“นักเรียนเลว” มาตามนัดเต็มพรึบสยาม ปล่อยลูกบอลอุกกาบาตล้างเผ่าพันธุ์ “รัฐบาลไดโนเสาร์” ผุดมาสคอต “ณัฏฐพลซอรัส” เรียกเสียงฮาตรึม สอนมวยปฏิรูปการศึกษา รมว.ศธ. ชู “เป็ดเหลือง” สัญลักษณ์ปกป้องเด็ก แอมเนสตี้ไทยร่วมป้องกันเหตุรุนแรง ภาคี นศ.ศาลายานัดรวมพลถนนอักษะแบบเบิ้มๆ ชวนเสื้อแดงรำลึกความหลัง “ภราดร” ถามหายางอาย “บิ๊กตู่” ตัวชนวนเหตุ “สุทิน” เชื่อใช้ยาแรงยิ่งเลยเถิด ก้าวไกลสงสัย “ประเทศนี้ห้ามพัฒนา” ผบ.ตร.นำ “บิ๊กคลีนนิ่งเดย์” บช.น.ลั่นเข้าข่ายผิดเอาแน่ ม.112 อ้อมแอ้มชี้นำคดีการ์ดชุดชมพู นายกฯปลื้มคนแห่ร่วมทำความสะอาด “สิระ” ขู่เรียกสอบ ตร.บางโพทำคดี อีสานเพื่อ ปชต.ประกาศดันร่างไอลอว์

หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประกาศเพิ่มระดับความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับทุกมาตรา รวมถึงมาตรา 112 หวังสกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร ที่ยกระดับการชุมนุมขึ้นตลอดเวลา แต่ล่าสุดกลุ่มนักเรียนเลวยังคงนัดชุมนุมย่านสยาม พร้อมปล่อยลูกบอลอุกกาบาตถล่มใส่รัฐบาลไดโนเสาร์

...

กลุ่ม “นักเรียนเลว” มาตามนัด

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามที่กลุ่มนักเรียนเลวนัดชุมนุมที่สี่แยกราชประสงค์ ในช่วงเวลา 13.00-21.00 น. วันที่ 21 พ.ย. ชูสโลแกน “ถ้าสภาผู้แทนราษฎรรับบทไดโนเสาร์ ไม่รับ ไม่รู้ ไม่เปลี่ยนแปลง นักเรียนอย่างเราก็จะเป็นอุกกาบาต พุ่งชนความล้าหลัง ของผู้ใหญ่ในบ้านเมือง” ปรากฏว่าในเขตพื้นที่ กทม. มีฝนตกมาอย่างหนัก ทำให้บริเวณสี่แยกราชประสงค์มีน้ำท่วมขังพื้นผิวจราจรหลายจุด แกนนำกลุ่มนักเรียนเลว จึงแจ้งผ่านเพจนักเรียนเลว ย้ายจุดการชุมนุมมาที่บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้า (บีทีเอส) สยาม ถนนพระราม 1 โดยมีแกนนำกลุ่มนักเรียนเลว และผู้ร่วมชุมนุม ทยอยมารวมกันที่ใต้บีทีเอสสยาม เตรียมพร้อมรถบรรทุกเครื่องเสียงปราศรัย และอุปกรณ์ประกอบการแสดง เป็นเชิงสัญลักษณ์การชุมนุมครั้งนี้

