เป็น 1 ใน 6 รัฐมนตรี ที่โดนจับขึ้นเขียง! ยอมกราบเท้าเสรีฯ แลกการถอนฟ้อง
6 พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติเชือด “ประยุทธ์กับพวก” ขึงพืดถลกหนัง 6 รมต.พลังประชารัฐพรรคเดียว ไม่แตะพรรคร่วมรัฐบาล “อนาคตใหม่” ชงใส่ชื่อ “ประวิตร” 10 นาทีสุดท้ายก่อนปิดซองส่งถึงมือ “ชวน” เผยญัตติดุเดือดเฉ่งผู้นำกร่างเถื่อนไม่ศรัทธาประชาธิปไตย ล้มล้าง รธน.สืบทอดอำนาจ เข้าข้างคนชั่วเอื้อพวกพ้อง ทุจริตเฟื่องฟูบ้านเมืองถึงล่มจม ตั้งข้อหา “บิ๊กป้อม” รวยผิดปกติ ฝ่าฝืนจริยธรรม งาบงบฯรัฐสร้างความมั่งคั่ง “บิ๊กป๊อก” โดนทุจริตต่อหน้าที่ ฉ้อฉลโกงกินในหน่วยงาน-อปท. “สมพงษ์” ปัดเกี้ยเซียะปล่อยผี “ศักดิ์สยาม” ด้าน “วันนอร์” ชี้ล็อกเป้าใหญ่รุมกินโต๊ะ “บิ๊กตู่” ขู่รัฐบาลตีรวนเจอสวนเกมแรง “สุทิน” คาดเปิดเขียงขย่ม 3 วัน 19-21 ก.พ. “ประยุทธ์” สั่ง ครม.เศรษฐกิจทำการบ้านสู้ศึก “ลุงป้อม” ลั่นมีชื่อก็ต้องชี้แจง ประธานสภาฯสอบทุกกรณี ส.ส.กดบัตรแทนกัน “เสรีพิศุทธ์”จ่อยื่นสอบเพิ่ม “ชัยวุฒิ-ภริม”
พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแล้ว คาดเริ่มเปิดเวทีซักฟอกในวันที่ 19 ก.พ. ล็อกเป้าถล่ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กับพวก รวม 6 รัฐมนตรี ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ มีชื่อติดโผ 10 นาทีสุดท้ายก่อนยื่นญัตติถึงมือนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เนื้อหาญัตติดุเดือดระบุปล่อยไว้ประเทศชาติจะถึงกับล่มจม
ฝ่ายค้านยื่นญัตติไม่ไว้วางใจ 6 รมต.
...
เมื่อเวลา 11.13 น. วันที่ 31 ม.ค. ที่รัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยแกนนำ 6 พรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกอบด้วย เพื่อไทย อนาคตใหม่ ประชาชาติ เพื่อชาติ พลังปวงชนไทย และเสรีรวมไทย ได้ยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ นายสมพงษ์กล่าวว่า ขอเสนอญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 151 ตามรายนามดังต่อไปนี้ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ 3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ 4.พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย 5.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ และ 6.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ โดยมีพฤติการณ์ซึ่งคงจะกราบเรียนต่อท่านประธานในวันอภิปราย
“ชวน” ชี้รัฐบาลยุบสภาฯหนีไม่ได้
นายชวนกล่าวว่า จะรับไปตรวจสอบความถูกต้องตามข้อบังคับ ถ้ามีอะไรที่ขาดตกบกพร่องก็ต้องแจ้งไปยังผู้เสนอภายใน 7 วัน และเมื่อเห็นว่าถูกต้องแล้ว จะบรรจุเป็นวาระด่วน แต่ก่อนที่จะกำหนดวันประชุมเป็นวันไหนนั้น ต้องหารือกับทั้ง 2 ฝ่าย ถึงความพร้อมก่อน เมื่อถามว่า เมื่อฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ถือว่ายุบสภาฯไม่ได้แล้วใช่หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า ตามกฎหมายรัฐบาลไม่สามารถยุบสภาฯได้ ส่วนการปรับ ครม.เป็นคนละเรื่องกัน
ฉะผู้นำกร่างสืบอำนาจเอื้อพวกพ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลอย่างเป็นทางการ ที่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านยื่นต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ มีจำนวน 3 หน้ากระดาษ ระบุถึงพฤติกรรมของนายกฯและรัฐมนตรี รวมทั้ง 6 คน ที่จะถูกอภิปรายอย่างละเอียด ดังนี้ 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นผู้ไม่ยึดมั่นและศรัทธาต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล้มล้างรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ กระทำการเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ใช้อำนาจที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม ละเมิดหลักนิติธรรมและสิทธิเสรีภาพของบุคคลอย่างกว้างขวาง เป็นผู้นำประเทศที่กร่างเถื่อน มองคนเห็นต่างเป็นศัตรู ปิดปากผู้ที่มีความเห็นต่าง ชอบก่นด่าเมื่อถูกซักถาม เมื่อได้อำนาจมาโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญก็สร้างกลไกในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพื่อมุ่งสืบทอดอำนาจของตนเอง ปล่อยให้มีการทุจริตเต็มบ้านเต็มเมือง ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเอง บริวารและพวกพ้องเข้าข้างคนชั่วที่เป็นพวกโดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม
แทรกแซงกระบวนยุติธรรม–ขัด รธน.
