฝ่ายค้านโดยพรรคเพื่อไทยยังคงรุกไล่ต่อเนื่อง กดดันให้ตัดงบฯจัดซื้ออาวุธของกองทัพบก กองทัพอากาศ ออกไปทั้งหมด

...

เรือดำน้ำล่มปากอ่าว ทร.ถอย

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 19 ก.ค.ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ในส่วนกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ของกองทัพเรือ วงเงิน 22,500 ล้านบาท ที่ถูกกระแสสังคมและฝ่ายการเมืองโจมตีอย่างหนักว่า จัดซื้อในช่วงที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเป็นการประชุมผ่านระบบซูม ทันทีที่เริ่มประชุม พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. ได้แจ้งต่อที่ประชุมขอถอนวาระการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ ออกไปก่อน ที่ประชุมจึงพิจารณางบส่วนอื่นของกระทรวงกลาโหมไปตามวาระปกติ

โวยเล่นตุกติกขอประชุมลับ

ต่อมาเวลา 13.30 น. นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ในฐานะ กมธ.งบฯ แถลงว่า กองทัพเรือแจ้งขอถอนวาระจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำออกจากวาระประชุม แต่ยังมีองค์ประกอบอื่นของเรือดำน้ำที่ยังค้างอยู่ ไม่ได้ถอนตามไปด้วย อาทิ การสร้างท่าเทียบเรือดำน้ำ และโรงซ่อมเรือดำน้ำ ที่มีมูลค่าหลายพันล้านบาท ทั้งนี้มีข้อสังเกตว่ามีความพยายามให้พิจารณางบฯกระทรวงกลาโหมแบบรวบรัดรวดเดียว 8 หน่วยงาน ไม่แยกทีละหน่วยงานเหมือนกระทรวงอื่น ทั้งที่งบกลาโหมมีมากกว่า 2 แสนล้านบาท และอยู่ในความสนใจของประชาชน นอกจากนี้ยังมี กมธ.ฝ่ายรัฐบาล เสนอให้ประชุมลับ แต่ฝ่ายค้านไม่ยอม เพราะข้อมูลที่จะซักถามไม่ใช่ข้อมูลลับ ไม่รู้ต้องการปกปิดข้อมูลอะไรหรือไม่ แต่ในที่สุดที่ประชุม กมธ.ไม่อนุญาตให้ประชุมลับ

โวย ส.ส.รบ.ขวางเปิดจีทูเก๊

นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย กมธ.งบฯ กล่าวว่า ระหว่างการพิจารณางบฯกองทัพเรือ ถูกนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และรองประธาน กมธ.งบฯ ขัดขวางไม่ให้เปิดเผยหนังสือที่ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. ทำหนังสือถึงรัฐบาลจีนให้เร่งรัดการลงนามในสัญญาจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ให้ทันวันที่ 30 ก.ย.2563 ก่อน พล.ร.อ.ลือชัยเกษียณถูกตั้งข้อสังเกตเป็นการทำสัญญาแบบจีทูจีจริงหรือไม่ รวมถึงรายละเอียดการจัดซื้อเรือแอลพีดี หรือเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ มูลค่า 6,200 ล้านบาท ที่พล.ร.อ.ลือชัยขอให้รัฐบาลจีนช่วยติดอาวุธให้ ทั้งที่เป็นเรือรบเหตุใดตอนไปซื้อไม่มีอาวุธให้ สุดท้ายไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะถูก กมธ.ฝ่ายรัฐบาลขัดขวาง