ขยับไปชุมนุมใต้บีทีเอสสยาม

ต่อมาเวลา 13.30 น. แกนนำกลุ่มนักเรียนเลว นำโดยนายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ และ น.ส.ธญานี เจริญกูล ที่นัดหมายเครือข่ายนักเรียนจากสถานศึกษาต่างๆ 42 องค์กร ร่วมจัดการชุมนุมปราศรัยใหญ่ “บ๊ายบายไดโนเสาร์” เพื่อสะท้อนความล้มเหลวของระบบการศึกษาไทย โดยทีมการ์ดมวลชนอาสาที่ติดปลอกแขนการ์ดปลดแอก ทยอยเข้ายึดพื้นที่ถนนพระรามที่ 1 ก่อนปิดการจราจรที่แยกเฉลิมเผ่า ทำให้พื้นที่ถนนพระราม 1 ตั้งแต่แยกปทุมวัน ถึงแยกราชประสงค์ กลายสภาพเป็นพื้นที่ชุมนุม ขณะที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังและร้านค้าในย่านสยามยังคงเปิดทำการตามปกติ เพียงแต่มีการนำแผงเหล็กมากั้นบริเวณด้านหน้า และปิดประตูเหล็กป้องกันไว้เท่านั้น

ทุ่มอุกกาบาตชน “ณัฏฐพลซอรัส”

จากนั้นนายลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ แกนนำนักเรียนเลว เคลื่อนรถขยายเสียงมาจอดปราศรัยระหว่างรอเวลาให้ทีมงานติดตั้งเวทีชั่วคราวกลางถนนพระราม 1 ระหว่างหน้าทางเข้าศูนย์การค้าสยามพารากอน และศูนย์การค้าสยามเซ็นเตอร์พอยท์ โดยมีเหล่ามวลชนเสื้อแดง นักเรียน นักศึกษา ทยอยเข้าร่วมคับคั่ง สำหรับบรรยากาศการชุมนุมคึกคักไปด้วยกิจกรรมสันทนาการคล้ายงานเฟสติวัล อาทิ การบรรเลงกลองจากวงบีฟอร์ การนำลูกบอลเป่าลม สื่อความหมายถึงลูกอุกกาบาตที่พุ่งชนทำลายรัฐบาลไดโนเสาร์ มาให้มวลชนโยนเล่น นอกจากนี้ยังมีกลุ่มนักเรียนนำป้ายอยากให้ยกเลิกใส่ชุดนักเรียนหรือไม่ มาให้ประชาชนที่ผ่านไปมาร่วมแสดงความเห็น ส่วนใหญ่ระบุว่าอยากให้เลิก ทั้งยังมีกลุ่มเยาวชนสวมชุดนักเรียน มาแสดงสัญลักษณ์ต่อต้านความรุนแรงในสถานศึกษา ท่ามกลางแกนนำสลับกันขึ้นปราศรัยโจมตี นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ที่โหวตไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกฉบับ ก่อนทำการปล่อยมาสคอตไดโนเสาร์ “ณัฏฐพลซอรัส” ออกไปเต้นเรียกเสียงฮาจากผู้ชุมนุม ทั้งมีการเชิญชวนเขียนโพสต์อิทไปแปะบนรูป รมว.ศึกษาธิการ เพื่อแนะนำนโยบายการศึกษาให้นายณัฏฐพลด้วย

“เป็ดเหลือง” สัญลักษณ์ปกป้อง

นายลภนพัฒน์ยังประกาศด้วยว่า การปราศรัยในวันนี้ร้อยละ 90 จะเป็นนักเรียนจากสถานศึกษาต่างๆ ขอให้ผู้เข้าร่วมติดตามฟัง และจะยุติชุมนุมในเวลา 21.00 น. ขณะเดียวกัน มวลชนกลุ่มนักเรียนเริ่มหลั่งไหลเข้าร่วมเต็มพื้นที่ มีการนำตุ๊กตาเป็ดเหลืองขนาดเล็ก ที่ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์การป้องกันการสลายการชุมนุมมาแจกให้ผู้เข้าร่วม เช่นเดียวกับแนวร่วมหลายกลุ่มมีการขายเป็ดเหลืองในชุดต่างๆ มีคนแห่ซื้อเป็นที่ระลึกเป็นจำนวนมาก ขณะที่กลุ่มแอมเนสตี้ไทยแลนด์ (amnesty thailand) สวมเสื้อสะท้อนแสงสีเขียว นำแถบสีคล้องข้อมือมาติดให้ผู้เข้าร่วมชุมนุม อายุต่ำกว่า 15 ปีเป็นสีส้ม อายุเกิน 15-18 ปีเป็นสีชมพู เพื่อป้องกันความรุนแรงหากมีการสลายการชุมนุม