“บริหารราชการแผ่นดินโดยขาดความรู้ความผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ขาดคุณธรรม จริยธรรม แทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของข้าราชการประจำ องค์กรในกระบวนการยุติธรรม เรียกได้ว่าเป็น “ยุคยุติธรรมหมดตรง” บังคับใช้กฎหมายโดยเลือกปฏิบัติไม่เป็นไปตามหลักความเสมอภาค ไม่เคารพและปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ไม่ปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เสียสละ เปิดเผย ไม่มีความรอบคอบและระมัดระวังในการดำเนินกิจการต่างๆ เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศและประชาชนส่วนรวม มีการกระทำอันเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติทุจริตต่อหน้าที่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง”
บริหาร ศก.เหลวซื้อแต่อาวุธเมินปากท้อง ปชช.
นอกจากนี้ นายกฯ ไม่รักษาวินัยการเงินการคลัง ใช้งบประมาณของรัฐสร้างคะแนนนิยมให้กับตนเองและพรรคการเมืองโดยมิได้คำนึงถึงภาระด้านงบประมาณของประเทศเป็นยุคที่เงินกำลังจะหมดคลัง ไม่ยึดตามหลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี ลุแก่อำนาจ ขาดภาวะผู้นำ ไม่เสริมสร้างให้ทุกภาคส่วนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างเป็นธรรม ผาสุก และสามัคคีปรองดองกัน แต่กลับสร้างความขัดแย้งให้ขยายวงกว้าง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพในการดูแลด้านเศรษฐกิจส่งผลให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจกับประชาชนทุกภาคส่วน ก่อให้เกิดสภาพรวยกระจุก จนกระจาย ประชาชนสิ้นหวัง ให้ความสำคัญกับการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มากกว่าปัญหาเศรษฐกิจ ปากท้องประชาชน
ทุจริตเฟื่องฟูปล่อยไว้บ้านเมืองถึงล่มจม
“ล้มเหลวในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลอกลวงประชาชนไม่ทำตามนโยบายที่พรรคการเมืองที่สนับสนุนตนหาเสียงไว้ทั้งเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ ราคาพืชผลทางการเกษตรและลดภาษีเงินได้ ไม่มีความชื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ การ บริหารราชการแผ่นดินของ พล.อ.ประยุทธ์ ส่งผลกระทบและความเสียหายแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างกว้างขวาง เป็นยุคที่ทุจริตเฟื่องฟู น้ำกำลังจะหมดเขื่อน มวลอากาศเป็นพิษเต็มเมือง เศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง หากปล่อยให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงจนประเทศถึงแก่ความล่มจมได้”
“บิ๊กป้อม” รวยผิดปกติฝืนจริยธรรมร้ายแรง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและพวกพ้อง ใช้งบประมาณของรัฐเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ จงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
“วิษณุ” มือ ก.ม.อภินิหารไม่ซื่อสัตย์สุจริต
3.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบด้านกฎหมายได้ใช้ตำแหน่งหน้าที่เข้าไปก้าวก่าย แทรกแซง การปฏิบัติหน้าที่ขององค์กรในกระบวนการยุติธรรม เพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองและผู้อื่น เป็นเหตุให้เกิดความเสียหายด้านการเงินแก่รัฐจำนวนมาก บังคับใช้และตีความกฎหมายโดยไม่ยึดหลักการและบรรทัดฐานที่ถูกต้อง จนทำให้การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องของอภินิหาร เพื่อช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้กับพวกพ้อง ชี้นำการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐและองค์กรอิสระและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
“บิ๊กป๊อก” ฉ้อฉลปล่อยทุจริตกินงบฯ อปท.
4. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรม และจริยธรรม มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ ฉ้อฉล ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์อันมิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเอง บริวารและพวกพ้อง กลั่นแกล้งข้าราชการประจำ ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของข้าราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อประโยชน์ตนเองและพวกพ้อง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตและประพฤติมิชอบในหน่วยงานที่กำกับดูแลอย่างกว้างขวาง จงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบเกี่ยวกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
“ดอน” จะพาชาติสู่วังวนขัดแย้ง
5.นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ก้าวก่ายแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ประจำของข้าราชการเพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องโดยมิใช่อำนาจหน้าที่ของตนตามที่กฎหมายบัญญัติ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม ทำให้การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นไปตามครรลองที่กำหนดไว้ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทข้ามชาติ ส่อว่าจงใจปฏิบัติหน้าที่และใช้อำนาจขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง นำพาชาติเข้าสู่ความขัดแย้งระหว่างประเทศและไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์
“ธรรมนัส” ผู้มีอิทธิพลต้องห้ามนั่ง รมต.
6. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ บริหารราชการแผ่นดินผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ล้มเหลว ไร้ประสิทธิภาพ ขาดคุณธรรมและจริยธรรม ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ขาดคุณสมบัติและมีลักษณะต้องห้ามในการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เข้าสู่ตำแหน่งโดยไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพล ปกป้องพวกพ้องโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติ
ใส่ชื่อ “ประวิตร” 10 นาทีก่อนปิดซอง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคร่วมฝ่ายค้านว่า รายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เพิ่งจะลงตัวก่อนยื่นญัตติต่อประธานสภาฯ ไม่ถึง 10 นาที ช่วงเช้า ที่ห้องประชุม 301 ชั้น 3 อาคารวุฒิสภาฯ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นัดแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านมาหารืออีกครั้งหลังเคาะชื่อรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย 5 คนเมื่อช่วงค่ำวันที่ 30 ม.