• 30 ปี มีแค่ 1ครั้ง ย้ำเตือนการเมืองไทยอาจแรงตามดวงดาวที่เคลื่อนไหว คล้ายกับช่วงพฤษภาทมิฬ ปี 35
  • เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก ย้อนรอยผ่าน 29 ปี เพราะสาเหตุใด ทำให้ต้องเกิดพฤษภาทมิฬ ปี 2535
  • ต้องจับตา จากนี้การเมืองไทยจะแรง  หลังเมื่อวานม็อบ REDEM กลับมาเคลื่อนไหว สอดรับเหมือนที่โหรใหญ่ทำนายหรือไม่?



แล้วเมื่อวานนี้ (2 พ.ค.) หลังกลุ่มรีสตาร์ตเดโมเครซี่ หรือ กลุ่มรีเด็ม (REDEM) จัดกิจกรรมคาราวานรถยนต์จากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิไปยังศาลอาญา ถ.รัชดาเษก ร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัว นายพริษฐ์ ชิวารักษ์, น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล, นายพรหมศร วีระธรรมจารี 3 แกนนำกลุ่มราษฎร และสมาชิกแนวร่วมกลุ่มราษฎร ที่ถูกดำเนินคดีในความผิด ม.112 ทั้งหมด พร้อมกับเรียกร้องให้มีการยกเลิกกฎหมายอาญา ม.112

เค้าลางการเมืองอาจวุ่นวายที่อาจเป็นไปตามโหรใหญ่เคยทำนายก็เกิดขึ้น เมื่อผู้ชุมนุมบางส่วนไม่ยอมยุติการชุมนุมจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องตัดสินใจเข้าสลายชุมนุมที่บริเวณซอยรัชดาภิเษก 32 

...

ขณะที่จากนี้ไป เหลือเวลาอีกไม่กี่วัน ก็มาถึง 17 พ.ค.2564 ผ่านมาครบ 29 ปีเต็ม เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 ที่เลือดเนื้อพี่น้องคนไทยที่สูญเสียไป ต้องมาเสียเปล่า หากยังจำกันได้ ย้อนเวลากลับไป มูลเหตุการประท้วงใหญ่ในครั้งนั้นมาจากมีการร่างรัฐธรรมนูญของคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) ที่กำหนดให้ใครก็ได้สามารถเป็นนายกฯได้ (นายกฯคนนอก) ไม่จำเป็นต้องมาจากตัวแทนที่ประชาชนเลือกมา

ย้อนรอย ชนวนเหตุ เกิด "พฤษภาทมิฬ 35"

ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 29 ปีก่อน ครั้งนั้นพรรคสามัคคีธรรมได้เป็นพรรคที่มีคะแนนเสียงมากที่สุด แต่สุดท้ายต้องเสนอชื่อพลเอกสุจินดาขึ้นมาเป็นนายกฯ มีการล้อมปราบจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก เพราะว่าผู้ชุมนุมต้องการแก้รัฐธรรมนูญเรื่อง "นายกฯต้องมาจาก ส.ส. มาจากเสียงของปวงชนชาวไทย ไม่เอานายกฯที่มาจากเผด็จการ"

การเสนอชื่อ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเกิดความไม่พอใจของประชาชนในวงกว้าง เพราะ พล.อ.สุจินดา เคยประกาศว่า จะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ จึงไม่ตรงกับที่เคยพูด และเป็นหนึ่งในชนวนให้ฝ่ายที่คัดค้านรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทำการเคลื่อนไหวอีก เพราะก่อนหน้านี้มีการทักท้วงโต้แย้งว่า รธน.ที่ร่างขึ้นมาใหม่ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย นำไปสู่การเคลื่อนไหวคัดค้านต่างๆ ของประชาชน รวมถึงการอดอาหารของ ร.ต.ฉลาด วรฉัตร และ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง (หัวหน้าพรรคพลังธรรมในขณะนั้น) เรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกจากตำแหน่ง และเสนอว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องมาจากการเลือกตั้ง

หลังการชุมนุมยืดเยื้อตั้งแต่เดือนเม.ย. เมื่อเข้าเดือนพ.ค.2535 รัฐบาลเริ่มระดมทหารเข้ามารักษาการณ์ในกรุงเทพมหานคร และเริ่มมีการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร บริเวณถนนราชดำเนินกลาง ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ ในคืนวันที่ 17 พ.ค. นักศึกษาและประชาชนราว 5 แสนคน ร่วมชุมนุมที่สนามหลวง เพื่อเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออก เวลา 21.00 น. เริ่มเคลื่อนขบวนไปทำเนียบรัฐบาล แต่ถูกตำรวจและทหารสกัดกั้นไว้ที่เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ จากนั้นได้เกิดความโกลาหล ผู้ชุมนุมตอบโต้กันด้วยการขว้างปาสิ่งของใส่ เจ้าหน้าที่จึงตอบโต้ด้วยการทุบตีทำร้ายประชาชน

