“บิ๊กตู่” หงุดหงิดถูกถามข่าวรัฐประหาร เดินลงโพเดียมไล่สื่อกลับบ้าน ซัดเลอะเทอะอย่าเอาทหารมาถามเรื่องปฏิวัติ ที่ปรึกษาพิเศษ ทบ.แจงเคลื่อนกำลังพลพร้อมอาวุธ ฝึกหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว หรืออาร์ดีเอฟ ไม่เกี่ยวม็อบ 19 ก.ย. “วินธัย” ยันฝึกตามวงรอบ ส.ว.แบ่ง 4-5 ก๊กทั้งหนุน-ต้าน ส.ส.ร. “จเด็จ” อัดมีวาระซ่อนเร้น ขู่คว่ำร่างตั้งแต่วาระแรก วงถก 60 ส.ว.อิสระล่ม “กิตติศักดิ์” บอกเพื่อน ส.ว.กลัวเจ็บตัวไม่กล้าเปิดเผย ก้าวไกลยื่น 99 รายชื่อ รื้อม.272 ได้ 23 ส.ส.รัฐบาลร่วมปิดสวิตช์ ส.ว. 16 ส.ส.ปชป.ใช้เอกสิทธิ์ตัดท่อสืบอำนาจ คสช. พท.ชงเปิดรัฐสภาวิสามัญ ถอดปลั๊ก ส.ว.ล้างผลพวง คสช.รื้อระบบเลือกตั้ง มติ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา “ปารีณา” จงใจยื่นทรัพย์สินเป็นเท็จ บุกรุกป่าสงวนฯผิดจริยธรรมร้ายแรง “เอ๋” โต้มองมุมเดียว ทนายโยนฝ่ายบัญชีผิดพลาด
จากกรณีกองทัพบกเคลื่อนย้ายกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ในหลายพื้นที่ โดยแจ้งเตือนล่วงหน้าว่าเป็นการเคลื่อนย้ายกำลังไปฝึกหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วของ ทบ.หรืออาร์ดีเอฟ (RDF) แต่หลายฝ่ายจับตาท่ามกลางกระแสข่าวการรัฐประหาร ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมถึงกับหงุดหงิดไล่นักข่าวกลับบ้านระบุข่าวลือการปฏิวัติเป็นเรื่องเลอะเทอะ

...
“บิ๊กป้อม” โบ้ยถามคนปั่นข่าว รปห.
เมื่อเวลา 08.50 น. วันที่ 8 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการรัฐประหารมีโอกาสเกิดขึ้นหรือไม่ว่า เรื่องนี้ต้องไปถามคนปล่อยข่าว เมื่อถามว่า กองทัพกับรัฐบาลตอนนี้แนบแน่นดีอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตรตอบว่า ให้ไปถามผู้สื่อข่าวด้วยกันเอง เมื่อถามถึงกระแสเรียกร้องนายกฯคนนอกพล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถามพร้อมหยิบแมสก์ มาใส่และขึ้นรถออกไปทันที
“บิ๊กตู่” ซัดเลอะเทอะข่าวปฏิวัติ
เมื่อเวลา 13.10 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ว่า หลายวันเจอกันแต่ในสื่อโซเชียล แต่รัฐบาลไม่ได้หยุดทำงาน คิดงานต่างๆนำปัญหามาเคลียร์แก้ไข นายกฯมีงานทำเช่นนี้ ต้องช่วยกัน บ้านเมืองมีปัญหาทั้งโควิด-19 ปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยดีที่ทุกคนทราบดี ส่วนคำถามข้อเท็จจริงกรณีเปิดเผยเอกสารเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจรับมือการชุมนุมวันที่ 19 ก.ย. การชุมนุมใครพูดอะไร ใครที่เปิดเผยเอกสารก็ให้ไปถามคนนั้นแล้วกัน การชุมนุมไม่ได้กำชับอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ต้องการดูแลให้เขาปลอดภัยเท่านั้น ถ้าชุมนุมไม่รุนแรงถือเป็นสิทธิ ส่วนที่ ครม.ต่ออายุ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พื้นที่เดิมที่ยังรุนแรง ใช้เมื่อจำเป็น ไม่จำเป็นก็ปลดออก ถ้าไม่ดีประกาศใหม่ เหมือนโควิด-19 ยืนยันไม่ได้เกี่ยวกับการชุมนุม
เมื่อถามว่า กระแสข่าวรัฐประหารขณะนี้ เห็นอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์โบกมือพร้อมกล่าวเสียงดังว่า “กลับบ้านเลย” ก่อนเดินออกจากโพเดียมกลับขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า แต่ได้หยุดที่หน้าประตูแล้วหันมาถามว่า “ใครจะรัฐประหาร” ผู้สื่อข่าวตอบว่า ทหารจากกองทัพบก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “เลอะเทอะ อย่าเอาทหารมาถามอย่างนี้”
ทบ.ย้ำทหารเคลื่อนฝึกอาร์ดีเอฟ
ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.ณฐพนธ์ ศรีสวัสดิ์ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก ชี้แจงกระแสข่าวลือรัฐประหารช่วง ทบ.เคลื่อนย้ายกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์หลายพื้นที่ว่า ขณะนี้มีการฝึกใหญ่ภายในประเทศ พัฒนากำลังรบคือการฝึกหน่วยพร้อมรบเคลื่อนที่เร็วของ ทบ.หรืออาร์ดีเอฟ (RDF) พัฒนาขีดความสามารถของกำลังพลให้เป็นหน่วยรบเคลื่อนที่เร็ว ในวันที่ 8-9 ก.ย.ที่ผ่านมา การฝึก RDF มีที่กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) แต่ปัจจุบันปรับให้ทุกกองทัพภาค มีกองกำลัง ที่พร้อมอยู่ในตัวเอง ต้องฝึกทุกระบบ หน่วยทหารกระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงเห็นการเคลื่อนย้ายกำลังพล หลายพื้นที่ในห้วงเวลานี้ ยืนยันเป็นการฝึกล้วนๆ เป็นฤดูการฝึกของทหารใหม่ เราแจ้งล่วงหน้าด้วยความบริสุทธิ์ใจ พร้อมจะได้รับการตรวจสอบ สงสัยถามได้ตลอดเวลา เรื่องรัฐประหารถือเป็นกระแสในช่วงเวลา แล้วแต่คนจะนำกระแสตรงนี้ไปสร้างประเด็น ในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.แจ้งเตือนทุกหน่วยระมัดระวัง พยายามสื่อสารไปถึงประชาชนให้มากที่สุด เพื่อจะได้แก้ข่าวลือตรงนี้
ทหาร 3 พันขี่รถถังไม่เกี่ยวชุมนุม 19 ก.ย.
