12ก.ค.64 “ล็อกดาวน์” ต่ออายุ...ด้วยตัวเลขวันละจำนวนมากอย่างนี้เฉลี่ยผู้ติดเชื้อริมๆหมื่นและเสียชีวิตจ่อ 100 คน มันคืออาการที่บอกว่าไม่น่าไว้วางใจแล้ว รัฐบาลโดย ศบค.คงได้ข้อมูลจากทีมแพทย์ที่เกาะติดสถานการณ์มาอย่างต่อเนื่อง จึงต้อง “ดับเหตุ” ด้วยการประกาศใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้น 10 จังหวัด 14 วัน
คือ “เงื่อนเวลา” ที่เป็นเดิมพันสำคัญ
จากวันนี้ไปสามารถตรวจสอบได้จากตัวเลขผู้ติดเชื้อ และเสียชีวิตในแต่ละวัน ซึ่งจะเป็นคำตอบว่าเอาอยู่หรือไม่
หากตัวเลขเริ่มมีแนวโน้มลดลงอย่างมีนัยสำคัญก็แสดงว่าการแก้ไขปัญหามาถูกทางและมีประสิทธิภาพในเชิงปฏิบัติ
ไปอีกสักระยะก็จะรู้ผลว่า “ดีขึ้น” หรือ “ทรุดหนัก”
ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นก็เตรียมพร้อมที่จะเดินหน้ากันต่อไปทั้งระบบ เพราะสามารถจะจัดการต้นตอของมันได้
อะไรที่จ่อๆอยู่หรือเตรียมการอยู่ก็เดินเครื่องต่อไปได้ทันที
ที่ว่าอย่างนี้ก็เพราะหลังจากเดือน ก.ค.ไปแล้ว “วัคซีน” ที่มีปัญหาอยู่จะคลี่คลายไปในทางที่ดี ปริมาณน่าจะเพียงพอ
ที่สำคัญก็มีหลากหลายยี่ห้อจนไม่ต้องมานั่งทะเลาะกันอย่างเวลานี้
ยิ่งมีการสั่งไฟเซอร์ 20 ล้านโดส โดยรัฐบาลและโมเดอร์นาอีก 5 ล้านโดส โดยภาคเอกชน ซึ่งเป็นวัคซีนที่ได้รับความนิยมมากกว่าตัวอื่นๆ
120 วันเปิดประเทศก็อยู่ในช่วงเวลานี้พอดี
หากไม่มีอะไรผิดพลาดด้วยการประคับประคองในสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ให้ราบรื่นไปได้ เพราะภูเก็ตนั้นได้แยกส่วนอย่างชัดเจนอยู่แล้ว
อย่าไปทำให้ผึ้งมันแตกรัง...ก็แล้วกัน
มันก็ต้องสู้กันไปตามสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้น
...
ผมว่าประชาชนคนไทยทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมไปด้วยกัน มิฉะนั้นไม่มีทางสำเร็จ แน่นอนว่าด้วยมาตรการเข้มข้นนี้
ผลกกระทบย่อมเกิดขึ้นต่อประชาชนส่วนใหญ่
แต่ได้มีการสั่งการให้สภาพัฒน์ ไปคิดแผนเพื่อเยียวยาผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่งคงต้องใช้เงินมากพอสมควร
เพราะมันไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่มันหลายรอบแล้ว
แรงกดดันจากเรื่องนี้มันขยายวงกว้างมากขึ้นเป็นลำดับ ดังนั้น ต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุดผ่านช่องทางที่สะดวกที่สุด
เพราะมันพร้อมที่จะแปรเป็นประเด็น “การเมือง” อยู่ทุกขณะ
แน่นอนว่าสถานภาพของรัฐบาล ณ เวลานี้ถือว่า “ทรุดต่ำ” ลงมากที่สุด มีอำนาจก็เหมือนไม่มีอำนาจ
แทบไม่มีใครยำเกรง...พร้อมจะถูกด่าได้ทุกเรื่อง ถ้าโควิด-19 ไม่ถูกจัดการให้เรียบร้อยในเวลาอีกไม่นานนี้
มีหวังเดือดร้อนกันไปทั้งประเทศแน่
ไม่มีใครยอมใครอีกแล้ว...
“สายล่อฟ้า”
