กระแสข่าวสัปดาห์นี้โฟกัสไปที่เรื่องของ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หลังจากที่ฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกล จับมือกับ ส.ส.พรรครัฐบาลจำนวนหนึ่งรวบรวมรายชื่อได้ประมาณ 99 คนยื่นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ว่าด้วยที่มาและอำนาจของ ส.ว.ในการโหวต เลือกนายกฯในสภา ปรากฏว่า ตดยังไม่ทันหายเหม็น ก็มีข่าวว่าฝั่งรัฐบาลมีการล็อบบี้ให้ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล จำนวน 18 คน ที่ลงชื่อแก้ รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ถอนตัวออกมา (ไม่ได้ระบุว่า ใช้วิธีใดในการล็อบบี้) บางข่าวก็ว่า ชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นคนกดดันเอง ร้อนถึง ประธาน ชวน ต้องให้ที่ปรึกษา (นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์) ออกมาปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

ทำให้ญัตติดังกล่าวต้องตกไปทันทีเพราะรายชื่อไม่สมบูรณ์

สำหรับรายชื่อ ที่ถอนออกไปประกอบด้วย น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา กันตวรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา ศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชี รายชื่อ ธีรภัทร พริ่งศุลกะ ส.ส.สุราษฎร์ธานี วิวรรธน์ นิลวัชมณี ส.ส.สุราษฎร์ธานี สินิตย์ เลิศไกร ส.ส.สุราษฎร์ธานี อัศวิน วิภูศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ สุณัฐชา โล่สถาพร-พิพิธ ส.ส.ตรัง สมชาติ ประดิษฐพร ส.ส.สุราษฎร์ธานี และ ภานุ ศรีบุศยกาญจน์ ส.ส.สุราษฎร์ธานี ทั้งหมดนี้อยู่พรรคประชาธิปัตย์ รวม 12 คน

พรรคอื่นๆประกอบด้วย จุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา พล.ต.ทรงกลด ทิพยรัตน์ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย สุรทิน พิจารณ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปไตยใหม่ พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค หัวหน้าพรรคไทรักธรรม มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ และ พิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย อีก 6 คน รวมเป็น 18 คนพอดี

ทางแก้ที่จะแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ต่อไป มีวิธีเดียวก็คือ ก้าวไกล ต้องหารายชื่อ ส.ส.มาสนับสนุนให้ได้มากกว่า 98 คน อันที่จริง กำลังฝ่ายค้าน ก็มีเกือบ 200 เสียง ถ้าสามัคคีชุมนุมกันจริงๆไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร

...

โดยเฉพาะ พรรคเพื่อไทย ถ้ายังมัวแทงกั๊กกันอยู่ ก็ไม่ต้องไม่โทษเรื่องของอำนาจรัฐ แต่ต้องโทษฝ่ายค้านด้วยกันเองว่า ไม่เข้มแข็ง อุดมการณ์ยังไม่ถึงแก่น

ปรากฏการณ์ทางสภาที่เห็น บางทีก็เรียกกันว่า เผด็จการในสภา จะด้วยวิธีใด อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ประชาชนจะไปหวังพึ่งการเมืองในสภาน่าจะลำบาก ครั้นจะไปพึ่ง การเมืองนอกสภา ก็ไม่เข้มแข็งพอ อีกนั่นแหละ

การเมืองไทยก็เลยอึมครึมมาจนทุกวันนี้

เพราะฉะนั้น ถ้าเด็กจะมาเรียกร้องอนาคตของตัวเองก็ต้องเห็นใจ เพราะผู้ใหญ่ไม่ทำให้เด็กเคารพ เด็กก็เลยต้องออกมาเรียกร้องสิทธิของตัวเอง บางทีไปตั้งข้อหาอาญากับนักเรียนมัธยมหรือจะใช้วิธีการปราบปรามการชุมนุมของเด็กๆ ต้องคิดถึงอนาคตของชาติให้ดี จะเผด็จการเสียงข้างมากในสภาหรือเผด็จการนอกสภา ก็ไม่ต่างกันเพราะใช้มาตรฐานเดียวกันมีความสัมพันธ์กันอย่างมีนัยมาโดยตลอด ประชาธิปไตยยังอยู่ใต้ตุ่มเหมือนเดิม.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th