เมื่อถามถึงกระแสข่าว ทหารกองทัพภาคที่ 3 รวม 3,000 นาย มาประจำที่ จ.สระบุรี พล.อ.ณฐพนธ์ กล่าวว่า น่าจะเป็นเรื่องเดียวกันคือการฝึก RDF ทหารม้ามีการฝึกที่ จ.สระบุรี จ.ลพบุรีและสระบุรี เป็นแหล่งการฝึกใหญ่ การเดินทางจากกองทัพภาค 3 จะมาลงพื้นที่ จ.สระบุรี ขนรถถังมาและขนกลับ ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรย้อนไปดูปีก่อนๆก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เนื่องจากสนามฝึกอยู่ตรงนี้ เมื่อถามว่าสอดคล้องกับการชุมนุมที่จะเกิดขึ้นวันที่ 19 ที่จะทำให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวงหรือไม่ พล.อ.ณฐพนธ์ ย้ำว่าแผนการฝึกของเราเป็นแผนระยะยาว ในปีหนึ่งจะมีลำดับขั้นการฝึกอะไร คงไม่สามารถจัดตารางให้มาเชื่อมโยงกับเหตุการณ์อะไรที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

“วินธัย” สยบข่าวลือแค่ฝึกตามวงรอบ
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีมีกระแสข่าวลือว่า กองทัพบกขนย้ายยุทโธปกรณ์เพื่อเตรียมปฏิวัติรัฐประหารว่า เป็นการบิดเบือนข้อมูลโดยนำเรื่องเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ในช่วงนี้เป็นช่วงการฝึกตามวงรอบประจำปีของหน่วยใน ทบ.ไปเชื่อม–โยงกับเรื่องรัฐประหาร ที่ผ่านมา ทบ.ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้ทราบต่อเนื่องเป็นระยะ จึงไม่อยากให้บางกลุ่มบางบุคคลที่ได้รับข่าวสารข้อมูลไม่ครบถ้วน ไปบิดเบือนจนทำให้สังคมสับสนและเข้าใจผิด การฝึกที่ดูเหมือนว่ามีมากช่วงนี้ ปกติการฝึกตามวงรอบระดับหน่วยจะมีตั้งแต่ช่วงเดือน มี.ค. แต่ที่ผ่านมามีการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ต้องเลื่อนออกไป ยืนยันว่าการฝึกระดับหน่วยยังคงจำเป็น และมีการปรับระดับการฝึกให้เล็กลงให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 การเคลื่อนย้ายยุทโธปกรณ์ต่างๆไม่ได้วิ่งเคลื่อนไปทั้งสายพาน แต่เคลื่อนย้ายไปทางรถไฟเหมือนทุกครั้งตามปกติ
“วรงค์” ท้า “ธนาธร” กล้าไหมนำม็อบเอง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ “ธนาธรจะกล้าไหม” ว่าเกม ที่ม็อบวางแผนเพื่อปลุกระดม มันช่างแปลกๆ ขนาดศาลให้ประกันตัวสองแสนบาท ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ พูดแบบชาวบ้านคือไม่ต้องใช้อะไรเลย แทบจะปล่อยตัวทันที พวกเขาก็อยากจะเข้าคุกอย่างเดียว เมื่อเข้าคุกคนที่อยู่นอกคุกก็มาปั่นกระแสให้หยุดคุกคาม สู้เป็นไท ถอยเป็นทาส มาทำอีเวนต์ทุบศาลพระภูมิเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของศาล ทั้งที่คนพวกนี้อยากเข้าไปนอนในคุกเอง วันที่ 19 ก.ย. บอกลูกบอกหลานยิ่งต้องระวัง เพราะเขาคงทำได้ทุกอย่างต้องติดตามว่านายธนาธรจะกล้าออกมานำเองหรือยังหลังจากใช้ลูกหลานประชาชนมาเสียนาน? #ธนาธรจะกล้าไหม

ส.ว.ตั้ง 4–5 ก๊ก “อกนิษฐ์” ต้าน ส.ส.ร.
พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร.มายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ สหรัฐอเมริกามีรัฐธรรมนูญฉบับเดียว ไม่ดีตรงไหนก็แก้เป็นรายมาตรา แต่บ้านเราถ้าแก้ไขอีกจะมีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 21 จึงไม่เห็นด้วยให้เขียนใหม่ทั้งฉบับ แต่เห็นด้วยให้แก้รายมาตรา จะแก้ไขมาตราใดให้มาพูดคุยกันว่าจะแก้อะไรอย่างไร รวมถึงการยกเลิกมาตรา 272 ให้ ส.ว.มีอำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี ขึ้นอยู่กับเสียงส่วนใหญ่เห็นไปในทิศทางใด ขณะนี้ ส.ว.มีการจับกลุ่ม 4-5 กลุ่ม กลุ่มละ 40-50 คน เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ บางคนอยู่หลายกลุ่ม แต่ตนไม่ได้อยู่ในกลุ่มใดเลย
“จเด็จ” ฉะแก้ รธน.มีวาระซ่อนเร้น
นายจเด็จ อินสว่าง ส.ว. กล่าวว่า การแก้รัฐธรรมนูญมีวาระซ่อนเร้น ไม่พอใจนายกฯจึงแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่เห็นว่ารัฐธรรมนูญจะมีปัญหาจำเป็นต้องแก้ไขไม่ว่ามาตราใด หากจะแก้ไข ส.ส.ต้องแสดงให้เห็นว่ามาตราใดเกิดความเสียหายต่อบ้านเมือง ส.ว.ไม่ได้ปิดตายว่าต้องไม่แก้ ขอให้ชี้แจงมาว่ามาตราใดมีปัญหา เช่น มาตรา 272 เรื่องอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯ ที่กำหนดให้ในวาระ 5 ปีเริ่มแรก ขณะนี้ผ่านมา 3 ปี รออีกไม่นาน ขอให้ใจเย็นๆอย่าหลงใหลกับการทำร้ายสถาบัน ทำลายวัฒนธรรมดีงาม ด้วยการก้าวร้าวพูดจาหยาบคาย เด็กๆเหล่านี้ไม่คิดว่าถูกแทรกแซงจากสื่อต่างชาติ ต้องอยู่ด้วยเหตุผลบ้านเมืองถึงอยู่รอด เป็นห่วงการชุมนุมใหญ่วันที่ 19 ก.ย.
ขู่ ส.ว.อาจคว่ำร่างตั้งแต่วาระแรก
นายจเด็จกล่าวอีกว่า ส่วนการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระแรกวันที่ 24 ก.ย.เป็นไปได้ที่ ส.ว.จะไม่เห็นชอบ แต่ต้องรอฟังการอภิปรายของ ส.ส.ก่อน หากมีเหตุผลเข้าใจได้อาจโหวตรับหลักการ ไม่ได้ปิดตายการแก้รัฐธรรมนูญ มาตราใดเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ส.ว.พร้อมแก้ไข แต่ต้องไม่ใช่การยกร่างรัฐธรรมนูญโดย ส.ส.ร.ถึงจะมี ส.ว.บางกลุ่มเห็นด้วยกับการตั้ง ส.ส.ร. แต่มีไม่มากนัก ส่วนกลุ่ม ส.ว.ที่เป็นทหาร 120 คน วางตัวเป็นผู้ใหญ่ที่ดี นั่งมองอยู่และสงวนความเห็น แต่ไม่กล้าคิดแทนว่าที่สุดแล้ว ส.ว.ที่เป็นทหารจะคิดอย่างไร
“หมอพรทิพย์” เชียร์หั่นอำนาจ ส.ว.
พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 1 ในกลุ่ม ส.ว.อิสระ 60 คน กล่าวถึงการตั้งกลุ่มไลน์ในนามกลุ่ม ส.ว.อิสระ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญว่า เป็นพื้นที่เพื่อพูดคุยแลก เปลี่ยนความคิดเห็นกัน ส่วนตัวเห็นว่าการตั้ง ส.ส.ร.มาแก้รัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการที่ช้า ไม่อยากให้ถูกมองเป็นการซื้อเวลา ส่วนข้อเสนอการแก้ไขมาตรา 272 ลดอำนาจ ส.ว.ในการเลือกนายกฯ เห็นด้วยให้ตัดอำนาจส่วนนี้ เพราะมาถึงวันนี้ไม่มีประโยชน์ ไม่ได้ช่วยให้มีนายกฯหรือรัฐบาลดีขึ้นให้ตัดทิ้งเลย ก่อนหน้านี้คาดหวังว่าจะได้รัฐบาลที่ขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศได้ในช่วงเวลาเฉพาะกิจ แต่เมื่อเอาเข้าจริงกลับทำไม่ได้ เมื่อไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าปล่อยให้ ส.ว.เป็นแบบนี้เหมือนกับมีความเกรงใจซึ่งกันและกัน ดังนั้นปล่อยให้เป็นอิสระดีกว่า

ยักท่าแก้ รธน.อยู่ที่ ส.ว.100%
นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว.กล่าวว่า แนวทางกลุ่ม 60 ส.ว.อิสระเห็นว่าการให้มี ส.ส.ร.มาร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับสิ้นเปลืองเวลาและงบประมาณ เพราะการแก้ไขทำได้เป็นรายมาตรา กังวลว่าการตั้ง ส.ส.ร.จะได้อย่างที่คิดหรือไม่ จะขัดแย้งขึ้นอีกหรือไม่ ยืนยัน ส.ว.ไม่เคยหวงอำนาจ ถ้าให้พูดกันตรงๆ การจะแก้หรือไม่แก้รัฐธรรมนูญอยู่ที่ ส.ว.100% ถึงใช้ม็อบมากดดันก็ไม่มีผลในการตัดสินใจ เมื่อถามว่าหากไม่ใช้ ส.ส.ร.มาร่างรัฐธรรมนูญ อาจถูกมองว่าไม่เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน นายกิตติศักดิ์ตอบว่า ที่ผ่านมาเคยมีรัฐธรรมนูญฉบับใดเป็นของประชาชน 100% หรือไม่ รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มองว่าไม่ใช่ฉบับประชาชน แต่ผ่านการทำประชามติจากประชาชน 16 ล้านเสียงที่เห็นด้วย คนเหล่านั้นไม่ใช่ประชาชนหรือ ส่วนอำนาจ ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯ ถือว่าหมดความจำเป็นแล้ว ขืนเอาไว้ต่อไป บ้านเมืองจะไม่สงบสุขแน่นอน ยินดีให้แก้มาตรา 272 แต่หากตัดบทเฉพาะกาลออกไปทั้งหมด โดยไม่ให้มี ส.ว.เลย ใครจะเป็นผู้พิจารณากฎหมาย อีกทั้งจะขัดรัฐธรรมนูญด้วย
ถก 60 ส.ว. อิสระล่มไม่กล้าเจอสื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาถึงความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ส.ว.อิสระ 60 คน ที่นัดประชุมหารือแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยสนับสนุนให้แก้มาตรา 272 เรื่องการตัดอำนาจ ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกฯ โดยได้นัดหมายประชุมกันเวลา 15.00 น. ที่ห้อง 304 อาคารวุฒิสภา แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายมี ส.ว.ในกลุ่มเพียง 2 คนเท่านั้นมาที่ห้องประชุมคือ นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม และนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ขณะที่ ส.ว.คนอื่นไม่มีใครมาประชุม ยังมี ส.ว.เกือบ 30 คนขอถอนตัวออกจากกลุ่มไลน์ จนเหลือสมาชิกเพียงกว่า 30 คน จนต้องยกเลิกกะทันหัน
“ดิเรกฤทธิ์” โอดสมาชิกขยาดเปิดตัว
นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. กล่าวว่าสาเหตุยกเลิกการประชุมเนื่องจาก ส.ว.หลายคนในกลุ่มตกใจที่เห็นสื่อมวลชนมาดักรอทำข่าวจำนวนมาก ไม่กล้ามาประชุม จากนี้อาจต้องหารือกันภายในหรือหารือผ่านกลุ่มไลน์แทน หลายคนไม่กล้าจะเปิดเผยชื่อตัวเอง เจตนาตั้งกลุ่ม 60 ส.ว.อิสระต้องการแลก เปลี่ยนข้อมูลข่าวสารภายในกลุ่ม ไม่ได้หมายความว่าทั้งกลุ่มจะคิดแบบเดียวกันทั้งหมด ขณะนี้เสียง ส.ว.ยังเห็นต่าง ไม่ใช่องค์กรที่ถูกจัดตั้ง ทุกคนมีวุฒิภาวะ กลุ่มเราเป็นอิสระใครจะเข้าหรือออกก็ได้ เมื่อถามว่ากลุ่ม 60 ส.ว.อิสระเป็นอิสระจากนายกฯ ด้วยหรือไม่ นายดิเรกฤทธิ์ตอบว่า การทำหน้าที่ของ ส.ว.เป็นอิสระจากรัฐบาลและสภาฯ เพราะ ส.ว.ตรวจสอบถ่วงดุลสองอำนาจนี้ ปัญหาประเทศที่ผ่านมามีปัญหาเสียงข้างมากที่รัฐบาลและสภาฯเป็นพวกเดียวกัน
ปัดวงแตกแค่เพื่อนกลัวเจ็บตัว
ขณะที่นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ส.ว. กล่าวว่า ไม่อยากเรียกว่าการประชุมนัดนี้วงแตก แต่ ส.ว.หลายคน ในกลุ่มไม่ถนัดออกสื่อ กลัวเจ็บตัวถ้ามีการเปิดเผยตัวออกไป ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะนัดประชุมกันอีกครั้งเมื่อใด หรือกลุ่มจะล่มสลาย คงต้องหารือภายในอีกครั้งหนึ่งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
“วันชัย” แอบหวังได้ 84 เสียงตั้ง ส.ส.ร.
นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า สนับสนุนการแก้มาตรา 272 และการตั้ง ส.ส.ร.หวังว่าจะรวมเสียง ส.ว.ได้มากกว่า 84 เสียง ขณะนี้ได้แล้วจำนวนหนึ่ง แต่หลังพูดคุยเพื่อน ส.ว.ยังเห็นแย้งเรื่องการตั้ง ส.ส.ร.ว่าจะตีเช็คเปล่า เสียเวลาเสียเงินเปล่า คาดว่า 7-10 วันนี้คงตกผลึก จะบอกได้ว่ามีแน่นอนเท่าใด จะมีใบสั่งจากผู้มีอำนาจหรือไม่ ได้สอบถามผู้ใหญ่แล้วยืนยันว่าไม่มีสัญญาณหรือความต้องการว่าเป็นอย่างไร ทุกคนเป็นอิสระ มีเป้าหมายเพื่อความสงบของบ้านเมือง ก่อนหน้านี้ ส.ว.แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มสงวนท่าที กลุ่มยอมรับการแก้ไข และกลุ่มปฏิเสธการแก้ไข ส่วนกลุ่ม 60 ส.ว.ที่ไม่สามารถรวมตัวกันได้ เชื่อว่าไม่ได้มีสัญญาณอะไรมา ทุกคนมีความคิดหลากหลายต้องมาแลกเปลี่ยนกัน

ก้าวไกลยื่นชื่อ 99 ส.ส.รื้อ ม.272
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ นำรายชื่อ ส.ส.99 คน ยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา เพื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 272 ว่าด้วยการยกเลิกการให้ ส.ว.ร่วมลงมติเลือกนายก-รัฐมนตรี โดยนายชวนกล่าวว่า จะตรวจสอบองค์ ประกอบญัตติเพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมาย หากไม่มีปัญหาจะบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมรัฐสภาได้ใน 15 วัน ขณะนี้บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของฝ่ายค้านไปก่อนหน้านี้ จะพิจารณาวันที่ 23-24 ก.ย. หากไม่มีปัญหาใดๆจะพิจารณาได้พร้อมกัน
ส.ส.พรรค ภท.ร่วมปิดสวิตช์ ส.ว.
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ส.ส.ที่ร่วมลงชื่อมีจำนวน 99 คนมาจาก 13 พรรคการเมือง ไม่มี ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคพลังประชารัฐ แต่มี ส.ส.พรรคภูมิใจไทยร่วมลงชื่อด้วย เชื่อว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้ จะได้รับการพิจารณาในวันที่ 23-24 ก.ย. มั่นใจว่าจะไม่มี ส.ว.คนใดขัดขวาง เนื่องจากทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าการแก้มาตรานี้จะเป็นทางออกให้ประเทศ
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หากมีการยกเลิกมาตรา 272 จะทำให้กระบวนการได้มาซึ่งนายกฯ เป็นไปตามรัฐธรรมนูญแบบเดิมคือ ให้สภาผู้แทนราษฎรเป็นผู้เสนอชื่อและเลือกนายกฯจากบัญชีรายชื่อผู้เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯของพรรคการเมืองที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หากสภาฯเลือกไม่ได้ จะเป็นการเปิดโอกาสให้สภาฯเลือกนายกฯคนนอกต่อไป
ปชป.ยกทัพลงชื่ออ้างเป็นเอกสิทธิ์
นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากความเห็นพ้องร่วมกันให้แก้ไขการให้ ส.ว.เลือกนายกฯประเด็นเดียว ส.ส.ประชาธิปัตย์มีเอกสิทธิ์ที่ทำได้ แม้ว่า ส.ส.ประชาธิปัตย์ส่วนใหญ่ได้ร่วมลงชื่อในร่างแก้รัฐธรรมนูญของพรรคร่วมรัฐบาลไปก่อนหน้านี้ การแก้ไขมาตรานี้จะยกเลิกการสืบทอดอำนาจ จากนี้พวกตนจะไปชี้แจงต่อที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป คิดว่าหัวหน้าพรรคจะเข้าใจการดำเนินการครั้งนี้ เนื่องจากหัวหน้าพรรคเคยแสดงความคิดเห็นสนับสนุนการแก้ไขมาตรา 272

“จุรินทร์” ตะแบงอ้างมติพรรคมัด ส.ส.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคประชาธิปัตย์ว่าเมื่อเวลา 14.00 น.นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.พรรค เป็นประธานการประชุม ส.ส.พรรค โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นกล่าวถึงกรณี ส.ส.ประชาธิปัตย์ใช้เอกสิทธิ์ไปร่วมลงชื่อในญัตติร่างขอแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว.ร่วมกับ 12 พรรคการเมืองว่า “อาจจะมีความคลาดเคลื่อนไปในการประชุมครั้งที่แล้ว แม้ผมจะนั่งในห้องประชุมนี้ เมื่อพรรคมีมติในที่ประชุมแล้วว่าให้ยื่นในร่างฉบับของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่จำเป็นต้องบอกว่าจะไปเซ็นชื่อในร่างที่สองได้อีกหรือไม่ ถ้ามีเรื่องอื่นก็ไม่ได้เป็นหน้าที่ของผมที่จะมาชี้แจงอะไร” จากนั้นนายองอาจได้ปิดประชุมท่ามกลางความมึนงงของ 30 ส.ส.ที่เข้าประชุมเพราะ 16 ส.ส.พรรคที่ไปร่วมลงชื่อสนับสนุนญัตติร่างแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพิ่งเดินทางมาร่วมประชุมพรรค
“สาทิตย์” เจรจาแล้วแต่วิป รบ.เมิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เดิมพรรคประชาธิปัตย์ต้องการเป็นเจ้าของร่างญัตติเสนอขอแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ตั้งแต่ต้นได้ส่งตัวแทนไปเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาล แต่ประธานวิปรัฐบาลไม่เอาด้วย ทำให้ ส.ส.กลุ่มนายสาทิตย์ต้องรวบรวมรายชื่อ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้านให้ได้ 1 ใน 5 ของสมาชิกสภาฯ หรือ 98 คนขึ้นไป โดยให้นายสาทิตย์ ลงชื่อคนแรกใน 99 รายชื่อ และ ส.ส.ที่ยื่นร่างดังกล่าวยังขอปิดรายชื่อทั้ง 99 คนไว้ อ้างเหตุผลว่ามีกระบวนการกดดันให้ ส.ส.ทั้ง 99 คนถอนชื่อจากการลงญัตติร่างขอแก้ไขข้อมูลมาตรา 272
“พนิต” ยึดอุดมการณ์ตัดท่อสืบอำนาจ