ปูดงบแฝงพ่วงเรือดำน้ำเพียบ

นายยุทธพงศ์กล่าวต่อว่า การถอนวาระจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ของกองทัพเรือออกไปนั้น ไม่ใช่ยกเลิกการจัดซื้อแค่เลื่อนการจัดซื้อออกไปเป็นปีหน้า แต่ฝ่ายค้านต้องการให้ยกเลิกการจัดซื้อไปเลย เพราะประเทศกำลังมีปัญหาเรื่องงบประมาณ ประชาชนกำลังเดือดร้อน ไม่ใช่แค่เรือดำน้ำ 2 ลำนี้ ฝ่ายค้านต้องการให้ยกเลิกงบกองทัพเรือที่เกี่ยวกับเรือดำน้ำทั้งหมด อาทิ การจัดซื้อโดรนป้องกันชายฝั่งมูลค่า 4,500 ล้านบาท โครงการสร้างระบบวิทยุสื่อสารเรือดำน้ำ 300 ล้านบาท ที่เป็นออปชันมากับเรือดำน้ำ และถูกเสนอขอมาในงบฯปี 2565 ควรถูกตัดทิ้งไปทั้งหมด จะเสนอให้โหวตในที่ประชุมกมธ. ไม่ต้องไปพิจารณาในชั้นอนุ กมธ.อีก รวมงบประมาณการจัดซื้อเรือดำน้ำ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง มีมูลค่ารวมถึง 45,000 ล้านบาท ต้องตัดทิ้งทั้งหมด

เตรียมลากขึ้นเขียงเวทีซักฟอก

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ที่โฆษกกระทรวงกลาโหม ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์สั่งให้ถอนเรื่องเรือดำน้ำ 2 ลำออกไป เพราะเห็นแก่ความเดือดร้อนของประชาชนนั้น เหตุที่ต้องถอนเพราะ พล.อ.ประยุทธ์ใจดำ ปากกับใจไม่ตรงกัน ถ้าพวกตนไม่ฟ้องสื่อจะยอมถอนหรือ อย่าเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น พร้อมเอาชีวิตเข้าแลกเพราะมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่กลัวตาย พร้อมสู้ทุกคดีเอาชีวิตเป็นเดิมพัน และจะเอาข้อมูลใหม่มาแฉในการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลด้วย

ทร.ร่ายยาวเหตุผลต้องชะลอ

ขณะที่ พล.ร.อ.เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ แถลงว่า รายละเอียดการชะลอโครงการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ผบ.ทร.ชี้แจงต่อ กมธ.งบฯไปแล้ว สำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำเป็นไปตามยุทธศาสตร์ของกองทัพเรือ ในการคุ้มครองและรักษาผลประโยชน์ชาติทางทะเล ครอบคลุมทั้ง 2 ฝั่ง มูลค่ามหาศาลกว่า 22.89 ล้านล้านบาท จากสถานการณ์วิกฤติโควิด กองทัพเรือได้ระดมสรรพกำลังทุกรูปแบบเพื่อช่วยเหลือประชาชนเต็มกำลัง ทั้งนี้ กระทรวงกลาโหมและกองทัพเรือประเมินสถานการณ์ในภาพรวม เห็นว่ารัฐบาลมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากช่วยเหลือประชาชนในยามทุกข์ยาก จึงชะลอโครงการจัดหาเรือดำน้ำลำที่ 2-3 ไปก่อน อาจส่งผลกระทบบางประการที่กองทัพเรือต้องไปเจรจากับรัฐบาลจีน เพื่อสร้างความเข้าใจ และไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และยังคงความพร้อมให้การสนับสนุนความช่วยเหลือทางทหารกันต่อไป

เย้ยรัฐบาลทิพย์แก้อะไรไม่ได้

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการประกาศล็อกดาวน์ประชาชนประเมินแล้วมีแนวโน้มเจ็บแต่ไม่จบ อาจเจ็บหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่รู้จบเมื่อใด เศรษฐกิจพังแต่รัฐบาลแก้ปัญหาลูบหน้าปะจมูก ไม่เห็นแผนงานเป็นขั้นตอน สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งทำคือ 1.สนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจคัดกรองเชิงรุกให้เร็วขึ้น แยกคน แยกโรค 2.เร่งจัดหาวัคซีนคุณภาพ mRNA มาฉีดให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าและประชาชน 3.เร่งสำรองยาฟาวิพิราเวียร์ให้เพียงพอ 4.การเยียวยาต้องถ้วนหน้า เข้าถึงง่าย อาการหนักของรัฐบาลคือไม่รู้สภาพตัวเองว่าป่วยหนัก นายกฯแทนที่จะเพิ่มไอคิวดันไปเพิ่มไอโอ ปั่นไอโอสู้กันระหว่างทหารกับพรรคร่วมรัฐบาล วันนี้มีรัฐบาลก็เหมือนมีรัฐบาลทิพย์ ไม่สามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนได้