ชายชุดชมพูโต้ลั่นไม่ใช่มือปืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าศูนย์การค้าสยามพารากอน นายอนุชา จันทร์ศรี อายุ 47 ปี มวลชนเสื้อแดง สวมชุดกันฝนสีชมพู นำเอกสารบันทึกประจำวัน สภ.คูคต จ.ปทุมธานี พร้อมภาพข่าวจากสื่อสังคมออนไลน์ และสื่อกระแสหลักมาเปิดแถลงชี้แจงว่า ถูกนำภาพขณะร่วมชุมนุมกับม็อบราษฎร เมื่อวันที่ 17 พ.ย. ไปนำเสนอว่าเป็นชายชุดชมพูที่นำปืนที่ไปยิงใส่ม็อบ ยืนยันว่าไปร่วมชุมนุมจริง แต่ไม่ได้เป็นมือปืนตามที่ถูกกล่าวหา อดีตเคยเป็นทหารจริง แต่ลาออกมานานแล้ว ปัจจุบันขายหมูสะเต๊ะ วันเกิดเหตุไปร่วมและยืนอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ จากภาพหลักฐานตนแต่งตัวคล้ายผู้ก่อเหตุ แต่สวมรองเท้าแดง ขณะที่มือปืนเป็นรองเท้าขาว ขณะนี้ได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.คูคตแล้ว ให้เวลา 3 วันผู้ที่นำภาพตนไปบิดเบือนว่าเป็นมือปืน ให้ลบข้อมูลแล้วจะไม่ดำเนินคดี

ภาคีศาลายานัดรวมพล ถ.อักษะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน น.ส.ฉัตรรพี อาจสมบูรณ์ ประธานภาคีนักศึกษาศาลา และ น.ส.ปัณฑ์สิรี จิรฐากูรณ์ เข้าแจ้งการชุมนุมต่อ ร.ต.อ.สุดสาคร สโมสร รอง สว. (สอบสวน) สน.บางพลัด ว่า จะมีการจัดการชุมนุมสาธารณะ บริเวณถนนอักษะอุทยาน (ซอยอุทยาน 33) ตั้งแต่เวลา 06.00-03.00 น. วันที่ 22 พ.ย. โดยจะมีผู้เข้าร่วมชุมนุมราว 1 หมื่นคน จากนั้นทางเครือข่ายม็อบราษฎรมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า จะมีการจัดชุมนุมที่บริเวณถนนอักษะ วันที่ 22 พ.ย. “ไม่รักนะ ไม่รักนะ ไม่รักระวังติดคุกนะ งานนี้ไม่มีหลอก! ไม่มีแกง! พบกับงานปราศรัยแบบใหม่ สไตล์งานวัดเฟสติวัล แหล่งรวมฟรีอาร์ท พร้อมเปิดพื้นที่ street แบบเต็มพิกัดให้เป็นพื้นที่ศิลปะ ตลาดขายของ และ CIA เข้าถึงเนื้อหาได้มากขึ้น เชิญพบกับไลฟ์การแสดงดนตรีแบบสดๆ กับเจ้าของเพลงฮิต “ไม่รักนะ ไม่รักนะ ไม่รักระวังติดคุกนะ” วงไฟเย็น พบกับผู้ปราศรัยมากหน้าหลายตารวมถึงงานศิลปะจากราษฎรได้ที่นี่ รับรองความสนุก ความมันส์ ตามสไตล์ราษฎรประสงค์แล้วพบกันแบบเบิ้มๆ”

ชวนเสื้อแดงมารำลึกความหลัง

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับการชุมนุมที่ถนนอักษะครั้งนี้ มีการชักชวนมวลชนคนเสื้อแดง ที่เคยร่วมการชุมนุมใหญ่กับ นปช.ครั้งสุดท้าย ที่ถนนอักษะ เมื่อปี 2557 มาเข้าร่วมก่อนถูกเจ้าหน้าที่ทหารเข้าสลายการชุมนุมในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพื่อแสดงจุดยืนครั้งใหม่ในการต่อสู้ร่วมกับนักศึกษา

