“โจ ไบเดน” มีโอกาสปาดหน้าคว้าเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา หลังการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการส่อเบียดชนะ “โดนัลด์ ทรัมป์” แบบหวุดหวิดใจหายใจคว่ำ ท่ามกลางการลุ้นระทึกของกองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย
แต่รูปแบบเลือกตั้ง “อิเล็กทอรัลโหวต” ก็ถูกตั้งคำถามไม่แพ้ระบบจัดสรรปันส่วนผสมในบ้านเรา
ที่คึกคักเหมือนกัน คือเวทีเลือกตั้ง อบจ.ประเทศไทย นักการเมืองทั้งระดับชาติ ท้องถิ่นแห่แหนกันลงสมัคร ท่ามกลางความหวาดเสียว ต้องระวังตัวกันแจ เพราะกติกากำหนดว่าข้าราชการการเมือง ส.ส. ส.ว. ผู้บริหารท้องถิ่น สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ ไม่สามารถหาเสียงช่วยผู้สมัครรับเลือกตั้งได้
ย้อนแย้งพิลึกพิลั่น พรรคการเมืองส่งผู้สมัครได้ แต่ไม่สามารถช่วยหาเสียงได้เต็มที่
แต่กระนั้นบรรยากาศก็ช่วยบรรเทาความขัดแย้งร้อนแรงทางการเมืองโดยรวมไปได้บ้าง
สถานการณ์ยามนี้ยังยื้อยุดขึงพืดกันอยู่ระหว่างบรรดาลุงๆกับเด็กๆยังไม่รู้ออกหัวออกก้อย
“บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ยังโยนคำถามให้สังคมช่วยตอบ “ผมผิดอะไร” หรือว่าอยู่นานเกินไป แต่ไม่มีกติกาข้อไหนให้ลาออก
ขณะที่ “ม็อบราษฎร” ยืนกรานไม่ลดเพดานข้อเรียกร้องลงให้เสียกระบวนความฮึกเหิม
บรรยากาศประเทศไทยยามนี้ ไม่ใช่ดินแดนแห่งการประนีประนอมเสียแล้ว
คณะกรรมการสมานฉันท์ที่ถูกจุดพลุขึ้นมาบนเวทีรัฐสภา ออกแบบตั้งตุ๊กตาขึ้นมา
ยังมีปัญหาตั้งแต่ต้นซอย เพราะไม่มีสัญญาณถอยคนละก้าว มีแต่ปฏิบัติการเดินหน้าชน
ฝ่ายค้านยังละล้าละลังเข้าร่วม เกรงจะถูกลากเข้าไปร่วมพิธีกรรมซื้อเวลาปาหี่ เหลือบมองไปดูโมเดลกรรมการ 5 ฝ่าย 7 ฝ่าย ล้วนแล้วแต่ฝ่ายรัฐบาลถือดุลได้เปรียบทั้งนั้น
...
ไม่มีการลดราวาศอกยอมให้ฝ่ายค้านเป็นต่อ ฉะนั้นโอกาสริบหรี่ที่ข้อเสนอต่างๆ
จะได้รับการตอบสนอง หรือแม้แต่เอาไปใคร่ครวญพิจารณา มีแต่จะถูกปัดทิ้งตั้งแต่ยกแรก
ขณะที่ฝ่ายค้านและ “ม็อบราษฎร” เองก็ดูเหมือนจะตึงเกินไปเหมือนกัน เงื่อนไขนายกฯ ต้องลาออก ปฏิรูปสถาบัน ไม่มีการผ่อนสั้น ผ่อนยาว หรือเปิดช่องต่อรองใดๆ
ยื่นคำขาดไม่รับ ก็ไม่ร่วมสังฆกรรม
ออกรูปนี้ก็คุยกันยาก ตั้งกรรมการมาก็เปล่าประโยชน์
ความจริงสังคมเริ่มขานรับกรรมการสมานฉันท์ เพื่อแสวงหาความปรองดองมากขึ้น เรื่อยๆ เพราะเป็นทางออกสันติวิธีหลีกหนีความรุนแรง ไม่อยากเห็นการปะทะกันเหมือนในอดีต หรือที่เพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆนี้
กระนั้นก็มีสัญญาณแปลกๆจากบางคน บางฝ่าย

ตัวจี๊ดจากค่ายพลังประชารัฐช่วงนี้ขึงขังดุดัน นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. กระโดดออกมาขวางทันทีที่เห็นรายชื่ออดีตนายกฯ 4 คน นายอานันท์ ปันยารชุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ถูกทาบทามมาเป็นกรรมการ
“ล้าสมัย หมดสภาพ” ไม่เหมาะเป็นกรรมการปรองดอง แต่เหมาะกับการเอาไปดองเค็ม
ตีวัวกระทบคราดไปถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา คิดเองออกแบบเอง ไม่ขอความเห็นจากสภา

อีกราย นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ บอกเห็นหน้าตา 4 อดีตนายกฯแล้วรู้ทันทีฝักใฝ่ฝ่ายใด
“จะเอากรรมการชุดนี้มาบีบให้นายกฯออก และปฏิรูปสถาบันใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นจะฟ้องกรรมการทั้งหมด”
สุดซอยไปแล้ว ทั้งๆที่คนอื่นยังยืนอยู่ปากซอยแท้ๆ
ขยันโชว์ฟอร์มเรียกแขก ทัวร์ลง ท่ามกลางข้อกังขาเป็นเกมเลื่อยขาผู้นำทางอ้อมหรือไม่ เหาะเหินเกินลงกา ออกมากวนน้ำให้ขุ่นวุ่นวายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่อยากให้จบดราม่าสวยๆ แต่อยากฉายหนังบู๊ล้างผลาญ “เข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายหมด”
ล้อจังหวะกับคิวแทรก ฉากระทึก ศาลรัฐธรรมนูญนัดชี้ชะตาความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ วันที่ 2 ธ.ค.นี้
หลังพิจารณาคำร้องที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรยื่นมาแล้วพบข้อเท็จจริงเพียงพอต่อการวินิจฉัย สืบเนื่องจากกรณี
พล.อ.ประยุทธ์อยู่บ้านพักทหารหลังเกษียณอายุราชการแล้ว ถือเป็นการจงใจไม่ทำตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 184 (3) คือการขัดกันของผลประโยชน์ ถือเป็นการรับประโยชน์จากหน่วยงานของรัฐหรือไม่
ท่ามกลางการจับตา “บิ๊กตู่” อาจกลายเป็นใบไม้ที่ปลิดปลิว
ลุ้นอาจโดนถอดชนวน ก่อนนำไปสู่การตั้งโต๊ะเจรจาปรองดอง.
ทีมข่าวการเมือง