“พิชัย” จี้หาคนทุจริตซื้อวัคซีน

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า วันนี้เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์เดินต่อไปไม่ได้ ทำอะไรก็ผิด ยิ่งทำยิ่งเละ เพราะขาดหลักคิดและไม่เปิดใจรับฟัง ไม่เหลือเครดิตความน่าเชื่อถือแล้ว อยากให้หยุดดื้อรั้นและเลิกอคติ เอาประเทศและประชาชนให้รอดก่อน โดยมีข้อเสนอดังนี้ ติดต่อจัดหาวัคซีน mRNA ให้เข้ามามากที่สุดและเร็วที่สุด กระจายการฉีดวัคซีนตามบ้านแบบที่สหรัฐฯทำ เร่งสั่งจองวัคซีน Novavax ล่วงหน้าในปริมาณที่เพียงพอ กำหนดการกระจายฉีดวัคซีนคุณภาพให้ประชาชนได้ครบแล้ว จึงกำหนดวันเปิดประเทศที่แน่นอน เปิดโรงพยาบาลสนามในค่ายทหาร สอบสวนหาผู้ทุจริตในการจัดซื้อวัคซีน ต้องเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างทั่วถึง เดือนละ 5,000 บาท จนกว่าจะคุมไวรัสได้ ออกมาตรการเยียวยาภาคธุรกิจ ตัดงบประมาณที่ไม่จำเป็นของทุกกระทรวง โดยเฉพาะงบฯซื้ออาวุธ นำมาช่วยประชาชนก่อน

บี้เปิดชื่อคนสั่งไม่ให้ร่วมโคแวกซ์

น.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้ ศบค. เปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการที่มีอำนาจตัดสินใจไม่เข้าร่วมโครงการ COVAX รัฐบาลต้องออกมายอมรับความผิดที่ก่อไว้ หยุดปัดความรับผิดชอบ ต้องเร่งแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า และทำทุกวิถีทางลดความสูญเสียให้ได้ โดยเร่งจัดตั้งศูนย์พักคอยเพิ่มเติมสำหรับประชาชนที่ไม่สามารถกักตัวที่บ้าน โดยอาจพิจารณาพื้นที่ค่ายทหาร ลดขั้นตอนการเบิกยาฟาวิพิราเวียร์ และจัดส่งยาฟ้าทะลายโจรให้ประชาชนที่กักตัวตามบ้าน เพื่อให้การกักตัวที่บ้าน (Home isolation) ทำได้ง่ายขึ้น เร่งนำวัคซีน mRNA หรือวัคซีนที่ถูกพัฒนาให้ทันกับการกลายพันธุ์เข้ามาเร่งด่วน