นายพนิต วิกิจเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ประชาธิปัตย์ หนึ่งในผู้ลงชื่อในญัตติร่างขอแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 กล่าวว่า ในการประชุม ส.ส.พรรคครั้งก่อน พรรคได้เปิดให้ ส.ส.ที่เห็นต่างได้อภิปรายเรื่องแก้รัฐธรรมนูญว่า มี ส.ส.พรรคหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการเสนอแก้มาตรา 256 และตั้ง ส.ส.ร. เพราะเห็นว่าปัญหาการสืบทอดอำนาจอยู่ที่มาตรา 272 ไม่เป็นประชาธิปไตยสากล ส.ว.มาจากการแต่งตั้งต้องเลือกตามความต้องการของคนทำรัฐประหาร ส.ส.ในกลุ่มที่สนับสนุนให้แก้มาตรา 272 เห็นพ้องว่าต้องยึดมั่นในอุดมการณ์พรรค ได้สอบถามในที่ประชุม ส.ส.พรรคครั้งก่อนว่าเมื่อ ส.ส.พรรคบางส่วนเห็นว่ามาตรา 272 เป็นปัญหาในการสืบทอดอำนาจเผด็จการ พรรคจะดำเนินการอะไรให้เป็นจุดยืนที่ชัดเจนโดยการออกแถลงการณ์ หรือย้ำจุดยืนของพรรคต่อสังคมหรือไม่ แต่นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ประธานวิปพรรค ระบุว่า ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องออก แถลงการณ์ในนามพรรค ผิดข้อตกลงในการประชุมพรรคครั้งก่อน ที่ได้มอบหมายให้โฆษกพรรคไปร่างแถลงการณ์ของพรรคเพื่อแสดงจุดยืนเรื่องนี้
16 ปชป.ร่วมลงชื่อริบดาบ ส.ว.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า รายชื่อ 99 ส.ส.ที่ลงชื่อให้แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ประกอบด้วย 13 พรรคการเมือง แบ่งเป็นฝ่ายค้าน ได้แก่ พรรคก้าวไกล 54 คน พรรคประชาชาติ 6 คน พรรคเพื่อชาติ 5 คน พรรคเสรีรวมไทย 10 คน พรรคพลังปวงชน 1 คน ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาล 23 คน ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ 16 คน ได้แก่ 1.นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2.นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี 3.นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 4.น.ส.รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม 5.นายเกียรติ สิทธีอมร ส.ส.บัญชีรายชื่อ 6.น.ส.พิมพ์รพี พันธุ์วิชาติกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 7.น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง 8.นายอภิชัย เตชะอุบล ส.ส.บัญชีรายชื่อ 9.นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช 10.พล.ต.ต.สุรินทร์ ปาลาเร่ ส.ส.สงขลา 11.นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง 12.นางกันตวรรรณ ตันเถียร ส.ส.พังงา 13.นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ 14.นายอัศวิน วิภูศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 15.นางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 16.นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ส.ส.ตาก
ภท.–ชพน.–พรรคเล็กเกาะขบวน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้มี ส.ส.พรรคภูมิใจไทย 1 คน คือนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคชาติไทยพัฒนา นายจุลพันธ์ โนนศรีชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทยศรีวิไลย์ นายพีระวิทย์ เลื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย นายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ลงชื่อรวม 20 คน แต่ได้ขอถอนรายชื่อออกภายหลัง 4 คน คือ นายวิวรรธ นิลวัชรมณี ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายสมชาติ ประดิษฐพร ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายภาณุ ศรีบุศยกาญจน์ ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายสินิตย์ เลิศไกร ส.ส.สุราษฎร์ธานี

พท.ชวนลงชื่อเปิดรัฐสภาวิสามัญ
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย มีการประชุม ส.ส. โดยนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ นายโภคิน พลกุล กรรมการยุทธศาสตร์ และ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ เลขาธิการพรรค ร่วมเป็นประธานการประชุม ต่อมาเวลา 16.30 น. นายสมพงษ์ แถลงว่า เพื่อเร่งรัดให้แก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จเร็วที่สุด สมาชิกเพื่อไทยเห็นชอบร่วมกันขอเชิญชวนพรรคร่วมฝ่ายค้าน รัฐบาลและ ส.ว.ร่วมลงชื่อขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ ร่วมกันผลักดันร่วมเสนอญัตติที่พรรคเตรียมร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ
เร่งมือโละ ม.272 คืนบัตร ลต. 2 ใบ
โดยเฉพาะบทเฉพาะกาล ได้แก่ 1.การยกเลิกอำนาจ ส.ว.เลือกนายกฯมาตรา 272 โดยนอกจากเลือกนายกฯจากบัญชีพรรคการเมืองแล้วสามารถเลือกจาก ส.ส.ได้ด้วย 2.ยกเลิกอำนาจ ส.ว.ตามมาตรา 270 และมาตรา 271 3.การยกเลิกมาตรา 279 บทเฉพาะกาล ที่ทำให้ประกาศคำสั่งและการกระทำของ คสช.อยู่เหนือกว่าบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ และ 4.การแก้ไขระบบเลือกตั้งยกเลิกมาตรา 88, 83, 85, 90, 91 และ 94 เพื่อให้เป็นไปตามแนวทางของรัฐธรรมนูญ 2540 คือ ใช้บัตร 2 ใบ ทั้งหมดจะเสนอญัตติโดยเร็วที่สุดภายในวันที่ 9 ก.ย.
ลับมีดรอขย่มเวทีอภิปรายทั่วไป
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติในวันที่ 9 ก.ย.ว่า ฝ่ายค้านได้เวลาอภิปราย 10 ชั่วโมง จะแบ่งเวลาอภิปรายตามสัดส่วน ส.ส.แต่ละพรรค พรรคเพื่อไทยได้ 315 นาที พรรคก้าวไกล 150 นาที พรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นตามสัดส่วน ส.ส. ส่วนฝ่ายรัฐบาลได้ 5 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่เวลา 09.30 น.ถึงเที่ยงคืนเศษ เนื้อหาการอภิปรายภาพรวมการแก้ปัญหาเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัว นำไปสู่ผลทางการเมืองที่มีนักศึกษา ประชาชนเคลื่อนไหว จะซักถามและเสนอแนะการแก้ปัญหา แม้ชะลอการซื้อเรือดำน้ำไปแล้ว แต่จะสอบถามการใช้จ่ายงบฯส่วนอื่นๆสิ้นเปลือง ไม่สอดคล้องสถานการณ์ประเทศ แม้ไม่มีการลงมติแต่บรรยากาศคงไม่ต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะชี้ถูกผิดให้สังคมเห็นได้
อดีตประมุขนิติบัญญัติถกทางออก ปท.