“ภราดร” ถามหายางอาย “บิ๊กตู่”

พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร เลขานุการคณะกรรมการกิจการพิเศษ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงแถลงการณ์นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศจะเพิ่มความเข้มข้นในการบังคับใช้กฎหมายทุกมาตราที่มีอยู่ต่อผู้ชุมนุม ว่า มีประชาชนผู้รักความเป็นธรรมตั้งคำถามว่า ผู้นำสืบทอดอำนาจได้ประพฤติถูกทำนองคลองธรรมตามกฎหมายแล้วหรือ สถานการณ์ปะทะกันที่รัฐสภา บ่งชี้ถึงการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เท่าเทียมกัน ยกกำลังตำรวจมาเป็นโขยง แต่กลับปล่อยให้เกิดเหตุปะทะกัน อดคิดไม่ได้ว่าเป็นเล่ห์กลที่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ปะทะขึ้น ในเมื่อรัฐสภาไม่อาจเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ จึงเป็นความชอบธรรมที่ประชาชนต้องลงถนนต่อสู้เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเอง นายกฯสืบทอดอำนาจที่ประพฤติมิชอบเป็นอาจิณ แต่ประกาศจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้นกับประชาชน ไม่มีทางสัมฤทธิผล สิ่งที่พึงกระทำทันทีคือสำนึกมียางอาย แล้วแถลงการณ์ลาออกจากตำแหน่ง เพียงแค่นี้การชุมนุมประท้วงใหญ่ของกลุ่มราษฎรแบบมิรู้จบ จะสลายหายลงทันที

จี้รัฐบาลรีบปรับทัศนคติตัวเอง

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายความมั่นคง ต้องไม่สนองตอบต่อการส่งสัญญาณใช้ความรุนแรงของรัฐบาล การชุมนุมของกลุ่มนักเรียนมีกรอบเวลาชัดเจน หลายครั้งที่ผ่านมาไม่เกิดปัญหา การบังคับใช้กฎหมายที่เกินจากกรอบ ไม่เพียงแต่ในประเทศกังวลใจ แม้แต่ต่างประเทศก็กดดันให้เปิดเผยขั้นตอนการดำเนินการสลายการชุมนุม ประเทศไทยไม่ได้อยู่ประเทศเดียวในแผนที่โลก การดำเนินการที่จะทำลายภาพลักษณ์ประเทศ รัฐบาลต้องระมัดระวังให้มาก รัฐบาลต้องปรับทัศนคติตัวเอง นี่คือลูกหลานอนาคตของชาติ การบังคับใช้กฎหมายที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ ไม่มีใครได้ประโยชน์ รัฐบาลมาแล้วก็ไป แต่อนาคตของชาติต้องเติบโตมาดูแลบ้านเมือง