ทสท.วัดใจ “ตู่” คุมราคาวัคซีน

นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า วัคซีนถือเป็นผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม ประเภท 30.02 ตาม พ.ร.ก.พิกัดอัตราศุลกากรฉบับที่ 6 การนำเข้าวัคซีนป้องกันโควิด จึงได้รับการยกเว้นไม่เสียอากร แต่คนไทยที่จองวัคซีนทางเลือกชนิด mRNA เช่น โมเดอร์นา กับโรงพยาบาลเอกชน รวม 2 เข็มเป็นเงิน 3,400 บาท ขณะที่โรงพยาบาลเอกชนจองซื้อวัคซีนจากองค์การเภสัชกรรมผู้นำเข้า ราคาโดสละ 1,100 บาท หรือ 2 เข็ม เป็นเงิน 2,200 บาท ได้กำไร 1,200 บาท หรือเกือบร้อยละ 60 ทั้งนี้ ตาม พ.ร.บ.สินค้าและบริการให้อำนาจคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่มี รมว.พาณิชย์ เป็นประธาน มีอำนาจกำหนดราคาซื้อหรือราคาจำหน่าย ป้องกันราคาที่ไม่เป็นธรรม แต่คณะกรรมการจัดหาวัคซีนทางเลือกที่นายกฯตั้งมา มีตัวแทนโรงพยาบาลเอกชนร่วมเป็นกรรมการเกือบ 10 คน ประชาชนจะหวังพึ่งพาคงไม่มีทาง เหลือที่พึ่งคืออำนาจ กกร. แต่อำนาจดังกล่าวถูกนายกฯรวบไปแล้ว ต้องวัดใจนายกฯจะใช้อำนาจรักษาประโยชน์ใคร ระหว่างโรงพยาบาลเอกชนกับประชาชน

“ป้อม” สั่ง ส.ส.ช่วยประชาชน

ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า มอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ และ ผอ.ศูนย์ประสานงานสถานการณ์ฉุกเฉินสถานการณ์โควิด (ศปฉ.พปชร.) นำ ส.ส.เร่งช่วยเหลือประชาชน 13 จังหวัดในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด รวมทั้งประสานส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษา ตั้งแต่เดือน เม.ย. จนถึงปัจจุบันช่วยเหลือแล้วกว่า 1,000 ราย พร้อมส่งมอบถุงยังชีพ ข้าวกล่องไปทั่วประเทศต่อเนื่อง ขณะนี้ยังมีผู้ประกอบการร้านค้า และภาคเอกชนจำนวนมากติดต่อผ่านศูนย์ ศปฉ.พปชร.พร้อมให้ความช่วยเหลือ

แซะร้านสะดวกซื้อไม่ร่วมทุกข์

นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง “ใช้ร้านสะดวกซื้อ เป็นคลังอาหารให้ชุมชน” ว่าตนลงพื้นที่ชุมชนย่านห้วยขวาง น่าตกใจ เช่น ชุมชนโรงปูน ยังมีผู้ป่วยรอเตียงถึง 58 คน ยังไม่รวมกลุ่มเสี่ยงสูงต้องกักตัวหลายร้อยคนที่รอความช่วยเหลือตามยถากรรม รับปัญหา 2 เด้ง ทั้งหายารักษา หาข้าวกินประทังชีวิตต้องดิ้นรนออกนอกบ้าน ในที่สุดแพร่เชื้อไปเป็นเท่าทวีคูณ ขอให้รัฐบาลเร่งเจรจากับร้านสะดวกซื้อที่มีสาขากระจายอยู่ทุกที่ ปรับเป็นคลังอาหารของชาวชุมชน นำอาหารขายให้รัฐในราคาย่อมเยา ในอดีตเราซื้อของร้านโชห่วยข้างบ้านยามทุกข์สุขเจ้าของร้านยังไปร่วมดูใจช่วยเหลือเพราะถือเป็นเพื่อนบ้าน ร้านสะดวกซื้อไม่เคยเอาเงินใส่ซองคืนกลับให้เรา ไม่ว่างานแต่งงานบวช ขอให้ช่วยเหลือประชาชนยุคโควิด-19 ด้วยจะได้ไหม เมื่อถึงวันที่ประชาชนแข็งแรง ท้องหิวเมื่อไหร่จะได้แวะไปได้

นายกฯขอทุกคนอย่าหยุดทำดี

วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานเปิดโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงานต้นแบบ (Battery Pilot Plant) ในรูปแบบเสมือนจริงผ่านโปรแกรมซูม ไปยังโรงงานผลิตหน่วยกักเก็บพลังงาน นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง นายกฯกล่าวว่า โลกให้ความสำคัญและตั้งเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็น 0 ในปี 2050 การเปิดโรงงานแบตเตอรี่ที่ทันสมัยแห่งแรกนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เป็นศูนย์กลางการลงทุนยานยนต์ไฟฟ้าของอาเซียน และฐานการผลิตที่สำคัญของโลก รัฐบาล ภาครัฐและเอกชน ต้องไม่หยุดยั้งทำสิ่งดีๆให้เกิดขึ้น ต้องขอฝากทุกคนที่จะไม่หยุดยั้งคิดอะไรก็ตามที่เป็นประโยชน์กับประเทศและคนไทย

