ตามคาดการณ์ “ล็อกดาวน์” อีกรอบ ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตคงพอจะบอกได้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศกำลังเคลื่อนไปสู่วังวนแห่งความเลวร้าย

อย่างที่ทางการแพทย์คาดการณ์ว่าหากปล่อยเอาไว้อย่างนี้ มีหวังตัวเลขจะขยับเพดานขึ้นไปเป็นวันละหมื่นอย่างแน่นอน

รัฐบาลโดย ศบค.ไม่มีทางเลือกอย่างอื่นนอกจากจะต้องเพิ่มมาตรการควบคุมที่เข้มงวดขึ้น นั่นก็คือประกาศ “ล็อกดาวน์”

เบื้องต้นที่กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดเอาไว้คือกรุงเทพฯ ปริมณฑลและกลุ่มจังหวัดเสี่ยงจำนวน 14 วัน

เป้าหมายก็คือการยกระดับมาตรการควบคุมทางสังคมโดยจำกัดการเดินทาง ต้องการให้ทุกคนอยู่บ้านไม่ออกจากเคหสถานโดยไม่จำเป็น

เว้นซื้ออาหาร พบแพทย์และฉีดวัคซีน รวมทั้งการเดินทางข้ามจังหวัดและให้ปิดสถานที่เสี่ยง ซึ่งมีการรวมกลุ่มหรือดำเนินกิจกรรมไม่จำเป็น

เว้นตลาด ซุปเปอร์มาร์เกตที่จะเปิดให้บริการตามปกติ

“หลักการ” ก็คือจำกัดการเดินทางและปิดพื้นที่เสี่ยงสีแดง เคยพิสูจน์แล้วว่าใช้ระบบกันชนในการควบคุมได้ผลดี การเดินทางข้ามจังหวัดจะทำได้ยากและมีกันชนเพิ่มขึ้นอีก

ไม่ว่าจะมองมุมไหนในภาวการณ์อย่างนี้ ทุกฝ่ายคงต้องเห็นพ้องกันที่จะต้องประกาศ “ล็อกดาวน์” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

เพียงแต่จะเข้มข้นแค่ไหนเท่านั้น...

ย้อนกลับไปเมื่อเดือน เม.ย.63 คนไทยก็เจอ “ล็อกดาวน์” มาแล้ว ก็คงไม่ต่างกัน และส่วนใหญ่ก็ปฏิบัติตามทำให้เห็นผลชัดเจน

ครั้งนี้ก็หวังว่าทุกคนจะต้องช่วยกันเพื่อหยุดโควิด-19 ให้ได้

ที่สำคัญก็คือการแพร่ระบาดรอบนี้คือ “เดลตา” จากอินเดียที่กลายพันธุ์มานั้น “แรงและเร็ว” พิษสงมากกว่าจากอังกฤษหลายเท่า

...

พูดง่ายๆรุนแรงมากกว่าเยอะ

ยิ่งไปกว่านั้น ปัญหาโควิด-19 ในแต่ละห้วงนั้น มีความแตกต่างกัน ไวรัสก็แรง สภาพสังคมก็เปลี่ยนไปมาก

ความไม่พอใจรัฐบาลก็หนักตามมาด้วย

ว่ากันตรงไปตรงมารัฐบาลทำอะไรก็ไม่ดีไม่ถูกต้องไม่ถูกใจ ดังนั้น มาตรการที่จะออกมานั้นย่อมส่งผลกระทบต่อผู้คนเป็นวงกว้าง

หลายเรื่องจะต้องถูก “อารยะขัดขืน” อย่างเลี่ยงไม่ได้

จึงต้องรอบคอบรัดกุมฟังเสียงติติงแนะนำให้รอบด้าน มิฉะนั้นจะไม่ได้รับความร่วมมือ ทำให้ความเข้มงวดใช้ไม่ได้ผล

“เจ็บแต่จบ”...ถ้ามันเป็นอย่างนั้นได้ก็ดี

แต่กลัวว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น เพราะปัญหาอย่างวัคซีนก็เห็นสภาพอยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งไม่ใช่แก้ง่ายๆ

ยิ่งมาเจอ “เงื่อนไข” ที่ตลาดเป็นของผู้ขายจึงต้องยอมรับสภาพไม่สามารถทำให้ได้ดั่งใจ อีกหลายเดือนจึงจะมีของในมือ

“วัคซีน” วันนี้กลายเป็นเรื่องการเมืองเต็มตัวไปแล้ว

“บิ๊กตู่” จะเอาตัวรอดได้หรือไม่...คงได้ชมกันเร็วๆนี้.

“สายล่อฟ้า”