ค. แกนนำพรรคเข้าร่วมพร้อมเพรียง ขาดเพียงตัวแทนพรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่ส่งหนังสือไปถึงผู้นำฝ่ายค้านถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่ประชุมหยิบยกรายชื่อรัฐมนตรีที่ควรถูกอภิปรายมาหารืออีกครั้ง นายนิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย เสนอให้อภิปรายนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ระบุมีข้อมูลน่าจะมีผลประโยชน์ทับซ้อน ที่ประชุมขอให้เสนอผู้ร่วมอภิปราย แต่นายนิคมมีเสียงเดียว ข้อมูลที่จะอภิปรายจะไม่ครอบคลุมจึงไม่ได้เสนอชื่อนายอนุทินเข้าไป ขณะที่นายสงครามและนายปิยบุตร ได้แจ้งต่อที่ประชุมมีข้อมูลสำคัญมากพอที่จะชี้ให้เห็นถึงพฤติการณ์หลายอย่างของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ได้เตรียมผู้อภิปรายไว้แล้ว เมื่อที่ประชุมรับฟังจึงตัดสินใจให้เพิ่มชื่อ พล.อ.ประวิตรเข้าไปด้วย
ถกเครียดก่อนยื่นญัตติถึงมือ “ชวน”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในห้องประชุมค่อนข้างตึงเครียด ช่วงหนึ่งนายสงคราม นายนิคมเดินออกมานอกห้องประชุมพูดคุยกันอย่างเคร่งเครียด รวมทั้งนายภูมิธรรมเดินออกมาคุยโทรศัพท์ไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเช่นกัน การหารือล่วงเลยเวลานัดหมายสื่อมวลชน 10.30-11.00 น. ว่าจะไปยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อประธานรัฐสภาฯ เจ้าหน้าที่สภาฯ ต้องแจ้งเตือนหน้าห้องการประชุมว่า “ท่านประธานจะขึ้นนั่งบัลลังก์แล้ว” แต่ไม่กล้าเข้าไปแจ้งในห้องประชุมที่กำลังหารือลับ ไม่อนุญาตให้ผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปในห้องประชุม กระทั่งถึงเวลา 11.05 น. จึงสรุปรายชื่อแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่พรรคเพื่อไทย รีบวิ่งไปปรินต์เอกสารที่ห้องทำงานพรรคเพื่อไทยที่อยู่ไม่ห่างกันนัก
ตัด “อนุทิน–สมคิด–อุตตม” ผวาเวลาไม่พอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สาเหตุที่ต้องตัดชื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ทั้งที่มีข้อมูลครบถ้วน เป็นเพราะฝ่ายค้านประเมินกันแล้วว่าประธานสภาฯจะให้เวลาอภิปรายเพียง 3 วัน ถ้าอภิปรายทั้งหมดต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4-5 วัน เมื่อมีเวลาจำกัด อาจทำให้ข้อมูลขาดหายไปได้ จึงเลือกที่จะตัดบางรายชื่อออกไป เพื่อให้การอภิปรายสมบูรณ์ที่สุด
พรรคร่วมจับมือล็อกเป้าถล่มยับ “บิ๊กตู่”
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า รายชื่อรัฐมนตรีที่ถูกยื่นอภิปรายทั้ง 6 คน กรณี พล.อ.ประยุทธ์ พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคร่วมเสนอให้อภิปราย พรรคอนาคตใหม่เสนอชื่อ พล.อ.ประวิตร สำหรับ พล.อ.อนุพงษ์ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้เสนอ นายวิษณุ เสนอชื่อโดยพรรคเพื่อไทยและพรรคเสรีรวมไทย ส่วนนายดอน พรรคเพื่อไทยเป็นผู้เสนอชื่อ ขณะที่ผู้เสนอชื่อ ร.อ.ธรรมนัส คือพรรคอนาคตใหม่ โดยพรรคการเมืองใดจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใด พรรคที่เป็นผู้เสนอจะเป็นเจ้าภาพหลัก แต่พรรคอื่นร่วมอภิปรายได้ และน้ำหนักในการอภิปรายครั้งนี้จะตกไปอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ 60-70% เพราะมีทั้งภาพรวมการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่องเศรษฐกิจและความมั่นคง ที่นายกฯเป็นผู้รับผิดชอบหลักทั้งหมด ส่วนคนอื่นๆจะโดนเฉพาะเรื่องที่ตัวเองเกี่ยวข้อง
“สมพงษ์” ปัดเกี้ยเซียะ “ศักดิ์สยาม”
