ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้เป็นไปตาม ที่มีการคาดการณ์ถึงสถานการณ์โควิด-19 สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) ที่กำลังระบาด “แรง-เร็ว” นั่นคืออานุภาพ
ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงขึ้นเป็นวันละราวหมื่นคนก็ไม่ต้องแปลกใจแล้ว ที่จะต้องตัดสินใจอย่างใดอย่างหนึ่ง
ศบค.ที่มีนายกฯเป็นกัปตันใหญ่จึงต้องพิจารณาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวตามข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุข
“ล็อกดาวน์” คือมาตรการที่เข้มข้นแม้ไม่อยากใช้คำนี้ก็ตาม
พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 10 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร สงขลา นราธิวาส ปัตตานีและยะลา
14 วัน ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ค.64 เป็นต้นไป
แต่จะเริ่มมาตรการควบคุมตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.64
21.00 -04.00 น. ห้ามออกนอกบ้าน รวมทั้งร้านสะดวกซื้อต้องปิดในเวลานี้เช่นกัน
ห้างสรรพสินค้าเปิดได้เฉพาะร้านอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการอุปโภคบริโภค เช่น ซุปเปอร์มาร์เกต ร้านอาหาร ร้าน เครื่องมือสื่อสาร ร้านขายยาและเวชภัณฑ์
ว่าไปแล้วมาตรการที่ออกมาก็ไม่ต่างไปจากการ “ล็อกดาวน์” เมื่อเดือน เม.ย.63 เพียงแต่ไม่รวมทั้งประเทศ
คนไทยได้ผ่านมาตรการเข้มอย่างนี้มาแล้ว คงไม่มีปัญหา
เพียงแต่มีคำถามว่า “เจ็บแต่จบ” หรือไม่?
การประกาศล็อกดาวน์นั้น แม้จะมีแรงต้านอยู่บ้าง แต่เมื่อพิจารณาด้วยเหตุผล และความเป็นไปมิอาจปฏิเสธได้
แม้แต่ฝ่ายค้านหรือกลุ่มที่ออกมาต่อต้านก็ต้องยอมรับ
การเมืองในช่วงนี้น่าจะเบาลงไปตามสภาพ เพราะอาการซีเรียสจะเกิดขึ้นกับคนทั้งประเทศไม่ได้สนใจอย่างอื่น
...
อยู่ที่ว่ามาตรการคุมเข้มนี้จะได้ผลแค่ไหน?
“ล็อกดาวน์ซื้อเวลา” เป็นคำถามที่สะท้อนความรู้สึกถึงรัฐบาลว่า จะทำได้หรือไม่ เพราะเป็นอีกเฮือกหนึ่งที่เข้ามาต่ออายุ
และเป็นประเด็นการเมืองอย่างแยกไม่ออก
ก่อนหน้านี้ปัญหาโควิด-19 นั้น จะแยกส่วนกับการเมือง เพราะฝ่ายค้านก็ไม่กล้าทะลุทะลวง เนื่องจากเป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่รู้อะไรเป็นอะไร
จนกระทั่งมีพัฒนาการจากการเรียนรู้ว่า อะไรเป็นอะไรจนสามารถที่จะนำมาเป็นประเด็นทางการเมืองได้
สำคัญยิ่งก็คือ ความเดือดร้อนของประชาชน
ที่ได้รับได้เจอกันถ้วนหน้าไม่ว่าระดับไหนก็ตาม
ช่วงระยะเวลานี้รัฐบาลจึงต้องใช้ความสามารถในการบริหารจัดการเพื่อหยุดโควิด-19 ให้ได้ แม้จะหนักหนาแค่ไหนก็ตาม
เพราะมันเป็น “เดิมพัน” สำคัญเพื่อความอยู่รอด
ขนาดว่า ต้องงดรับเงินเดือน 3 เดือน ของบรรดานายกฯ และรัฐมนตรีในรัฐบาล เพื่อสร้างความรู้สึกที่ดีแก่ประชาชน
แต่ดูจากการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ที่ระดมผู้เชี่ยวชาญทุกด้านหารืออย่างเคร่งเครียดก็เพื่อให้มาตรการที่ออกมานั้น ครอบคลุมทุกด้าน
เพราะพลาดไม่ได้แม้แต่เรื่องเดียว
กำลังเดินอยู่บนเส้นลวดที่เสี่ยงเอาการอยู่!!!
“ลิขิต จงสกุล”