เวลา 00.30 น. ของวันที่ 18 พ.ค. รัฐบาลจึงประกาศภาวะฉุกเฉิน หลังจากนั้นมีกลุ่มชายหัวเกรียนสวมเสื้อเกราะในราชการสงคราม บุกเข้าทำลายและเผา สน.นางเลิ้ง โดยรัฐบาลระบุว่าเป็นฝีมือของนักศึกษารามคำแหงและธรรมศาสตร์ รัฐบาลจึงตัดสินใจใช้แผนไพรีพินาศขั้นที่ 3 คือปราบปรามขั้นเด็ดขาด

เวลา 15.00 น. ทหารและตำรวจกว่า 6,000 นาย พร้อมรถถังและรถหุ้มเกราะ เข้าสลายการชุมนุมที่สะพานผ่านฟ้าฯ โดยเรียงหน้าระดมยิงผู้ชุมนุมไล่ไปจนถึงกรมประชาสัมพันธ์และโรงแรมรัตนโกสินทร์ เป็นเหตุให้มีนักศึกษาและประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตหลายร้อยคน สูญหายและบาดเจ็บอีกจำนวนมาก


เช้าวันที่ 19 พ.ค. ภาพดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ไปทั่วโลก ผู้รอดชีวิตบางส่วนจึงย้ายไปชุมนุมต่อที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง วันที่ 20 พ.ค.ช่วงค่ำ กระทรวงมหาดไทยได้ประกาศเคอร์ฟิว ห้ามประชาชนออกจากบ้านในเวลา 21.00-04.00 น. แต่กลุ่มผู้ชุมนุมในมหาวิทยาลัยรามคำแหงยังคงปักหลักและเพิ่มจำนวนขึ้นจำนวนมาก  

ภาพในความทรงจำของคนไทยและคนทั่วโลก เหตุวุ่นวาย ยุติได้ด้วยพระบารมี "ร.9"

เวลา 23.30 น. วันที่ 20 พ.ค. โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) แพร่ภาพ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นำ พล.ต.จำลอง และ พล.อ.สุจินดา เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ร.9) ท่ามกลางเสียงโห่ร้องแสดงความยินดีของประชาชนทั้งประเทศ และนั่นเป็นภาพในความทรงจำของประชาชนคนไทยในช่วงนั้น ที่บ้านเมืองไทยสงบลงได้ จากพระบารมีของในหลวง (ร.9)

วันที่ 23 พ.ค. พล.อ.สุจินดา ได้ออกพระราชกำหนดนิรโทษกรรมให้แก่ตนเอง วันต่อมาได้ประกาศลาออก จากนั้นได้ลี้ภัยไปต่างประเทศระยะหนึ่ง ก่อนจะกลับมาใช้ชีวิตในเมืองไทยตามปกติจนถึงปัจจุบัน

จากวันนั้นถึงวันนี้ วันที่ประวัติศาสตร์ทางการเมืองของประเทศไทยได้มาบรรจบครบ 29 ปี แต่การเมืองของประเทศยังคงวนเวียนอยู่ในวัฏจักรเดิมๆ อีกต่อมาในภายหลัง  ทั้ง เหตุการณ์รัฐประหาร 2549 การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.เสื้อเหลือง) การชุมนุมใหญ่ของกลุ่มแนวร่วมประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (นปช.เสื้อแดง) หรือการชุมนุมของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) และเรื่อยมาถึงเหตุการณ์รัฐประหารปี 2557 ที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในขณะนั้น 

ทั้งหมดนี้ ที่ผ่านมาทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ที่ได้เตือนไว้ให้ระวังการเมืองจะรุนแรงคล้ายเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 นั่นเพราะเป็นไปตามดวงดาวยืนยัน เจตนาที่ออกมาย้ำเตือนอีกครั้ง เพราะไม่อยากให้เกิดขึ้นตามคำทำนาย ตอนนี้เฉพาะโควิด-19 ระบาดหนัก คนไทยหลายคนก็ประสบความยากลำบาก เอาตัวแทบไม่รอดกันอยู่แล้ว หากมาเจอการเมืองรุนแรงอย่างคำทำนายเป็นคำรบ 2 อีก อาจถึงขั้นรับกันไม่ได้