เมื่อเวลา 14.00 น. ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัล ลาดพร้าว กลุ่มอดีตประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ อาทิ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา อดีตประธานรัฐสภาและประธานสภาฯ นายสุชน ชาลีเครือ อดีตประธานวุฒิสภา นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายวิวรรธนไชย ณ กาฬสินธุ์ อดีต ส.ส.กาฬสินธุ์ และเลขาธิการสมาพันธ์อดีตสมาชิกสภาฯร่วมจัดประชุมความคิด “ทางออกวิกฤติการเมืองไทย” ครั้งที่ 2 ในที่ประชุมมีการหยิบยกประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 และข้อเสนอของนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานสภาฯ ที่เสนอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม ลาออกเปิดทางให้มีนายกฯคนกลางมาพูดคุยกันด้วย
จี้แก้ ม.272 รื้อต่อ 256 รอ ส.ส.ร.ช้าไป
จากนั้นเวลา 15.00 น. นายสุชนให้สัมภาษณ์ว่า เรื่องใหญ่วันนี้ต้องแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 272 บทเฉพาะกาลเกี่ยวกับการเลือกนายกฯ ก่อนจะมีการแก้มาตรา 256 เพราะการตั้ง ส.ส.ร.อาจใช้เวลานาน นักศึกษาและประชาชนอยากให้แก้รัฐธรรมนูญ โดยเร็ว ปลดล็อกจำกัดอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ถ้ามียุบสภาฯ หรือนายกฯลาออกควรใช้มาตรา 159 เลือกนายกฯโดยให้เป็นหน้าที่ของสภาฯ มาตรา 272 ต้องแก้ไขทั้งวรรคหนึ่งและวรรคสองระหว่างนี้ต้องแก้พร้อมๆกัน ยังไม่สายเกินไปที่ทุกฝ่ายจะตัดสินใจร่วมมือกัน ทั้งนี้จะเสนอความคิดเห็นไปที่นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ และจะทำหนังสือถึงนายกฯต่อไป
“วันนอร์” หนุนนายกฯคนกลาง
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติและอดีตประธานสภาฯ กล่าวถึงกรณีนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ อดีตประธานสภาฯเสนอให้นายกฯลาออกเปิดทางให้มีนายกฯคนกลางว่า เป็นข้อเสนอค่อนข้างดี สมัยก่อนเมื่อเจอวิกฤติเศรษฐกิจ ไม่ว่าสมัย พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯทั้ง 2 ท่านลาออกโดยไม่เสียหาย มีทางลงด้วยดีอยู่ได้โดยไม่มีปัญหา พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ 6 ปีมีปัญหารอบด้าน เวลาของท่านและรัฐบาลหมดแล้ว ขอให้รัฐสภา ประชาชนช่วยกันคิดจะมีใครจะมาแก้ปัญหาบ้านเมือง อยุธยาไม่สิ้นคนดี หากดื้ออย่าคิดว่าจะไม่เป็นอย่างจอมพลถนอม กิตติขจรและจอมพล ป.พิบูลสงคราม
นายกฯให้กำลังใจคนเมืองสามหมอก
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนการประชุมนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม นำคณะเข้าพบนายกฯประชาสัมพันธ์งาน “มหกรรมวัฒนธรรมร่วมใจ รวมไทยสร้างชาติ” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15-20 ก.ย. ณ หอประชุมใหญ่ และลานกลางแจ้ง ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทยฟื้นฟู เยียวยา ชุมชน ศิลปินและผู้ประกอบการด้านศิลปวัฒนธรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากนั้นนายสุวพงศ์ กิติภัทย์พิบูลย์ ผวจ.แม่ฮ่องสอน นำคณะเข้าพบนายกฯประชาสัมพันธ์โครงการส่งเสริม ผลิตภัณฑ์โอทอปและผลิตภัณฑ์เด่นแม่ฮ่องสอน ส่งเสริมการตลาดสินค้าโอทอปในหมู่บ้าน ประชาสัมพันธ์ แหล่งท่องเที่ยวประจำจังหวัด
“สันติ” ยันด้วยศักดิ์ศรีจบปริญญา
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติว่า เรื่องเศรษฐกิจไม่ต้องเตรียมตัวอะไร ทำงานมาเกือบ 2 ปีรู้เต็มเปี่ยม ส่วนเรื่องวุฒิการศึกษา ต้องไปถามมหาวิทยาลัยรามคำแหง ทั้งตอนเรียนปริญญาตรี ปริญญาโท ขณะนี้ได้เรียนจบปริญญาเอก เมื่อ 6 เดือนที่ผ่านมา ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง สาขารถยนต์ไฟฟ้า กำลังรอรับพระราชทานปริญญาบัตร ขอเรียนด้วยศักดิ์และสิทธิ์ว่าวุฒิการศึกษาถูกต้องทุกอย่าง สมัยเป็น รมว.คมนาคม ปี 51 เคยถูกนำไปอภิปราย อธิการบดีสมัยนั้นยืนยันว่าเป็นปริญญาถูกต้อง 100% ชี้แจงแล้วเป็นความผิดพลาดที่แก้ไขแล้ว พวกคนเพี้ยนๆมีปากเที่ยวไปพูดทุกเรื่อง เมื่อถามว่าพร้อมรับตำแหน่ง รมว.คลังหรือไม่ นายสันติตอบว่า อย่าพูดดีกว่า เดี๋ยวคนจะหมั่นไส้เยอะ
หนุนซื้อเรือดำน้ำไว้เบ่งกล้ามโชว์
นายสันติกล่าวต่อว่าเรื่องความจำเป็นในการซื้อเรือดำน้ำ มีหลายฝ่ายพูดทั้งความจริงและไม่จริง รวมถึงเรื่องเรือดำน้ำด้วย ไทยมีสองฝั่งทะเลมองว่าควรจะมีเรือดำน้ำ 3 ลำ เพื่อปกป้องและเฝ้าระวังและ เบ่งกล้ามให้รู้ว่าเรากล้ามใหญ่ เพื่อปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ เรือประมง เรือสินค้า ถือว่าคุ้มค่า เป็นเหมือน กล้องซีซีทีวี เอาไว้ส่องบนอากาศ บนผิวน้ำ และใต้น้ำ ยืนยันว่าปราศจากการคอร์รัปชันเพราะว่าทางจีนตั้งใจผลิตให้ทางประเทศไทยเป็นพิเศษ โดยได้มีเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถอำพรางการมองเห็นจากฝ่ายที่ไม่หวังดี ระหว่างที่นายสันติให้สัมภาษณ์ได้ยกแขนขวาขึ้นมาทำท่าเบ่งกล้ามประกอบด้วย
ม.ร.การันตี “สันติ” จบรามฯจริง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฝ่ายประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง (ม.ร.) ได้ทำเอกสารข่าวชี้แจง การจบการศึกษาจาก ม.รามคำแหง ของนายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ระบุว่า ตามที่มีการนำเสนอ ข่าวเกี่ยวกับวุฒิการศึกษาของนายสันติ ในประเด็นสำเร็จการศึกษาจาก ม.ร.หรือไม่ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า นายสันติสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี และปริญญาโท คณะรัฐศาสตร์ จาก ม.ร.จริง ส่วนกรณีที่กล่าวหานายสันติทุจริตการสอบนั้นเป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เนื่องจากขณะนั้นมีการทุจริตการสอบที่เกิดขึ้นของบุคคลอื่นที่มีชื่อคล้ายกับนายสันติ คือนายศานติ พรมพัฒน์ ซึ่งได้พิจารณาลงโทษทางวินัยไปแล้ว กรณีการทุจริตการสอบไม่เกี่ยวข้องกับนายสันติ
