สมานฉันท์แบบ พปชร.ส่งตัวจี๊ดตีรวน “สิระ” ห้าวไม่เลิกย้อน “ชวน” อาจโดนแช่ฟอร์มาลินก่อน ข้องใจมีอะไรพิเศษเดินหน้าตั้ง กก.สมานฉันท์เอง “เอ๋” โดดป้องคู่ซี้ เย้ยมีดโกนเริ่มทื่อ “ธนกร” ยกบาดแผลสลายชุมนุมปี 63 บลัฟ ปชป. โฆษก ปชป.จวก ส.ส.สมองกลวง เหมือนนมบูด ทำตัวเพี้ยนๆ บ้าๆบอๆ แล้วจะเดินหน้าสมานฉันท์ยังไง “ชวน” ไม่เร่งตั้ง กก.สมานฉันท์ รับหลายคนที่ติดต่อไปเริ่มผวา “อนุดิษฐ์” ให้ พปชร.ไปปรามปาก ส.ส.ตัวเองก่อน “เทพไท” ห่วง 8 พ.ย.ม็อบชนม็อบ สร.ขสมก.ค้านใช้รถเมล์ขวางม็อบ ตร.จัดซื้อยุทธภัณฑ์ป้องปรามชุมนุม ส.ว.จุดไฟส่อล้มกระดาน รวมรายชื่อส่งศาล รธน.ตีความร่างแก้ไข รธน.ทุกฉบับ ส.ส.แปดริ้วจวกพวกลากตั้งตัวจุดชนวนยึดอำนาจหลายฝ่ายตั้งข้อสงสัยถึงความจริงใจของพรรคพลังประชารัฐ พรรคแกนนำรัฐบาล ในการแสวงหาทางออกของชาติ หลังมี ส.ส. และบุคลากรในรัฐบาลของ พปชร. ออกมาตีรวนการดำเนินการหาแนวทางสมานฉันท์ของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา

...

“ชวน” ไม่เร่งตั้ง กก.สมานฉันท์

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 7 พ.ย. ที่ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ ว่าได้วางแนวทางไว้ 2 ส่วน คือ 1.ปัญหาเฉพาะหน้าได้คุยกับเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าแล้ว ให้ฝ่ายที่ทำงานทำเงียบๆ 2.เรื่องกรรมการปรองดอง ทำระบบมองไปข้างหน้าไม่ใช่ปัญหาเฉพาะหน้า ต้องแยกเป็น 2 เรื่อง ดังนั้น เรื่องการตั้งกรรมการต้องรอหลังจากได้คุยกันพอสมควรแล้ว ยังบอกไม่ได้ว่าจะตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ได้ภายในเดือน พ.ย.นี้หรือไม่ แต่ยอมรับว่าคนที่ติดต่อไปส่วนใหญ่ ไม่อยากให้เอ่ยชื่อ เพราะหลายคนกลัวถูกนำไปวิจารณ์

“สิระ” ห้าวไม่เลิกสวน “นายหัว”

นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กตอบโต้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ออกมาเตือนพูดจาไม่ให้เกียรติผู้ใหญ่ว่า เป็นการแสดงความคิดเห็นในฐานะประชาชนที่รักชาติ เห็นด้วยว่าต้องมีกรรมการชุดนี้แต่พอเห็นรายชื่อแล้ว ท่านอาจไม่เข้าใจเรื่องการบริหารธุรกิจ กำลังใช้คนไม่ตรงกับงาน เพราะแต่ละคนที่ประสานไปนั้น อายุมากเกินที่จะคุยกับผู้ชุมนุมซึ่งเป็นวัยรุ่น สุดท้ายผู้ชุมนุมจะระแวงว่ารัฐซื้อเวลาไม่จริงใจแก้ปัญหา ตนเป็นผู้แทนจากการเลือกตั้ง แต่ทำไมไม่ฟังความคิดเห็น และยังมาสวนอีกมันสมควรหรือไม่ ไม่นำเรื่องบรรจุเข้าสภาฯให้ได้ข้อสรุปแล้วค่อยเดินหน้าต่อ มีอะไรเป็นพิเศษถึงต้องเป็นคนตัดสินใจเลือกกรรมการชุดนี้เพียงคนเดียว สภาฯไม่มีความหมายแล้วหรือ ความคิดเห็นของท่านถูกต้องทุกอย่างหรือ ฟอร์มาลินอาจได้แช่กับคนเตือนก่อนก็ได้ โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน มีดโกนจะสู้ขวานผ่าซากไม่ได้