จ่อถลก รมต.เป็นรายบุคคล

วันเดียวกัน มีการประชุมแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เตรียมความพร้อมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ที่ประชุมพิจารณาเห็นว่าจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล พร้อมยื่นช่วงเดือน ส.ค. เพื่อให้ทันการอภิปรายช่วงปลายเดือน ส.ค.หรือต้นเดือน ก.ย. ก่อนปิดสมัยประชุม จะเน้นเรื่องความผิดพลาด ล้มเหลว ไร้ความสามารถ ไร้ศักยภาพ ส่อไปทางทุจริตคอร์รัปชันบนชีวิตประชาชน มุ่งเป้าไปที่นายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ที่ทำให้เกิดความสูญเสียชีวิตประชาชน ครั้งนี้จะเป็นการอภิปรายร่วมกันระหว่างประชาชน ข้าราชการ พรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อหยุดยั้งความล้มเหลว อันจะนำมาสู่ความล่มสลายของประเทศ ขอเชิญชวนให้ร่วมกันส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาที่พรรคฝ่ายค้าน

“วัชระ” ร้อง ป.ป.ช.สอบ กกต.

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.ประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช.ขอให้สอบสวนการกระทำผิดกฎหมาย และจริยธรรมร้ายแรงของนายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนส่งหลักฐานภาพถ่ายจำนวนมาก พบเบิกจ่ายเบี้ยประชุมซ้ำซ้อนกับการเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงในวันเดินทางหลายรายการ เบิกจ่ายทุกอาทิตย์ไม่เว้นวันหยุดราชการ และเบิกค่าเดินทางครบ 77 จังหวัด นายวัชระกล่าวด้วยว่า ยังมีหลักฐานที่นายสันทัดเบียดบังเวลาราชการไปตีกอล์ฟที่เขาใหญ่ เมื่อวันที่ 28 ก.พ.63 ใช้รถราชการ ในภารกิจส่วนตัวหลายครั้ง ยังพบจัดเลี้ยงวันเกิดเมื่อวันที่ 4 ม.ค.64 ในสำนักงาน กกต.ในช่วงโควิด-19 ระบาดด้วย

บช.น.สลายชุมนุมรวบได้ 16 ราย

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. กล่าวว่า การสลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมกลุ่มราษฎรเมื่อวันที่ 18 ก.ค. สามารถจับกุมผู้กระทำผิดทั้งหมด 16 คน เป็นการ์ด 14 คน อีก 2 คน เป็นผู้จุดเพลิงเผาหุ่นฟางยิงใส่เจ้าหน้าที่ มีตำรวจบาดเจ็บ 8 นาย ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาล 6 นาย คาดว่ากระดูกข้อเท้าแตก อีก 2 นายรักษาตัวต่อที่บ้าน ส่วนผู้ชุมนุมได้รับบาดเจ็บกี่รายนั้นยังไม่ได้รับรายงาน

ศปปส.ยื่นถอนประกัน 3 แกนนำ

ที่ศาลอาญา กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) โดยนายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนศปปส. ยื่นคำร้องต่อนายสิทธิโชติ อินทรวิเศษ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา พิจารณาพฤติกรรมกลุ่มผู้ต้องหาตามมาตรา 112 ดังนี้ 1.นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน 2.นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือไบรท์ และ 3.นายอานนท์ นำภา เข้าข่ายผิดเงื่อนไขการประกันตัวหรือไม่ เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนการประกันตัว นายจักรพงศ์กล่าวว่า นำหลักฐานพฤติกรรมของผู้ต้องหามาตรา 112 ที่เข้าร่วมชุมนุมคาร์ม็อบ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. รวมทั้งนำมวลชนไปชุมนุมที่หน้ากระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 16 ก.ค. และโพสต์เฟซบุ๊กยุยงปลุกปั่น เพื่อขอให้ศาลพิจารณาการกระทำผิด

ม็อบอาชีวะปัดข้อหาทุบตำรวจ

ที่ สภ.เมืองนนทบุรี พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จ.นนทบุรี ร่วมสอบปากคำนายธนเดช หรือม่อน ศรีสงคราม แกนนำกลุ่มอาชีวะเพื่อประชาธิปไตย นายดนตรี มีเท่า และนายวีระภาพ วงษ์สมาน ผู้ร่วมชุมนุมที่ทนายความพาเข้ามอบตัว ผู้ต้องหากรณีชุมนุมหน้ากระทรวงสาธารณสุข อ.เมืองนนทบุรี เมื่อวันที่ 16 ก.ค. เพื่อทวงถามความคืบหน้าให้นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข จัดหาวัคซีนทางเลือก mRNA ฉีดให้ประชาชน จนเกิดการปะทะทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ

พล.ต.ท.อำพลกล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจได้รับบาดเจ็บ 4 นาย สาหัส 1 นาย คือ ด.ต.สิทธิชัย ทรัพย์สมบูรณ์ ผบ.หมู่ กก.สส.ภ.จ.นนทบุรี ถูกอิฐตัวหนอนทุบตีศีรษะ สมองกระทบกระเทือน ซี่โครงหัก ทนายความได้พาผู้ต้องหาเข้ามอบตัว สอบสวนทั้งหมดให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ฝากขังผู้ต้องหา ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับศาลจังหวัดนนทบุรี

ศาลให้ประกันตัวคนละ 1.2 แสน

กระทั่งเวลา 18.00 น. ศาลจังหวัดนนทบุรีอนุญาตให้ประกันตัวทั้ง 3 คน โดยใช้หลักทรัพย์เป็นเงินสดคนละ 120,000 บาท นายธนเดช ศรีสงคราม กล่าวว่า ขอบคุณศาลที่ให้ความเมตตา แต่ยืนยันว่าหลังจากนี้กลุ่มอาชีวะเพื่อประชาธิปไตยยังไปร่วมชุมนุมต่อ แต่จะไม่ให้เกิดความรุนแรงเช่นนี้อีก โดยที่ด้านหน้า สภ.เมืองนนทบุรี มีกลุ่มมวลชนอาชีวะฯได้มารอให้กำลังใจ หลังได้รับการปล่อยตัว ก่อนทั้งหมด จะเดินทางกลับ

เยาวชนปลดแอกแถลงโต้ ตร.

ขณะที่เฟซบุ๊กเพจกลุ่มเยาวชนปลดแอก หรือ Free YOUTH ผู้นำในการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค. ออกแถลงการณ์ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ระบุว่า ตั้งแต่เริ่มการชุมนุมจนถึงช่วงยุติการชุมนุม ทีมความปลอดภัยทะลวงฝ่าแนวกั้นอย่างมุ่งมั่น แต่รัฐกลับระดมยิงด้วยห่ากระสุนยางและแก๊สน้ำตา เป็นการสลายการชุมนุมที่ผิดมาตรฐานสากล มีการใช้กระสุนยางเล็งมาที่จุดสำคัญอาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต รวมถึงยิงไปยังผู้สื่อข่าวซึ่งติดปลอกแขนสื่อ ความรุนแรงล้วนเริ่มจากรัฐ รวมทั้งมีการจับกุมผู้ร่วมชุมนุมจำนวนมาก ในจำนวนนั้นมีเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีรวมอยู่ด้วย ที่ประชาชนเรียกร้องคือวัคซีนไม่ใช่กระสุนยางและแก๊สน้ำตา รัฐเผด็จการต้องรับผิดชอบ ประชาชนไม่รับคำขอโทษ แต่จงรับข้อเรียกร้องจากประชาชนเท่านั้น