ครม.ผ่านร่าง ก.ม.ประชามติ
เมื่อเวลา 13.10 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว. กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม.ว่า ครม.เห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. ...ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอมาเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ โดย กกต.ชี้แจงว่าการจะทำอะไรหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญอาจใช้งบฯ 2 ครั้งเป็นอย่างน้อย จากการคำนวณของ กกต.แจ้งว่าปกติใช้ 3 พันล้านบาท แต่ถ้าเป็นช่วงสถานการณ์โควิด-19 ต้องใช้งบฯเพิ่มอีกประมาณ 1 พันล้านบาท รวมประมาณ 4 พันล้าน บาท ต้องกระจายหน่วยเพิ่มขึ้น แต่ละหน่วยต้องน้อยกว่า 1 พันคน จึงทำให้จุดลงคะแนนมากขึ้น ทำให้ต้นทุนการใช้จ่าย กกต.มากขึ้นตาม ถ้ารวมต้นทุนของรัฐสภาด้านเอกสาร เฉลี่ยประมาณครั้งละ 4-5 พันล้านบาท ไม่ได้ว่าอะไรเล่าให้ฟังเฉยๆ อย่าหาว่าตนไม่สนับสนุนแล้วกัน ถ้าไม่สนับสนุนไม่ทำกฎหมายประชามติหรอก ไม่ได้อ้างเหตุผลพวกนี้ว่าจะทำหรือไม่ทำ แต่ถ้าอยากจะทำก็ทำกันไป รัฐบาลต้องเตรียมงบฯเหล่านี้ไว้ นายกฯกล่าวก่อนจะถอนหายใจและว่าอีกอันคือการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ปีนี้จะมีการเลือกสักประเภทใดประเภทหนึ่งก่อน ครั้งหนึ่งใช้งบฯอยู่ที่ 2-3 พันล้านบาท จะทำพร้อมกันไม่ได้ ต้องเว้นระยะ 60 วัน อะไรทำนองนี้ และการดำเนินการมีหลายขั้นตอน
ม็อบแท็กซี่ยื่น 6 ข้อ รบ.แก้ปัญหา
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่บริเวณประตู 5 ทำเนียบรัฐบาล ฝั่งตรงข้ามกระทรวงศึกษาธิการ กลุ่มคนขับแท็กซี่ ร่วมกับสหกรณ์แท็กซี่กว่า 500 คน นำโดยนายวรพล แกมขุนทด นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่ รถยนต์สาธารณะ ยื่นหนังสือถึงนายกฯ โดยนายวรพลกล่าวว่า มีข้อเรียกร้อง 6 ข้อ อาทิ ให้ยกเลิก ร่างแก้ไข พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ที่อนุญาตรถยนต์ส่วนบุคคลรับจ้างผ่านแอปพลิเคชันหรือระบบอื่นใด ให้ยกร่างกฎหมายรถยนต์รับจ้างสาธารณะ (แท็กซี่) แก้ พ.ร.บ.พ.ศ. 2522 ให้ขยายอายุรถยนต์รับจ้างจากเดิม 9 ปี ให้ขยายอายุ 12 ปี ให้ทบทวนประกาศ กรมการขนส่งทางบกบังคับให้รถยนต์รับจ้างสาธารณะแท็กซี่ต้องติดตั้งอุปกรณ์จีพีเอสแท็กซี่โอเค
“เอกชัย–ไมค์” ให้กำลังใจ รบ.ญี่ปุ่น
ที่หน้าสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น คณะคุณพระช่วยจำนวนหนึ่ง รวมตัวแสดงจุดยืนต่อคณะเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และกลุ่มไทยภักดี ที่แทรกแซงกระบวน การยุติธรรมของทางการญี่ปุ่นกรณีการแสดงความเห็นของนายปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์ ทั้งนี้ มีนายเอกชัย หงส์กังวาน นายภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์ ระยอง) ร่วมกิจกรรม จากนั้นมอบใบแถลงการณ์ พร้อมกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจ โดยมีตัวแทนเจ้าหน้าที่สถานทูตออกมารับ ตัวแทนคณะคุณพระช่วย เปิดเผยว่า ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพการแสดงออกเท่าเทียมกัน จึงมาให้กำลังใจนายปวิน รวมถึงสถานทูตและประเทศญี่ปุ่น เพราะคณะเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และกลุ่มไทยภักดี ยื่นหนังสือกดดันรัฐบาลญี่ปุ่นอย่างไม่เหมาะสม มักแอบอ้างสถาบันฯเพื่อสั่งการให้ผู้อื่นมีความเห็นสอดคล้องต่อแนวคิดหรือก่อให้เกิดแรงจูงใจในการเชื่อฟัง และปฏิบัติตามสิ่งที่กลุ่มตนต้องการ ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดต่อสถาบันฯ
บชน.ไร้กังวลชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย.
ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวถึงกรณีนักศึกษานัดชุมนุมใหญ่ในวันที่ 19 ก.ย. ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ว่า ตำรวจดำเนินการตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ส่วนจะมีการเตรียมแผนกรกฎ 52 หรือไม่นั้นไม่ได้ดำเนินการอะไรเป็นพิเศษ มีเพียงสั่งให้เตรียมพร้อมรักษาความสงบตามแผนที่ได้มี การกำหนดไว้เท่านั้น กรณีผู้ชุมนุมจะเข้าไปใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงจะต้องมีการขออนุญาตหน่วยงานที่รับผิดชอบ เมื่อถามว่า หากนายอานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก (ไมค์ระยอง) ขึ้นเวทีตำรวจจะรวบรวมพยานหลักฐานขอให้ศาลถอนการประกันหรือไม่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ตอบว่า หากขึ้นเวทีอีกก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง หากผิดกฎหมายอื่นๆก็ดำเนินการตามกฎหมาย การชุมนุมตำรวจไม่ได้มีความกังวล เนื่องจากที่ผ่านมาเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ขอให้ผู้จัดกิจกรรมทำตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะและกฎหมาย
ไฟเขียวแต่งตั้ง ผวจ.–ผต.26 ราย
ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล แถลงว่า ครม.มีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอบัญชีรายชื่อแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูง 26 ราย ดังนี้ 1.นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผวจ.ลำพูน เป็นผวจ.ตาก 2.นายเอกรัฐ หลีเส็น ผวจ.นราธิวาส เป็นผวจ.สตูล 3.นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 4.นายเฉลิมพล มั่งคั่ง เป็นผู้ตรวจฯ 5.นายชาธิป รุจนเสรี เป็นผู้ตรวจฯ 6.นายโชคดี อมรวัฒน์ เป็นผู้ตรวจฯ 7.นายปริญญา โพธิสัตย์ เป็นผู้ตรวจฯ 8.นายไพบูลย์ ณะบุตรจอม เป็นผู้ตรวจฯ 9.นายภาสกร บุญญลักษม์ เป็นผู้ตรวจฯ 10.นายภิรมย์ นิลทยา เป็นผู้ตรวจฯ 11.นายภูสิต สมจิตต์ เป็นผู้ตรวจฯ 12.นายสันติ เหล่าบุญเสงี่ยม เป็นผู้ตรวจฯ 13.นายธีระ อนันต-เสรีวิทยา เป็น ผวจ.ชุมพร 14.นายขจรศักดิ์ เจริญโสภา เป็น ผวจ.ตรัง 15.นายเจษฎา จิตรัตน์ เป็น ผวจ.นราธิวาส 16.นายสมหวัง พ่วงบางโพ เป็น ผวจ.แพร่ 17.นายเกียรติศักดิ์ ตรงศิริ เป็น ผวจ.มหาสารคาม 18. นายวีระชัย นาคมาศ เป็น ผวจ.มุกดาหาร 19.นายสิทธิชัย จินดาหลวง เป็น ผวจ.แม่ฮ่องสอน 20.นายชลธี ยังตรง เป็น ผวจ.ยโสธร 21.นายสมเกียรติ ศรีษะเนตร เป็น ผวจ.ระนอง 22.นายวรยุทธ เนาวรัตน์ เป็น ผวจ.ลำพูน 23.นายวิรุฬ พรรณเทวี เป็น ผวจ.สุโขทัย 24.นางศิวพร ฉั่วสวัสดิ์ เป็น ผวจ.หนองบัวลำภู 25.นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี เป็น ผวจ. อ่างทอง และ 26.นายผล ดำธรรม เป็น ผวจ.อุตรดิตถ์
“เอ๋” งานงอก ป.ป.ช.สอย 2 ข้อหา
อีกเรื่อง นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ 2 ข้อหา คือกรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และกระทำความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากการครอบครองพื้นที่ป่าสงวน จะเรียก น.ส.ปารีณามารับทราบข้อกล่าวหาหากไม่มาถือเป็นสิทธิ์ จะส่งหนังสือทางไปรษณีย์ให้ชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาหรือแจงพยานหลักฐานเพิ่มเติมใน 15 วัน หากครบกำหนดถือว่าไม่ประสงค์จะแก้ข้อกล่าวหาเพื่อหักล้าง จะดำเนินการนำไปสู่การไต่สวนจนถึงขั้นชี้มูลความผิด น.ส.ปารีณายังเป็นผู้บริสุทธิ์คดียังไม่ชี้มูลความผิด ส่วนกรณียื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ไม่ได้มีเพียงที่ดิน 1,700 ไร่ ที่ จ.ราชบุรี แต่ยังมีรายการทรัพย์สินอื่น ยังต้องตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐช่วยเหลือ น.ส.ปารีณาครอบครองพื้นที่ป่าสงวนหรือไม่ แต่ยังไม่พบเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง
แถลงโต้ ป.ป.ช.มองมุมเดียว
ที่รัฐสภา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ แถลงกรณีที่ถูก ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหาแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และผิดจริยธรรมจากการบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติว่า ไม่หนักใจ เตรียมเอกสารหลักฐานต่างๆพร้อมไว้ชี้แจงต่อ ป.ป.ช. เช่น กรณี ป.ป.ช.สงสัยการให้กู้เงิน 7.7 ล้านบาท ที่ลูกหนี้ปฏิเสธไม่มีการกู้เงินจริงนั้นตนมีหลักฐานเป็นหนังสือกู้ยืมเงิน คดีอยู่ระหว่างฟ้องร้องกันในชั้นศาล ป.ป.ช.อาจมองแค่มุมเดียวแต่ไม่เห็นหลักฐานทั้งหมด จึงคิดว่าตนไม่มีสถานะเป็นเจ้าหนี้จริง ขณะที่ข้อสงสัยราคาพระสมเด็จบางขุนพรหมราคา 2.5 ล้านบาท เป็นทรัพย์สินที่แบ่งสมบัติจากอดีตสามี เป็นราคาที่อดีตสามีเป็นผู้แจ้งมา จึงแจ้งต่อ ป.ป.ช.ตามที่อดีตสามีระบุ ไม่รู้เรื่องพระ ไม่เกี่ยวกับการปั่นราคาในเชิงพาณิชย์ มั่นใจชี้แจง ป.ป.ช.ได้ทุกประเด็น
ทนายโบ้ยฝ่ายบัญชีผิดพลาด
นายทศพล เพ็งส้ม ทนายความ น.ส.ปารีณา กล่าวว่า ข้อหาแรกการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จมี 3 เรื่องคือ 1.ไม่เชื่อว่า น.ส.ปารีณามีสถานะเป็นเจ้าหนี้เงินกู้ 7.7 ล้านบาทจริง ลูกหนี้ปฏิเสธว่าไม่ได้กู้เงิน มีหลักฐานชัดเจนเป็นหนังสือกู้ยืมเงิน อยู่ระหว่างฟ้องร้องเป็นคดีความ 2.ราคาพระสมเด็จบางขุนพรหม 2.5 ล้านบาท ได้จากอดีตสามีแจ้งราคาตามที่อดีตสามีบอก 3.การแจ้งเท็จการครอบครองที่ดิน ภบท.5 รวม 58 แปลง ภบท.5 ที่ครอบครองอยู่จริงมี 29 แปลง ไม่ใช่ 58 แปลง 29 แปลงที่เหลือถ้านำมาเทียบจะเป็นแปลงเดียวกับ 29 แปลงที่มีอยู่จริงแต่ที่แจ้งไป 58 แปลง เนื่องจากฝ่ายบัญชีเข้าใจคลาดเคลื่อนในการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ยื่นเอกสารไปทั้งหมด โดยไม่รู้ว่ามีรายการที่ดินที่ซ้ำซ้อนเป็นรายการเดียวกันอยู่ ยืนยันว่าไม่มีการสวมรอยเอาที่ดินคนอื่นมาแจ้ง
ส่งหนังสือแจงเงินกู้–พระเครื่อง
นายทศพลกล่าวว่า ข้อหาที่ 2 การแจ้งข้อหาเรื่องการทำผิดจริยธรรมนั้น ขณะนี้กำลังตรวจสอบว่า ป.ป.ช.แจ้งข้อหาเรื่องผิดจริยธรรมร้ายแรงในหมวดใดเพราะมีทั้งจริยธรรมทั่วไปและจริยธรรมร้ายแรงจะได้เตรียมหลักฐานมาต่อสู้คดี ทั้ง 2 ข้อหา เราไม่หนักใจ แต่กังวลแค่ประเด็นผิดจริยธรรมที่ยังไม่รู้รายละเอียดเท่าใด ทั้งนี้ ในวันที่ 10 ก.ย. จะทำหนังสือชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาส่งไปยัง ป.ป.ช.ก่อนใน 2 ประเด็น กรณีให้กู้เงิน 7.7 ล้านบาท และราคาพระเครื่อง ส่วนเรื่องที่ดิน ภบท.5 อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อนำไปชี้แจงและเรื่องทำผิดจริยธรรมกำลังพิจารณาอยู่ว่า ป.ป.ช.จะให้ชี้แจงในประเด็นใด น.ส.ปารีณาพร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา