เชื้อสั่งสม รื่นรมย์บนอำนาจ สังเกตการณ์จากการชุมนุมใหญ่ตั้งแต่เช้าจดเย็นที่เริ่มจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จนเบ่งบานไปสู่ท้องสนามหลวง เห็นความหลากหลายของผู้คนจากทุกสารทิศไม่ใช่แค่กลุ่มคนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังมีประชาชนเข้าร่วมด้วย
เสื้อแดง-นักการเมืองก็เข้าร่วมขบวนด้วยแบบรวมมิตรพิชิตศึก
แม้บางคนในหมู่พยายามที่จะออกตัวว่าไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ได้มีบทบาทในการชี้นำความคิด
แต่เรื่องทำนองนี้ต่างก็รับทราบกันดีและรู้กันอยู่แก่ใจ ถึงกับมีการท้าทายถ้าแน่ใจก็ “ออกหน้าสิ” อย่ามาเป็น “อีแอบ” อยู่ข้างหลัง
ก็ว่ากันไป...
แม้สถานการณ์ความเป็นไปจะไม่มีเหตุอะไรเกิดขึ้นตั้งแต่เช้าจดเย็น แต่มีการระบุในหมู่ผู้ชุมนุมว่าไฮไลต์สำคัญจะอยู่ในช่วงค่ำมี 2 กระบวนท่า
1.การปราศรัยของบรรดาแกนนำสำคัญที่จะเบิ้มๆหากคาดการณ์ก็น่าจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ “สถาบัน”
2.จะมีการเคลื่อนขบวนไปยังสถานที่สำคัญว่าด้วยเรื่อง “ปักหมุด” อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่ฝ่ายรัฐจะต้องป้องกันอย่างเต็มที่
นั่นแหละที่จะทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปก็ได้
หากประเมินสถานการณ์กันแล้วการชุมนุมใหญ่ครั้งนี้ที่บอกว่าจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 19-20 ก.ย.63 แล้วจะยุติ
ก็คงเป็นเพียงการ “จุดพลุ” เพื่อให้มวลชนและผู้สนับสนุนในวงกว้างได้รับรู้ถึงจุดประสงค์และเป้าหมายในการเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้
คงเป็นไปอย่างที่คาดการณ์กันว่าประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ความขัดแย้งไปสู่จุดสุดท้ายได้
หากไม่มีเหตุอะไรก่อนหน้านั้นเสียก่อน
...
การชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมืองครั้งนี้ถือว่ามีพัฒนาการที่ต่างไปจากที่เคยมีมาโดยเฉพาะการใช้เทคโนโลยีทันสมัยที่เรียกว่าโซเชียลมีเดียทำให้การติดต่อประสานงานเป็นไปอย่างรวดเร็วเพียงแค่อึดใจเท่านั้นก็ถึงกันหมด
ที่เห็นอีกอย่างก็คือการตั้งรับของรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคงต้องเปลี่ยนรูปแบบด้วยมาตรการที่อะลุ่มอล่วยจากที่เคยดำเนินการมา
สำคัญว่าจะทนอึดไปได้อีกนานแค่ไหน?
อีกทั้งประเด็นข้อเรียกร้องครั้งนี้ค่อนข้างล่อแหลมกว่าที่เคยเกิดขึ้นมา การแก้ไขปัญหาจึงค่อนข้างจะยาก
พลาดแค่เพียงก้าวเดียวคงไม่ต่างไปจากโดมิโน
นั่นจะไปนำไปสู่ความรุนแรงจนมิอาจคาดการณ์ได้ว่าจุดจบมันจะเป็นอย่างไร ซึ่งแน่ละคงจะเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยยิ่ง
ด้วยแรงกดดันซึ่งดูท่าว่าจะหนักและเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ตามมาก็คือรัฐบาลพยายามจะลดกระแสอย่างเช่นการที่ ครม. อนุมัติให้มีการปฏิรูปตำรวจทั้งๆที่แช่เย็นเอาไว้นานแล้ว
ทว่าดูแล้วจะสายไป เพราะมีประเด็นที่พัฒนาไปไกลจากเรื่องนี้แล้ว แม้แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็แสดงออกให้เห็นว่ายังขาดความจริงใจ
หากไม่เปลี่ยนหลักคิดและสร้างความเข้าใจให้ถ่องแท้คงอยู่กันลำบากแน่!
“สายล่อฟ้า”