“ยุ่งตายห่า” การเมืองมาถึงจุด “ซินแส” ขัดขากับ “โหร”

ตามปรากฏการณ์แบบที่ “ซินแสเข่ง” นายชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์ พยากรณ์ประเทศไทย จับยามสามตาวิเคราะห์ดวงการเมือง

ตรวจชะตาของรัฐบาลและคณะรัฐมนตรีในทีม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม

ฟันธงแบบไม่กั๊ก โหงวเฮ้งเดินอยู่ที่ “ปลายคาง” ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในรอบอายุ 75–76 ขวบปี มีความมั่นคงในดวงชะตา มีความเป็นผู้นำที่สามารถเข้ามาบริหารบ้านเมืองได้

มาแรงแซงโค้งจะยึดเก้าอี้หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปูทางตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

“อวยกันไส้แตก” ไม่กลัวหน้าแหก เสียยี่ห้อ “ซินแสเข่ง”

แต่นั่นก็สวนทางไปกันคนละทิศคนละตำรากับ “โหรท็อปบูต” นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ เจ้าสำนักสุขิโต เชียงใหม่ เปิดนิมิตหลวงปู่เกวาลัน ส่งซิกถึงลูกศิษย์ทหารเสือ

ดวงของ พล.อ.ประยุทธ์ยังต้องทำหน้าที่ต่อแต่จะเหนื่อยหน่อย การปรับ ครม.ยังไม่ใช่เวลานี้ แม้แต่ในพรรคพลังประชารัฐเองก็ยังไม่ควรมีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงใดๆ ควรร่วมแรงร่วมใจขับเคลื่อนดีกว่า ไม่ใช่มาก่อปัญหาแบบนี้มันไม่ถูก เมื่อเป็นรัฐบาลอยู่แล้ว

คนที่ยังไม่มีหน้าที่ก็อย่าเพิ่งเลย เพราะถ้าออกมาก็จะเสียหายมากกว่า ให้ผู้มีหน้าที่ได้ทำหน้าที่เพื่อบ้านเมืองต่อ เพราะช่วงเดือนกรกฎาคม สิงหาคม และกันยายน จะมีเรื่องของภัยธรรมชาติ ควรจะตั้งรับด้วยความสามัคคี

การทำงานของ 3 ป. ยังมีหน้าที่เดินไปด้วยกัน แต่ต้องมาคุยกัน จับมือกัน และอย่าไปฟังใคร

...

“นั่งทางนอกส่องทางใน” โหรวารินทร์อ่านดวงดาวเจือกับข้อมูลดิบจากลูกศิษย์ตามสูตรโหรท็อปบูต

โดยฟอร์ม “โหรวารินทร์” ย่อมข่ม “ซินแสเข่ง” อยู่ในที

แต่ ณ นาทีนี้ เดาทางได้ในอารมณ์ของ “บิ๊กป้อม” ต้องเคลิ้มตาม “ซินแสเข่ง” ที่อวยไส้แตก บวกกับเสียงคณะแตรวงของขบวนแห่ “พี่ใหญ่” ขึ้นยึดป้อมพลังประชารัฐ มัดเป็นเงื่อนไขโยงเขย่าเกมปรับ ครม.

จ่อลุยหักดิบ ไม่ได้ยินเสียงนกเสียงกา ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมแล้ว

ตามแนวโน้มสถานการณ์มันจึงอยู่ที่ “เบอร์หนึ่ง” อย่าง “บิ๊กตู่” ผู้กุมดุลอำนาจถือสิทธิ์ขาดในการกำกับ “พังงา” รัฐบาลเรือเหล็ก บรรทุกภารกิจนำประเทศไทยฝ่ามรสุมโควิด วิกฤติหนักสุดในประวัติศาสตร์ ในภาวะเต็มไปด้วยสนิมเนื้อใน ระหว่างทางเต็มไปด้วยหินโสโครก โอกาสพลาดชนอับปางได้ทุกจังหวะ

กัปตันจะเลือกเดินเรือตามดวงดาวของ “ซินแส” หรือ “โหร”

ที่แน่ๆตามผล “ซูเปอร์โพล” ล่าสุด ประชาชนเริ่มหมดความอดทนกับเกมแย่งชิงอำนาจในพรรคพลังประชารัฐ ยี้กลุ่มก๊กใน พปชร.ไร้กาลเทศะช่วงชิงชามข้าวกันไม่เว้นในภาวะความเป็นความตายของชาวบ้าน

กระเทือนคะแนนนิยมรัฐบาล “ลุงตู่” ลดลงฮวบฮาบ

จากฐานสนับสนุนของประชาชนต่อรัฐบาล ตกจากร้อยละ 46.9 เหลือร้อยละ 36.1 หายไปกว่าร้อยละ 10 สวนทางกับกลุ่มผู้ไม่สนับสนุนรัฐบาลที่เพิ่มจากร้อยละ 22 เป็นร้อยละ 34.1

ตัวเลขสวิงข้าง เปลี่ยนขั้วกันเห็นๆเลย

ล้อกับคนกลางๆที่เริ่มสะท้อนสัญญาณแรงๆไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ อย่างที่นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊ก “เกรงใจประชาชนบ้าง”

นักการเมืองอยู่ดีๆก็ออกมาช่วงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ไม่มีอะไรจะทำกันแล้วหรือ ไทยเพิ่งผ่านยกแรกของการเอาชนะโควิด ยังต้องต่อสู้กับการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่พรรคกลับทำเรื่องบาดหัวใจประชาชน แย่งเก้าอี้กัน

คนกลางๆในสังคม กองเชียร์ “ลุงตู่” อารมณ์สะดุด

มันจึงเป็นอะไรที่เลยจุด “ลอยตัว” ตามข่าววงในที่ออกมา ท่าทีของ พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยให้ พล.อ.ประวิตรกับก๊วน ก๊ก แก๊ง ในพรรคพลังประชารัฐ ไปจัดการเคลียร์ปัญหาแย่งชามข้าวกันเอง

ตัวนายกรัฐมนตรีจะรับผิดชอบบริหารจัดการแค่ใน ครม.

เมื่อโพลมันสะท้อนชัด คนกลางๆเริ่มออกอาการอึดอัด ความปั่นป่วนของแก๊งการเมืองในพลังประชารัฐมันกระเทือนคะแนนรัฐบาล “บิ๊กตู่” คงลอยชาย ปล่อยให้ฟาดปากกันนัว

ไม่นาน “ลูกหลง” ลามถึงตัว พล.อ.ประยุทธ์แน่

แต่นั่นไม่นับฝ่ายตรงข้ามที่ตั้งแถวรอ “ฉลองกฐิน” ตามลีลาของนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทีม “จับตาย” พล.อ.ประวิตร ที่ไล่บี้กัดติด “พี่ใหญ่” มาตั้งแต่การลากหนีศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ รีบแสดงความยินดีต้อนรับ “เวลคัม” พล.อ.ประวิตรนั่งแท่นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐคนใหม่

“แต่ความจริงแล้วคุณประวิตรก็อายุมากแล้ว ควรจะไปใช้ชีวิตวัยเกษียณที่บ้านได้แล้ว ประเทศไทยบอบช้ำมากพอแล้วครับ อย่าทำร้ายประเทศไทยไปมากกว่านี้เลย”

ยิ่งเสียงแห่เร้า ขบวนหาม “พี่ใหญ่” ยึดค่ายพลังประชารัฐร้อนแรง ยิ่งเรียกแขกสองข้างทาง

เสียงอวย เสียงโห่ เสียงยี้ “บิ๊กตู่”หนีไม่ออก ต้องรับเป็นเจ้าภาพเอง.

ทีมข่าวการเมือง