“สุทิน” เชื่อใช้ยาแรงยิ่งเลยเถิด

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า สิ่งที่นายกฯประกาศยกระดับการใช้กฎหมาย ไม่น่าเป็นผลดีกับสถานการณ์ประเทศขณะนี้ ควรใช้มาตรการสมควรแก่เหตุ ไม่ใช่รุนแรงเกินกว่าเหตุ อย่ามองประชาชนเป็นศัตรูถึงขั้นต้องเอาเป็นเอาตายกัน กรณีผู้ชุมนุมล่วงละเมิดสถาบันนั้น ต้องใช้หลายวิธีแก้ปัญหา การใช้มาตรการกฎหมายอย่างเดียวไม่ช่วยแก้ปัญหาได้ มีแต่ทำให้สถานการณ์ลุกลามบานปลายกว่าเดิม รัฐบาลอาจเผลอเป็นแนวร่วมมุมกลับให้ผู้ไม่หวังดีสอดแทรกเข้ามา โดยเฉพาะการจะใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาดำเนินการนั้น ต้องคิดให้ดีว่าผลที่ได้จะเป็นบวกหรือลบ มองว่าโดยภาพรวมม็อบราษฎรยังชุมนุมด้วยความสงบ ถ้าเทียบกับการชุมนุมของม็อบที่เกิดขึ้นในอดีต อาจมีบ้างเล็กน้อยที่ไปล่วงละเมิดสิทธิเสรีภาพ แต่เป็นแค่คนบางส่วนที่มีอารมณ์ร่วมในจังหวะกลอนพาไป สัปดาห์หน้าพรรคเพื่อไทยจะประชุมกัน เพื่อเสนอแนะหามาตรการที่เป็นทางออก แนะนำให้รัฐบาลแก้ปัญหาต่อไป

แนะนายกฯจับเข่าคุยม็อบ

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องปกติ แต่ต้องบังคับใช้ให้เท่าเทียมกันทุกกลุ่ม ไม่เลือกปฏิบัติเฉพาะกลุ่ม ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่ได้ผล และเชื่อว่าการยกระดับบังคับกฎหมายของนายกฯครั้งนี้ คงไม่ได้ผล เพราะผู้ชุมนุมไม่กลัวกฎหมาย ไม่กลัวรัฐบาล และไม่เชื่อมั่นการทำงานของรัฐสภาจะช่วยหาทางออกได้ ทางออกคือนายกฯควรลงมาพูดคุยกับผู้ชุมนุมด้วยตัวเอง จะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ ต้องแสดงความจริงใจให้เห็นว่าอยากแก้ปัญหา แม้ผู้ชุมนุมจะไม่อยากเจรจาก็ต้องใช้ความพยายามให้เห็นถึงความจริงใจ ส่วนที่ผู้ชุมนุมมีการทำลายทรัพย์สินราชการ หมิ่นสถาบัน ทำให้ต้องยกระดับการบังคับใช้กฎหมายนั้น ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับการทำลายทรัพย์สินราชการ แต่มองว่ากลุ่มผู้ชุมนุมแค่พ่นสีระบายความรู้สึก ไม่ได้เสียหายอะไรมาก หากเทียบกับในอดีตที่บางม็อบบุกยึดทำเนียบรัฐบาล

สงสัย “ฤาประเทศนี้ห้ามพัฒนา”

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “ฤาประเทศนี้ จะเป็นประเทศห้ามพัฒนา” ส.ว.จำนวนไม่น้อย วนเวียนกับการเอา Fake News ที่แชร์กันในวงไลน์ มาเล่าในรัฐสภา ใส่ร้ายร่างของไอลอว์หลายเรื่อง ทั้งที่สาระสำคัญของร่างดังกล่าวไม่มีการแก้ไขใดๆ ในหมวดพระมหากษัตริย์ แค่ต้องการรื้อนั่งร้านทั้งหมดในรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ทำให้ คสช.สืบทอดอำนาจเผด็จการโดยไม่เห็นหัวประชาชน ที่ผิดหวังมากคือนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ โหวตไม่รับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกฉบับ สะท้อนว่าคนที่ดูแลนโยบายการศึกษา พยายามจะตรึงประเทศนี้ให้อยู่ภายใต้เงามืดของเผด็จการ คสช. สะท้อนชัดว่าการศึกษาของไทยอาจมีแต่ความมืดมิด ล้าหลัง และไร้อนาคต ไม่แปลกใจเลยที่ถูกนักเรียนรวมตัวกันขับไล่ การตีตกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของภาคประชาชน สะท้อนได้ชัดว่า ทั้ง ส.ว. ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล องคาพยพเครือข่ายศักดินา ไม่เคยไว้วางใจประชาชน และยังคงยึดกุม กินรวบ สูบกินทรัพยากรของประเทศนี้ต่อไปอย่างไม่จบไม่สิ้น

ปลื้มคนทำความสะอาด สตช.