ย้อนคำทำนายโหรใหญ่ รอบ 30 ปี มี 1 ครั้ง 

การเมือง ยังยืนยันในคำพยากรณ์ แต่คำพยากรณ์ใช้ดาวเสาร์ พระเสาร์อยู่ราศีมังกรถึงปี 65 เพราะงั้นเหตุการณ์อาจเกิดปี 64 ต่อไปถึงปี 65 เพราะใช้วงรอบดาวเสาร์ 30 ปี ตอนนี้ดาวเสาร์อยู่ตรงราศีมังกร กินเวลา 2 ปีครึ่ง 

เมื่อพระเสาร์อยู่ตรง "ราศีมังกร" มาอยู่ตรงนี้เกิดความสัมพันธ์กับดวงเมือง เพราะราศีมังกรเป็นภพ กัมมะของดวงเมือง ก็คือ คณะรัฐบาล ผู้บริหารราชการแผ่นดิน หรือ คนใช้อำนาจปกครองประเทศ แล้วในดวงเมืองนี้มี "พระจันทร์" อยู่ "ราศีกรกฎ" พระจันทร์อยู่ในเรือนพันธุ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับราศีมังกร "พระจันทร์" หมายถึงประชาชน จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก จิตวิทยา สังคม เมื่อพระเสาร์อยู่ราศีมังกร ก็เล็งราศีกรกฎ ก็ไปเล็งดวงจันทร์ตรงนั้นพอดี

พอศึกษาวงรอบ พอใช้ปี 2565 เป็นตัวตั้งเอา 30 ลบ ก็จะตรงกับปี 2535 ซึ่งปีนั้นเกิด "พฤษภาทมิฬ 35" เราก็เห็นเกิดวิกฤติใจกลางพระนคร เกิดจลาจล เห็นภาพ "ร.9" ให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ นำ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง กับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เข้าเฝ้าฯ แล้วก็สามารถคลี่คลายวิกฤตการณ์นั้นได้
แล้วหากย้อนกลับไปอีก ก็ยังไปเจอเหตุการณ์ทำนองเดียวกัน เอาปี 2535 ลบ 30 ก็ไปเจอปี 2505 ปีนั้นมันก็เกิด "กองทัพปลดแอก" ช่วงชิงอำนาจรัฐ สมัยจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี คนเข้าป่าจับอาวุธต่อสู้กับอำนาจรัฐ หากเอา 30 ลบไปอีก ก็ไปเจอปี 2475 ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็น ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

เตือนระวังการเมืองรุนแรง ระหว่าง 2 มิ.ย.-20 ก.ค. 2564 

ต้องดูองศาของดวงดาวใน ก.ย.นี้ บอกแต่ว่า ดาวเสาร์เล็งดาวจันทร์ "ดาวเสาร์" เป็นตัวแทนรัฐบาลผู้บริหารราชการแผ่นดิน "พระจันทร์" คือประชาชนที่มีความคิดเห็นขัดแย้งกับรัฐบาล ตอนนี้ทั้ง 2 ก็เล็งกันอยู่แล้ว แต่องศามันยังไม่สนิท ก็ต้องให้พระจันทร์ในดวงเมืองอยู่ที่ 16 องศา กับ 18 ลิปดา ส่วนพระเสาร์ตอนนี้อยู่ที่ 13 องศา 5 ลิปดา เพราะฉะนั้นอีกไม่กี่วันก็จะทับกันสนิทพอดี ต้องระวังตั้งแต่ มิ.ย. เพราะมีดาวอังคารอยู่ราศีพฤษภ เข้าเมถุน แล้วเข้ากรกฎ อังคารก็จะมาทับดวงจันทร์ ในดวงเมืองก็จะเล็งดาวเสาร์ที่อยู่ราศีมังกร ต้องระวังระหว่างวันที่ 2 มิ.ย.64 ถึง 20 ก.ค.64 ช่วงอังคารทับจันทร์ เล็งกับดาวเสาร์ ทำมุมฉากกับดาวมฤตยู ต้องดูว่าความรุนแรงเปลี่ยนแปลงมันจะเกิดอย่างไร จะเกิดคล้ายๆ ปี 2535 แต่ก็เชื่อมโยงไปถึงปี 2565 ต้องอธิบายอย่างนั้น

งานนี้แน่นอน หวังว่าการเมืองไทยจะไม่เลวร้ายเป็นไปตามคำทำนาย ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่อยากให้คำทำนายเกิดขึ้นเลยจริงๆ ก็ขออย่าให้โหรทายแม่น ยิ่งช่วงนี้ประเทศชาติและประชาชนก็บอบช้ำมากอยู่แล้ว จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่คนไทยต้องผจญมา 3 รอบ 

แต่ก็นั่นแหละ ขอใช้คำตามคำที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เคยพูดไว้ว่า  "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด" แต่หากไม่เกิดได้จะเป็นการดีที่สุด!!! 


ผู้เขียน: เดชจิวยี่ 

กราฟิก:sathit chuephanngam