ต่อมาเวลา 11.20 น. ที่รัฐสภา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและผู้นำฝ่ายค้าน แถลงว่าการเลือกรายชื่อมาอภิปรายรัฐมนตรี 6 ท่าน เพราะต้องเลือกที่มีข้อมูลแน่นอน ต้องรอให้ประธานสภาฯกำหนดวันอภิปรายก่อน กรอบเวลาพูดคุยกับประธานสภาฯเเล้วว่าอยากได้ 3-4 วัน ต้องคุยกับรัฐบาลอีกครั้ง ส่วนเหตุผลการตัดรัฐมนตรีบางรายชื่อออกไป เพราะเมื่อดูข้อมูลมีความชัดเจน แต่จะกระจ่างหรือแน่นอนแค่ไหนหรือไม่ เมื่อถามว่ามีการล็อบบี้ดีลเพื่อไม่ให้อภิปรายรัฐมนตรีบางคน นายสมพงษ์ ตอบว่า “ไม่มีมั้งเรื่องการดีล ถ้ามีการดีลผมจะต้องคุยกับรัฐมนตรี รองนายกฯ ทั้งหมดหรือไม่ ไม่มีแน่นอนเรื่องการดีลและจากที่สื่อได้ลงข่าวไปว่าได้ไปดีลกับ รมว.คมนาคม ผมได้เรียนชี้แจงไปแล้วว่า ผมไม่ได้คุยอะไรมากมายกับรัฐมนตรี เพียงแค่สอบถามว่า คุณพ่อสบายดีหรือไม่ ช่วงที่ท่านยังไม่เสียชีวิต ผมเรียนไปด้วยว่าจะไปขอเยี่ยม ยังไม่ทันไปเยี่ยม ท่านก็กลับบุรีรัมย์เสียก่อน”
รบ.รอดในสภาฯแต่ ปชช.มีสิทธิล้มได้
เมื่อถามอีกว่า มั่นใจแค่ไหนว่าอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ จะส่งผลให้เปลี่ยนแปลงรัฐบาลนายสมพงษ์ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า คุณพูดอย่างนี้ให้กำลังใจมากไปหน่อย อภิปรายไม่ไว้วางใจจะแพ้ชนะอยู่ที่มือของผู้แทนฯ ฝ่ายรัฐบาลมีจำนวนมากกว่า เราจึงไม่ได้หวังว่าเราจะคว่ำเขาในสภาฯ แต่อยากให้สื่อมวลชนได้ถ่ายทอดเพื่อชี้แจงให้ความเป็นธรรม ให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นอะไร ให้ประชาชนตัดสิน เราไม่สามารถล้มรัฐบาลได้ แต่เป็นประชาชนที่ฟังอยู่ เขามีสิทธิจะล้ม ส่วนพรรคเศรษฐกิจใหม่ ถอนตัวจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้ทำหนังสือแจ้งมายังพรรคร่วมฝ่ายค้านเมื่อช่วงเช้าว่าต้องยึดมติคณะกรรมการบริหารพรรคในการตัดสินใจเรื่องต่างๆ เราจึงจะไม่ตำหนิติเตียนแต่ให้กำลังใจ เช่น กรณีอภิปรายไม่ไว้วางใจ เขาเกรงว่าหากมติพรรคเศรษฐกิจใหม่ไม่ตรงกับมติพรรคร่วมฝ่ายค้าน แล้วพรรคเขาไปลงคะแนนแตกต่างจากฝ่ายค้าน เกรงจะเกิดความสับสน ส่วนจะมีชื่อนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ร่วมอภิปรายด้วยหรือไม่ ท่านมีดำริอยู่ กำลังจัดสรรกันอยู่ว่าจะทำอย่างไร ส.ส.มีสิทธิอภิปรายได้ทุกคน หาก ส.ส.รัฐบาลอยากอภิปรายนายกฯก็ยินดี
อุบไต๋หมัดน็อกเดี๋ยวของจริงจืดชืด
เมื่อถามว่า การที่ไม่มีชื่อรัฐมนตรีบางคนอยู่ในรายชื่อที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ ถือเป็นโอกาสอันดี จะส่งผลทำให้เกิดการพลิกขั้วหรือไม่ นายสมพงษ์กล่าวว่า พรรคฝ่ายค้านไม่คิดแบบนั้น ในกรณีที่เราไม่ได้เลือกอภิปรายรัฐมนตรีคนใด เขาจะคิดอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา เราเพียงแต่ดูว่าข้อมูลที่มี จะทำให้ประชาชนฟังและเข้าใจและเห็นว่าสิ่งที่รัฐบาลได้ดำเนินการมาในหลายปีที่ผ่านมาเป็นอย่างไร เมื่อถามว่า พรรคฝ่ายค้านแต่ละพรรคได้แบ่งการอภิปราย และโฟกัสตัวรัฐมนตรีคนไหนหรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านตอบว่า มีครับ ตอนนี้แบ่งเรียบร้อยแล้ว อาจจะมีอภิปรายตัวรัฐมนตรีซ้ำกันบ้าง แต่ประเด็นจะแตกต่างกัน พรรคฝ่ายค้านอาจมีผู้อภิปรายถึง 20-30 คน ขณะนี้กำลังพิจารณาเรื่องเวลา เมื่อถามถึงหมัดเด็ดของฝ่ายค้านที่จะใช้น็อกในสภาฯ มีมากน้อยแค่ไหน นายสมพงษ์ตอบว่า ก็คงมี อยากให้ไปฟังในการอภิปรายมากกว่า มาพูดตอนนี้เดี๋ยวจืดหมด