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯชื่นชมอาสาสมัคร ประชาชน และเจ้าหน้าที่ ที่ช่วยกันทำความสะอาดพื้นที่หลังการชุมนุมบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ทำความเสียหายแก่ทรัพย์สินทางราชการ พื้นที่สาธารณะ นายกฯหวังว่ากลุ่มผู้ชุมนุมจะใช้สิทธิเสรีภาพแสดงออกอย่างมีขอบเขตภายใต้กฎหมายและสร้างสรรค์ ที่ผ่านมามีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเข้าข่ายผิดกฎหมาย และอาจนำไปสู่ความเสียหายต่อประเทศชาติ และสถาบันอันเป็นที่รักยิ่ง ด้วยเหตุนี้รัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย รักษาบรรยากาศความรักความสามัคคีปรองดองของทุกคนในชาติ

“สิระ” ขู่เรียกสอบ ตร.บางโพ

ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ชื่นชมกลุ่มคนไทยที่ปกป้องประเทศ ออกมาทำความสะอาดพื้นที่ที่กลุ่มราษฎรชุมนุม อยากแนะนำให้เยาวชนกลุ่มราษฎรดูไว้เป็นตัวอย่าง วันนี้คงเห็นแล้วว่ายังมีคนไทยและเยาวชนจำนวนมากที่ไม่เห็นด้วย ควรออกจากโลกโซเชียลมาดูโลกความจริง ส่วนกรณีมีภาพปรากฏทางโซเชียล เป็นภาพลูกน้อง ส.ส.คนหนึ่งไปแฝงตัวอยู่ฝั่งกลุ่มคนเสื้อเหลือง จนเกิดความวุ่นวายนั้น ขอเรียกร้องให้ตำรวจ สน.บางโพ ดำเนินการตรวจสอบจับคนผิดมาดำเนินคดี หากตำรวจยังเพิกเฉยจะเชิญเข้ามาชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน ว่าจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ และฝากถึง ส.ส.หลายคนที่เตรียมใช้ตำแหน่งประกันตัวม็อบราษฎร เมื่อคิดปกป้องคนจาบจ้วงสถาบัน ก็ควรปกป้องในนามส่วนตัว ไม่ควรใช้ตำแหน่ง ส.ส.ไปหาประโยชน์ส่วนตน

อ้าง ปชช.อยากให้เคร่งครัด ก.ม.

นายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีประชาชนเสนอความเห็นผ่านไปยังกลุ่มราษฎร ถึงข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย อยากให้รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ต้องขอชื่นชมน้องๆนักเรียน เยาวชน และประชาชนที่ออกมาช่วยกันทำความสะอาด ทาสีทับข้อความที่ไม่เหมาะสมที่คณะราษฎรฉีดพ่นไว้ สิ่งที่พวกเขารับไม่ได้คือพฤติกรรมการจาบจ้วงสถาบัน

ผบ.ตร.นำ “บิ๊กคลีนนิ่งเดย์” ตร.

วันเดียวกันเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. นำคณะร่วมทำกิจกรรม “ตร. Big Cleaning Day” พร้อมให้กำลังใจตำรวจที่มาปฏิบัติหน้าที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์กล่าวว่า ให้ตำรวจมาช่วยกันมีส่วนร่วมกันคนละหน่อย ทาสีและทำความสะอาด ด้าน พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.กล่าวว่า มีกำลังพล 827 นายร่วมกิจกรรม บางส่วนมาจากชุดควบคุมฝูงชน ผบ.ตร.สั่งให้ช่วยกันดูแลบ้านหลังนี้ให้ฟื้นกลับมาโดยเร็วที่สุด สร้างความมั่นใจต่อองค์กรและประชาชน และเป็นกำลังใจต่อคนที่ปฏิบัติหน้าที่ ถือเป็นการสร้างความสามัคคีในหน่วยงาน ความเสียหายที่เกิดขึ้นมีหลายส่วน โดยเฉพาะประตูรั้วป้าย ตร. ส่วนเรื่องคดีความ สน.ปทุมวัน กำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อเร่งดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