“เอ๋” ป้องคู่ซี้เย้ยมีดโกนเริ่มทื่อ

น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พปชร. โพสต์เฟซบุ๊กพร้อมติดแฮชแท็กว่า #อย่าขู่เพื่อนฉัน #ชวนขู่สิระ เมื่อท่านเริ่มช้าลงมีดโกนก็ไม่ค่อยคมเหมือนเดิม ผ่านมา 2 วันเพิ่งจะรู้สึก ตามประสา ช.ช.ช. #ชวนเชื่องช้า ขอฝากนายชวนว่าไม่มีใครดูถูกผู้สูงวัย หากผู้สูงวัยวางตัวเป็นกลางน่าเคารพ การทาบทาม นายอานันท์ ปันยารชุน นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ มาเป็นกรรมการสมานฉันฑ์ ดูไม่เป็นธรรมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นายชวนไม่ควรตัดสินใจเพียงลำพัง ทุกฝ่ายควรมีสิทธิ์เสนอ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน หากจะสั่งบริวารให้ออกมาด่าทอตามสไตล์เดิมๆ ก็ตามสบาย แต่ขอให้ด่าอย่างเดียวไม่อยากให้มีประธานสภาฯ เอา ส.ส.ไปแช่ฟอร์มาลินอีก

สองพรรคยกอดีตมาฟัดกันนัว

ด้านนายธนกร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวพาดพิงนายกฯนั้น น่าจะเป็นนายพนิตมากกว่าที่สำคัญตัวผิด ที่ผ่านมาบ้านเมืองสงบได้เพราะความเด็ดขาดของ พล.อ.ประยุทธ์ ในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ก็มีอำนาจในมือ แล้วเคยเด็ดขาดทำให้บ้านเมืองสงบได้หรือไม่ มีการสลายการชุมนุมจนเป็นคดีความกันใช่หรือไม่ ความผิดพลาดตัวเองทำเป็นมองไม่เห็น ที่สำคัญน่าจะรู้จักมารยาทการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล หลายครั้งที่ ส.ส.พรรคประชา-ธิปัตย์บางคนมักออกมาเหน็บแนม พล.อ.ประยุทธ์ นิสัยจุกจิกหยุมหยิม ทั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ให้เกียรติพรรคร่วมรัฐบาลมาตลอด ฝากนายจุรินทร์ ลักษณ-วิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ช่วยตักเตือนลูกพรรคบางคนบ้างช่วงนี้ประเทศวุ่นวายพอแล้ว พล.อ.ประยุทธ์คือทองแท้ไม่กลัวไฟลน

โฆษก ปชป.จวก ส.ส.บ้าๆบอๆ

ขณะที่นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายสิระ เจนจาคะ และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรค พปชร. ที่กล่าวพาดพิงนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯว่า ทั้งสองคนถือเป็นนักการเมืองที่ทำงานเข้าขากันดีมาก ส่งลูกรับลูกกันตลอด นายชวนออกมาชี้แจงด้วยเหตุผล หลังนายสิระออกมากล่าวให้ร้ายผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง บ่งบอกถึงทัศนคติความคิดว่ากลวงขนาดไหน กล่าวหาด้วยวาทกรรม “ชวนเชื่องช้า” ทั้งที่เป็นการทำงานด้วยความละเอียดรอบคอบ ไม่ให้เกิดความเสียหาย ไม่ล่าช้า แต่มีความแน่นอน และเป็นมืออาชีพ ยึดความซื่อสัตย์สุจริต ถ้าพรรคพลังประชารัฐยังให้คนเหล่านี้ออกมาทำตัวเพี้ยนๆ บ้าๆ บอๆ ความสมานฉันท์คงเกิดขึ้นยาก คนอื่นพยายามช่วยแก้ปัญหาบ้านเมือง แต่คนเหล่านี้เอาน้ำมันมาราดตลอด แล้วจะเดินหน้ากันอย่างไร เป็นถึง ส.ส.แต่ทำตัวเหมือนนมหมดอายุ

รบ.ขอรอ คกก.สมานฉันท์ตั้งไข่

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่กลุ่มราษฎรวันที่ 8 พ.ย. ว่า นายกฯไม่ได้กำชับหรือสั่งการรับมืออะไรเป็นพิเศษ แต่สิ่งที่นายกฯกังวลคือความปลอดภัยของประชาชน ขอให้กลุ่มผู้ชุมนุมชุมนุมโดยสงบ และขอให้เข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย เมื่อถามว่ากลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ประกาศจะเข้าไปสังเกตการณ์ห่วงจะเกิดการเผชิญหน้ากันหรือไม่ นายอนุชาตอบว่าเรื่องนี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลความปลอดภัย พยายามไม่ให้แต่ละฝ่ายยั่วยุหรือเผชิญหน้ากัน จนอาจเกิดเหตุความรุนแรง รัฐบาลกำชับให้หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าของสองฝ่าย อยากให้ทุกคนเข้าใจว่ามีวิธีการนำเสนอข้อเรียกร้องต่างๆได้ โดยเฉพาะวิธีการที่รัฐสภากำลังดำเนินการให้สถาบันพระปกเกล้าออกแบบ ขอให้ทุกคนอดใจรอว่าคณะกรรมการที่ออกมาจะมีใคร หรือฝ่ายใดเป็นตัวแทนบ้าง ขอย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน ดังนั้นส่วนใดที่คิดเห็นไม่ตรงกันอยากให้รอเข้าไปพูดคุยในกระบวนการที่รัฐสภาตั้ง เพื่อหาทางออกร่วมกัน

“อนุดิษฐ์” ให้ปรามปาก ส.ส.รบ.ก่อน

วันเดียวกัน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า แม้นายสิระ เจนจาคะ ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับบุคคลที่ประธานสภาฯไปขอความเห็นในเวทีสมานฉันท์ แต่คงไม่มีผล หากเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าว แต่ถ้าจะให้ภาพออกมาเรียบร้อยพรรคพลังประชารัฐควรออกมาห้ามปรามคนของตัวเอง ไม่ให้ออกมาวิจารณ์อะไรเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นใครจะอยากเข้าร่วม และเห็นว่าหากรัฐบาลมีความจริงใจสามารถสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้ทุกฝ่ายมาหารือ และพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง โดยปัจจัยสำคัญของเรื่องนี้คือต้องออกกฎหมายมารองรับ เพื่อคุ้มครองทุกคนที่ให้ความเห็น

เย้ย “บิ๊กตู่” หลงตัวเองคือหายนะ

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กล่าวระหว่างเปิดหลักสูตร วปอ. โดยยกย่องตัวเองว่าเป็นคนเก่งซื่อสัตย์ อยากให้ไปติดตามในโลกโซเชียลว่ารู้สึกอย่างไร คนส่วนใหญ่เห็นว่าเป็นแค่การพูดปกป้องตัวเองของ พล.อ.ประยุทธ์เท่านั้น เพราะไม่มีความชอบธรรมมาตั้งแต่ยึดอำนาจ แล้วยังให้พวกพ้องเขียนรัฐธรรมนูญฉบับลายพราง ให้ตัวเองสืบทอดอำนาจ แต่ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เชื่อว่าตัวเองดีและเก่งกว่าใคร ก็ถือว่าเป็นคนที่หลงตัวเองเกินกว่าจะให้ใครมาเยียวยาแล้ว การหลงตัวเองแบบนี้คือความหายนะ เพราะเชื่อว่าทุกสิ่งที่ทำสมบูรณ์ ปัญหาต่างๆจึงไม่ได้รับการแก้ไข ขณะนี้เหลือเพียงตัวเลือกเดียวหาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องการเป็นคนดีให้คนทั้งชาติสรรเสริญ ถึงเวลาที่ต้องพิจารณาตัวเอง รีบลาออกไปให้เร็วที่สุดปล่อยลูกพรรคลามปามขวางลำ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรค เพื่อไทย กล่าวว่า เราได้เห็นความพยายามของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ที่แสวงหาทางออกให้ประเทศ แต่เราไม่เห็นความจริงใจหรือความพยายามแก้ปัญหาจากรัฐบาลเลย ไม่ร่วมมือยังเข้าใจได้ แต่ถึงขั้นขู่จะฟ้องดำเนินคดีกับคณะกรรมการสมานฉันท์ ก็ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่จริงใจหาทางออกให้กับประเทศ และเราได้เห็นท่าทีแบบนี้จากบุคลากรในพรรครัฐบาลหลายคน และไม่ได้เห็นการห้ามปราม นั่นแปลว่าสัญญาณดังกล่าวเป็นเนื้อเดียวกับท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ที่ไม่ต้องการแก้ไขปัญหาของประเทศ คิดเพียงแต่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะสามารถสืบทอดอำนาจต่อไปให้ได้นานที่สุด ขนาดลูกพรรคไปออกรายการทีวีแล้วเข้าเนื้อ ยังมีข่าวสั่งห้ามไปดีเบตเลย กรณีปล่อยให้ลูกพรรคมาลามปามผู้ใหญ่ระดับประธานสภาฯ อดีตนายกฯ ก็เป็นใบเสร็จว่าได้รับไฟเขียวให้ป่วน หรือพยายามยับยังไม่ให้เกิดคณะกรรมการสมานฉันท์ขึ้น

ชูสถาบันพระปกเกล้าเหมาะสุด

นายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การให้สถาบันพระปกเกล้าจัดทำรูปแบบเวทีสมานฉันท์ถือว่าดีที่สุด นายวุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ถือว่ามีความเป็นกลางไม่เหมือนยุคก่อนๆ ไม่ทำตามคำสั่งของรัฐบาลในทุกเรื่อง ถือเป็นสถาบันที่ได้รับความเชื่อถือเรื่องประชาธิปไตยมากที่สุดขณะนี้ สำหรับข้อเสนอของผู้ชุมนุมเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วันนี้ถือว่ามีความเป็นไปได้ มีความหวัง

ก้าวไกลตอกย้ำ “บิ๊กตู่” ตัวปัญหา

ที่วัดสีมาราม อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังการประชุมตัวแทนพรรคประจำจังหวัดว่า ยังยืนยันว่าต้นเหตุของความขัดแย้งคือ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องลาออกก่อน เพื่อให้กระบวนการคัดสรรองค์ ประกอบที่จะเข้ามาเป็นคณะกรรมการสมานฉันท์เกิดขึ้นได้ แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ยังอยู่จะทำให้เกิดข้อกังขาต่อความจริงใจ ส่วนการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มราษฎร วันที่ 8 พ.ย.นี้ คณะทำงานเฉพาะกิจเพื่อติดตามสถานการณ์การชุมนุมของเยาวชนคนรุ่นใหม่และประชาชน ของพรรคก้าวไกล จะไปร่วมสังเกตการณ์การชุมนุมด้วย เพื่อดูแลปกป้องสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของทุกคน เหตุผลสำคัญที่เราจำเป็นต้องไปสังเกตการณ์ เพราะกลุ่ม ศปปส.นัดชุมนุมในจุดเดียวกัน ต้องไปดูว่าเจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจละเมิดสิทธิ หรือใช้มาตรฐานดำเนินการกับกลุ่มผู้ชุมนุมเหมือนกันหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาใช้อำนาจแบบสองมาตรฐานชัดเจน

“เทพไท” ห่วงเกิดม็อบชนม็อบ

นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่กลุ่มราษฎร 63 นัดชุมนุมใหญ่วันที่ 8 พ.ย. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ประกาศจะไปเฝ้าสังเกตการณ์ในบริเวณเดียวกันนั้น นับเป็นการสุ่มเสี่ยงต่อการเผชิญหน้ากัน อาจเกิดการปะทะกันในลักษณะม็อบชนม็อบได้ ไม่สนับสนุนให้จัดการชุมนุมลักษณะเช่นนี้ เพราะแต่ละกลุ่มต่างมีจุดยืน หรืออุดมการณ์ทางการเมืองที่ขัดแย้งกัน อาจมีการเผชิญหน้ายั่วยุให้เกิดการใช้ความรุนแรงได้ ขอเรียกร้องไปยังแกนนำทุกกลุ่มควรหลีกเลี่ยง และฝ่ายรัฐบาลโดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง รีบหามาตรการป้องกันความรุนแรง ไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย ที่อาจเป็นเงื่อนไขให้ผู้ไม่หวังดีสร้างสถานการณ์ นำไปสู่ข้ออ้างของอำนาจนอกระบบเข้ามายึดอำนาจจะปล่อย NGO ชักศึกนานแค่ไหน

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้ากลุ่มไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “NGO รับเงินต่างชาติ” หลังทางไอลอว์ชี้แจงเรื่องแหล่งที่มาของทุน มีประเด็น ที่น่าสนใจคือพบว่าแหล่งทุนหนึ่งที่น่าสนใจ คือ Heinrich Boll Stiftung (HBF) ที่ให้เงินไอลอว์ ก็เป็นมูลนิธิของพรรคกรีนที่เดินเกมในรัฐสภา ของประเทศเยอรมนี มีการอภิปรายพาดพิงในฐานข้อมูลที่ผิดๆเกี่ยวกับประเทศไทย แสดงว่าการที่ไอลอว์ชี้แจงว่าหลักการทำงานกับแหล่งทุน พิจารณาที่วัตถุประสงค์สอดคล้องกัน ก็เท่ากับว่าไอลอว์กำลังสมคบต่างชาติ กระทำในสิ่งไม่ดีกับประเทศไทยใช่หรือไม่ เราจะปล่อยให้ NGO ที่รับเงินต่างชาติ ชักศึกเข้าบ้านอีกนานแค่ไหน พร้อมติดแฮชแท็ก # ถึงเวลาห้าม NGO รับเงินต่างชาติ

“สุวิทย์” ปูดแผนม็อบราษฎร 8 พ.ย.

ด้านนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพุทธะอิสระ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า “มีข่าวลับมาบอก” มีแหล่งข่าวแจ้งมาว่าแกนนำรุ่นสองของกลุ่มราษฎร คือนายณัฐชนน ไพโรจน์ นัดประชุมกันที่โรงแรม นิมิตบูทีค โฮเทล คอลเลคชั่น เขตวัฒนา กทม. กำหนดแผนการขับเคลื่อนของม็อบวันที่ 8 พ.ย. การนัดประชุมใหญ่ครั้งนี้เพื่อเช็กจำนวนมวลชน หากมีมวลชนมาจำนวนมาก ก็จะนำพาขับเคลื่อนไปยังลานพระราชวังดุสิต และสวนอัมพร เพื่อทำกิจกรรมให้มวลชนเขียนข้อความใส่กระดาษแล้วพับเป็นรูปเครื่องบินร่อน พุ่งให้เข้าไปในเขตพระราชฐาน นอกจากนี้ยังกำหนดวันนัดชุมนุมรอบต่อไปเป็นวันที่ 23 พ.ย. กระตุ้นให้มีการจัดชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศ ในบริเวณพื้นที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของสถาบัน หรือศูนย์ราชการ เพื่อปิดการดำเนินงานของข้าราชการ กิจกรรมทั้งหมดนี้แกนนำในแต่ละจังหวัดสามารถเบิกค่าใช้จ่ายจากส่วนกลางได้

ส.ว.ส่อล้มกระดานแก้ไข รธน.

นายกิตติศักดิ์ รัตนวะราหะ ส.ว. กล่าวว่า ขณะนี้ ส.ว.บางส่วนเริ่มเคลื่อนไหวรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่าญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้ง 6 ฉบับ ที่พรรคร่วมรัฐบาล กับพรรคร่วมฝ่ายค้านเสนอนั้น ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยเฉพาะญัตติที่เสนอให้แก้ไขมาตรา 256 ที่ยังมีความเห็นต่างว่าต้องทำประชามติก่อนโหวตรับหลักการหรือไม่ เมื่อยังมีข้อสงสัยการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดคือทางปลอดภัยที่สุด ทั้งนี้ไม่ใช่การยื้อเวลา แต่เพื่อความปลอดภัย หากเดินหน้ารับหลักการแล้วเกิดขัดรัฐธรรมนูญขึ้นมา พวกเราต้องพ้นจากตำแหน่ง และมีโทษทางอาญาด้วย ดังนั้นก่อนรัฐสภาจะลงมติรับหลักการ ควรให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ว่าต้องทำประชามติช่วงไหนกันแน่ ก่อนรัฐสภารับหลักการ หรือหลังจากผ่านวาระสามไปแล้ว ส่วนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่ประชาชนเข้าชื่อร่วมกับไอลอว์ ต้องยื่นตีความด้วยหรือไม่ ฝ่ายกฎหมายกำลังพิจารณา หากประธานรัฐสภาบรรจุญัตตินี้มาพิจารณาด้วย คงต้องยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความเช่นกัน เพราะไอลอว์เป็นองค์กรที่ได้รับเงินสนับสนุนเงินจากต่างชาติมาดำเนินการเรื่องนี้ หากพวกเราเดินสุ่มสี่สุ่มห้าไปสุ่มเสี่ยงจะทำผิดเสียเอง

ฉะ ส.ว.ตัวก่อชนวนยึดอำนาจ

นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล กล่าวว่า จากพฤติกรรมของ ส.ว.ข้างต้น ถือเป็นอันตราย ขณะที่ประธานรัฐสภากำลังหาทางออกด้วยการพยายามดึงหลายฝ่ายตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ประสานรอยร้าวคนในชาติ กลับมี ส.ว.ทำตัวเป็นไอ้เข้ขวางคลอง ท้าทายความ ต้องการของมวลชน ที่วันนี้เห็นร่วมกันว่าต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยเร็วที่สุด จึงตีความเป็นอื่นไม่ได้นอกจากต้องการให้บ้านเมืองลุกเป็นไฟ “วันนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าสิ่งที่น่ากลัวกว่าโรคร้ายอย่างโควิด-19 ก็คือ ส.ว. โควิดยังมีทางรักษา แต่ ส.ว.เผด็จการเป็นแล้วไม่หาย อยู่ไปรังแต่จะสร้างเงื่อนไขรัฐประหารเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจต่อ การเอา ส.ว.ออกจากการเมือง ครั้งนี้ ท่านไม่ได้เสียหายอะไรเลยแม้แต่น้อย ที่จริงแล้ว ท่านได้สิ่งที่ท่านไม่ควรจะได้ตั้งแต่ต้นมามากเกินพอด้วยซ้ำ เห็นแก่ประเทศปล่อยมือเถอะครับ ประเทศจะได้เดินหน้าเสียที”

“เสรีเทยพลัส” พาเหรดทวงสิทธิ

เมื่อเวลา 16.00 น.ที่หน้าศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ถนนพญาไท กลุ่มเยาวชนนักเรียนนักศึกษา และประชาชนนับร้อยคน นำโดยนายสิรภพ อัตโตหิ หรือแรพเตอร์ และ น.ส.ศุกรียา วรรณายุรัตน์ รวมตัวชุมนุมในนาม “กลุ่มเสรีเทยพลัส” จัดกิจกรรมเดินขบวน “ไพร่พาเหรด” ในชุดแฟนซีจากแยกสามย่านไปยังถนนสีลม ซอย 2 เพื่อแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์เรียกร้องประชาธิปไตย และสิทธิเท่าเทียมทางเพศ โดยมีนักเรียน นักศึกษา และประชาชนที่เป็นแนวร่วมกลุ่มราษฎร แนวร่วมกลุ่ม คณะจุฬาฯ แนวร่วมกลุ่มประชาชนปลดแอก ที่เป็น ผู้หญิง และกลุ่มเพศทางเลือก แต่งชุดครอสเพลย์เสื้อสายเดี่ยว เอวลอย กางเกงยีนส์ขาสั้น เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคัก ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา อย่างหนัก จากนั้นกลุ่มผู้ชุมนุมปักหลักปราศรัยบริเวณ ใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ปากซอยสีลมซอย 2

เซ็งตัดสิทธิ ส.ส.เพศทางเลือก

นายสิรภพขึ้นปราศรัยว่า วาระเร่งด่วนตอนนี้ คือเรื่องการคุกคามทางเพศ ทั้งนอกและในขบวนการประชาธิปไตย ท่ามกลางสังคมชายเป็นใหญ่ ยังมีนักกิจกรรมการเมืองเพศหญิงถูกคุกคามทางเพศ ทั้งในโลกออนไลน์และในความเป็นจริง กิจกรรมวันนี้เป็นกิจกรรมไพร่พาเหรดแสดงอัตลักษณ์ของตัวเอง เป็นความภูมิใจของคนหลากหลายทางเพศ ประชาธิปไตยเป็นความเท่าเทียมกันในทุกมิติ เรายังอยากเห็นพรรคการเมืองที่ให้สัดส่วนของผู้หญิง และผู้มีความหลากหลายทางเพศได้อย่างแท้จริง มองว่าการที่นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่เป็น ส.ส.เพศทางเลือกคนแรก ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งตัดสิทธิไป ทำให้คนที่มีความหลากหลายทางเพศถูกลดทอนความสำคัญลงไปอีก ทั้งนี้ทางกลุ่มจะชุมนุมจนถึงเวลา 21.00 น.จึงจะยุติการชุมนุม

สร.ขสมก.ค้านใช้รถเมล์ขวางม็อบ

นายบุญมา ป๋งมา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) กล่าวถึงกรณีนายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผอ.ขสมก. ลงนามอนุญาตสนับสนุนรถโดยสารประจำทาง ตามหนังสือขอความร่วมมือของ บช.น. ที่ขอสนับสนุนรถเมล์ 55 คัน พร้อมพนักงานประจำรถ สำหรับใช้สนับสนุนภารกิจอำนวยความสะดวกการจราจร เพื่อให้เกิดความปลอดภัยหรือความสะดวกในการจราจร ตั้งแต่วันที่ 6 พ.ย.ไปจนกว่าจะเสร็จสิ้นภารกิจ ว่า มีความกังวลหาก ขสมก.นำรถเมล์ไปขวางการชุมนุมใหญ่วันที่ 8 พ.ย. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ที่ผ่านมาทุกครั้งสหภาพแรงงาน ขสมก. ไม่เห็นด้วย และมีการทำหนังสือถึง ผอ.ขสมก. และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เนื่องจาก ขสมก. เป็นรัฐวิสาหกิจ มีวัตถุประสงค์รับขนคนโดยสารในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล

ตร.จัดซื้อยุทธภัณฑ์ปรามชุมนุม

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กองสรรพาวุธ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีแผนการประกาศจัดซื้อจัดจ้างประจำปีงบประมาณ 2564 เตรียมซื้อเครื่องมือควบคุมฝูงชนในการชุมนุมสาธารณะหลายรายการ อาทิ ลวดหนามหีบเพลง 1,000 ชุด วงเงิน 2,664,000 บาท รถปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยในการชุมนุม 5 คัน วงเงิน 87,950,000 บาท โครงการจัดหาเครื่องมืออุปกรณ์ควบคุมฝูงชนในการชุมนุมสาธารณะ โล่ใส 18,534 ชิ้น วงเงิน 60,050,160 บาท ชุดป้องกันสะเกิร์ต 16,620 ชุด วงเงิน 54,181,000 บาท หมวกปราบจลาจล 15,781 ใบ วงเงิน 59,336,560 บาท กระบองยาง หรืออุปกรณ์ใช้ตี (Baton) 16,620 ชิ้น วงเงิน 17,617,200 บาท เครื่องรบกวนสัญญาณคลื่นความถี่วิทยุแบบติดตั้งบนยานพาหนะ 7 เครื่อง วงเงิน 34,828,500 บาท พล.ต.ต.สมพร สัจพจน์ ผบก.สพ. กล่าวว่า การจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้เป็นไปตามแผนการจัดซื้อทุกปี อุปกรณ์บางชนิดใช้แล้วหมดไป จึงจำเป็นต้องซื้อให้ครบจำนวน หรือกรณีอุปกรณ์ชำรุดต้องซื้อทดแทนให้ครบจำนวน เป็นการจัดซื้อจัดจ้างตามปกติ ไม่ใช่กรณีพิเศษ

นายกฯปลื้ม “คนละครึ่ง” ทะลุเป้า

อีกเรื่อง น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกฯแสดงความพอใจผลการดำเนินโครงการคนละครึ่งมาก ได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดีจากทั้งประชาชนและร้านค้า ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายประจำวัน เงินสะพัดในชุมชน ข้อมูลจากกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 6 พ.ย. มีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกว่า 5.23 แสนร้าน มีผู้ใช้สิทธิ 7.1 ล้านคน ยอดการใช้จ่ายสะสม 7,629 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 3,888 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 3,741 ล้านบาท ยอดใช้จ่ายเฉลี่ย 216 บาทต่อครั้ง จังหวัดใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กทม. สงขลา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี และเชียงใหม่ กระทรวงการคลังเตรียมเปิดให้ลงทะเบียนรอบสอง วันที่ 11 พ.ย. ส่วนการเพิ่มจำนวนร้านค้า นายกฯสั่งให้กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงการคลัง ร่วมกันอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย เพราะมีจำนวนมากที่สนใจร่วมโครงการฯโพลชี้ความสุขของเด็กไทยดำดิ่ง

วันเดียวกัน กรุงเทพโพลล์เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนจำนวน 1,161 คน เรื่อง สรุปภาวะความเสี่ยงที่คนไทยต้องเผชิญในรอบปี 2563 พบว่าความเสี่ยงที่คนไทยต้องเผชิญมากที่สุดคือค่า ครองชีพและหนี้สิน รองลงมาคือ ภัยธรรมชาติและโรคระบาดร้ายแรง การเมือง การจราจรและการเดินทาง และสุขภาพ ส่วนด้านที่คนไทยมีความเสี่ยงน้อยที่สุดคือ ความสัมพันธ์ในครอบครัว รองลงมาคือ ชีวิตและทรัพย์สิน สุขภาพจิตใจ สำหรับเรื่องที่อยากให้แก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน อันดับแรกคือ แก้ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้น สินค้าราคาแพงขึ้น รองลงมาอยากให้แก้ปัญหาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว ปัญหาการชุมนุมทางการเมืองและความแตกแยกขณะที่สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดผลสำรวจความเห็นประชาชน จำนวน 1,405 ตัวอย่าง เรื่องความสุขประเทศไทยวัยที่แตกต่าง พบว่าความสุขของเยาวชนต่ำกว่าความสุขของคนวัยอื่น ในหลายตัวชี้วัด เช่น ความสุขต่ออนาคต อาชีพการงานต่อรายได้ของตนเอง ต่อความรักความสามัคคีของคนในชาติ และความสุขต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