บช.น.ลั่นเข้าข่ายเอาแน่ ม.112

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. และโฆษก บช.น. กล่าวถึงการดำเนินคดีผู้ชุมนุมเกิดการปะทะที่แยกเกียกกาย ว่า อยู่ในขั้นการสืบสวน ตอนนี้รู้ตัวแล้วกำลังจะออกหมายเรียก รวมถึงหมายจับ เมื่อถามถึงการออกหมายจับผู้ชุมนุมในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 พล.ต.ต.ปิยะตอบว่า หากกระทำผิดเข้าองค์ประกอบตามกฎหมายข้อใด พนักงานสอบสวนจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ส่วนที่มีการแชร์ข้อความระบุว่าจะมีการดำเนินคดีมาตรา 112 กับแกนนำ 9 คนนั้น เรื่องนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบว่าเข้าข่ายก็ต้องดำเนินคดี ยืนยันว่ามาตรา 112 ยังบังคับใช้ได้อยู่ เพราะเป็นสถาบันที่ทุกคนเคารพรัก ตำรวจไม่หนักใจ เป็นการปฏิบัติตามกรอบกฎหมาย ใครทำผิดต้องถูกดำเนินคดี ผบ.ตร.เน้นย้ำเสมอให้อดทนและยึดหลักกฎหมาย

อ้อมแอ้มชี้นำคดีการ์ดชุดชมพู

เมื่อถามว่าทำไมถึงยืนยันว่าชายชุดเสื้อคลุมสีชมพูเป็นสมาชิกกลุ่มการ์ดคณะราษฎร พล.ต.ต.ปิยะตอบว่า ตอนนี้กำลังสืบสวน เพราะภาพปรากฏเช่นนั้นว่าชายคนดังกล่าวอยู่ในกลุ่มการ์ดคณะราษฎร ยืนยันว่าไม่ได้ชี้นำ ขณะนี้รวบรวมเข้าสำนวนการสอบสวนแล้ว ยืนยันว่าเรามีการตรวจพิสูจน์หลักฐานตามขั้นตอน สำหรับผลการตรวจสอบน้ำที่ผสมสารเคมีฉีดใส่กลุ่มผู้ชุมนุม อุปกรณ์ที่ใช้ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี ยึดตามมาตรฐานสากล ต้องผสมตามสัดส่วน ทั้งตำรวจ นักข่าว รวมถึงผู้ชุมนุม ก็ได้รับอันตรายเท่าๆกัน

อีสานเพื่อ ปชต.หนุนร่างไอลอว์

ช่วงบ่ายที่หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เขตเทศบาลนครขอนแก่น กลุ่มเครือข่ายประชาชนอีสานเพื่อประชาธิปไตย อ่านแถลงการณ์สนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนของไอลอว์ พร้อมชูป้ายแสดงสัญลักษณ์ในข้อเรียกร้อง 3 ข้อของกลุ่มราษฎร โดยแถลงการณ์มีเนื้อหาพอสรุปว่า “6 ปีรัฐทหารเผด็จการครองเมือง 4 ปีรัฐธรรมนูญชนชั้นขูดรีด 2 ปีกับรัฐสภาทาสอสูร การทำงานอำนาจอธิปไตย 3 ฝ่ายที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าไม่สามารถถ่วงดุล และยังร่วมกันเป็นเครื่องมือของอำนาจนิยม กดขี่ประชาชน ขูดรีดทรัพยากร ประชาชนรวมตัวกันเข้าชื่อกว่าแสนชื่อ หวังใช้อำนาจที่พอจะหลงเหลืออยู่บ้างในรัฐธรรมนูญ เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยึดโยงกับประชาชน เพื่อนำพาสังคมไปสู่การแสวงหาทางออกอย่างสันติ และเข้าใจกันทุกฝ่าย แต่ไม่สามารถเป็นอย่างหวังได้ โดยรัฐสภาทาสอสูรทำลายความฝัน ความหวัง ซ้ำร้ายยังใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของเพื่อนพี่น้องประชาชน แต่ไม่มีสิ่งใดหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงที่เป็นนิรันดร์ได้ วันนี้ขบวนการเปลี่ยนแปลงสังคมก้าวหน้าไปมาก จะยังคงเดินหน้าต่อไปในทุกวัน แนวคิดสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชนได้ถูกลงหลักปักฐานในสังคมไทยแล้ว”

ประณาม ตร.สลายชุมนุมหน้าสภา

นายภานุพงศ์ ศรีธนานุวัฒน์ หรือ “ไนซ์ ดาวดิน” กล่าวว่า แถลงการณ์ในวันนี้ ต้องการยืนยันว่าเราสนับสนุนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ที่รวบรวมโดยไอลอว์ คือสิ่งที่ถูกต้อง และจะมีการลงพื้นที่รณรงค์ทำความเข้าใจผลักดันให้เกิดขึ้น โดยทางกลุ่มพวกเรามีการแจ้งการชุมนุมล่วงหน้าไว้แล้ว 365 วัน จะจัดทุกวันเสาร์ตลอดทั้งปี และจะยกระดับขึ้นเรื่อยๆ จะมีการชุมนุมร่วมกับประชาชน นักเรียน นักศึกษา การสลายการชุมนุมที่เกิดขึ้น เป็นการกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐที่เลวทรามต่ำช้ามาก ทั้งที่ชุมนุมอย่างสันติ ไม่มีอาวุธ ทางกลุ่มขอประณามการกระทำของตำรวจ เรายังยืนยันจะยกระดับการ ชุมนุมอย่างต่อเนื่อง จนกว่าจะได้รับชัยชนะทั้ง 3 ข้อ

“เทพไท” แนะใส่ข้อดีร่าง ปชช.ด้วย

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า น่าเสียดายที่ญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ร่างไอลอว์) ไม่ผ่านมติรับหลักการของที่ประชุมรัฐสภา ถือเป็นการปฏิเสธกระบวนการมีส่วนร่วมทางการเมืองภาคประชาชน แม้สาระในร่างอาจมีข้อบกพร่องบ้าง แต่ยังมีจุดที่น่าสนใจหลายประเด็น ที่คณะกรรมาธิการพิจารณารัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับเพิ่มเติมที่รัฐสภาตั้งขึ้น ควรนำไปศึกษา ดังนี้ 1.ยกเลิกช่องทางนายกฯคนนอก ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง 2.ยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ 20 ปี ที่ คสช.เขียนกดทับรัฐบาลทุกชุด 3.ยกเลิกแผนปฏิรูปประเทศที่คนของ คสช.เขียน 4.ยกเลิกที่มาของผู้บริหารท้องถิ่นแบบพิเศษที่ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง 5.ยกเลิกการนิรโทษกรรมคสช. ช่วยให้ คสช.ลอยนวลพ้นผิด 6.แก้ไขที่มานายกฯ ยกเลิกบัญชีว่าที่นายกฯ และให้นายกฯต้องเป็น ส.ส. 7.แก้ไขที่มาของ ส.ว. ให้มาจากการเลือกตั้ง และลดอำนาจพิเศษ ส.ว. 8.แก้ไขที่มาองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญพร้อมสรรหาใหม่ยกชุด 9.แก้ไขวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ง่าย ใช้แค่เสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภาพอ 10.แก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีการร่างใหม่ทั้งฉบับ โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้ง สาระสำคัญทั้ง 10 ข้อ ตรงกับหลักการประชาธิปไตยสากล ที่คนส่วนใหญ่น่าจะยอมรับได้เกินครึ่ง ควรนำไปศึกษาและบรรจุในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อไม่ให้เจตนารมณ์ของประชาชนสูญเปล่า หรือถูกละเลยไปอย่างไร้ความหมาย