“วันนอร์” แย้มรุมกินโต๊ะนายกฯทุกพรรค
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติ กล่าวว่า ขอให้ความมั่นใจกับสื่อมวลชนและประชาชนทั้งประเทศว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านจะไม่ทำให้ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะกว่าที่เราจะตัดสินใจว่าเราจะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล และจะอภิปรายรัฐมนตรีคนใดนั้น เราตรวจสอบข้อมูลอย่างชัดเจนและจึงตกลงกัน คนที่ไม่ถูกอภิปรายก็อยากจะเรียนว่าข้อมูลอาจจะยังเทาๆอยู่ หากมีข้อมูลเพิ่มเติมชัดเจนก็จะมีการอภิปรายท่านที่ยังไม่ถูกอภิปราย เราจะเอาสีที่มันเข้มๆมาอภิปรายครั้งแรก ส่วนพรรคฝ่ายค้านจะอภิปรายใครนั้นเราแบ่งกันแล้ว “อย่างนายกฯ อาจจะอภิปรายกันทุกพรรค เพราะข้อมูลที่ปฏิบัติไม่ตรงตามกฎหมายและสร้างความเดือดร้อนท่านมีเยอะ และรัฐมนตรีท่านเดียวอาจจะถูกอภิปรายจากฝ่ายค้านหลายท่าน รัฐมนตรีท่านเดียวอาจถูกน็อกเพราะข้อมูลมีเยอะ” หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าว
ขู่รัฐบาลจ้องประท้วงเจอสวนเกมแรง
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ กล่าวว่า จะน็อกหรือไม่น็อก ถ้าไม่ชัดเจนเราไม่อภิปราย สื่อมวลชนจะไม่ผิดหวัง ข้อมูลการอภิปรายเราดูทุกด้าน โดยเฉพาะการบริหารที่ผิดพลาดที่ไม่มีประสิทธิภาพ การทุจริตหรือขาดคุณสมบัติ ส่วนจะย้อนถึงเรื่องในอดีตหรือไม่นั้น ถ้าเป็นเรื่องที่มีผลกระทบถึงวันนี้ แม้จะเป็นการกระทำที่ผ่านมาก็ต้องนำมาอภิปราย เพราะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน การอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่นอนว่ารุนแรงอยู่แล้ว แต่เราจะพยายามทำให้ประชาชนฟังได้สาระที่สุด ฝ่ายรัฐบาลคงไม่ต้องไปเตรียมการที่จะประท้วง แค่ตอบคำถามให้ได้ ประชาชนจะตัดสินเอง ว่าบุคคลที่เราอภิปรายนั้น ได้กระทำผิดเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต การด้อยประสิทธิภาพ หรือสนับสนุนพวกพ้อง
“เสรีพิศุทธ์” โวยถูกป่วนให้ถอนถวายสัตย์ฯ
นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นครั้งแรกของพรรคอนาคตใหม่ แต่เรามั่นใจในการทำการบ้านที่ได้ค้นคว้าข้อมูลอย่างเต็มที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ตนจะอภิปรายนายกฯ โดยตรง หมัดเด็ดคือเรื่องการถวายสัตย์ฯที่หลายคนมองว่าจบไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงจะจบได้อย่างไร ในเมื่อเป็นเรื่องที่ทำผิดกฎหมาย นายกฯบอกว่าทุกคนต้องทำตามกฎหมาย แต่ตัวเองไม่ทำตามกฎหมาย การอภิปรายจะลงรายละเอียดมากกว่าที่เคยรู้กัน กระทั่งมีการส่งคนเข้ามาป่วนตน เพื่อเสนอให้ยุติญัตตินี้ในสภาฯด้วย
“สุทิน” ขอหนแรกใน 7 ปีไม่ควรจำกัด 3 วัน
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวว่า ฝ่ายค้านเกรงว่ารัฐบาลหรือประธานสภาฯ จะบรรจุญัตติให้เราในวันท้ายๆก่อนปิดสมัยประชุม ขออย่าได้ทำแบบนั้นเลย ประชาชนจะผิดหวังมาก จากการหารือเบื้องต้นประธานวิปรัฐบาลเสนอให้เริ่มอภิปรายวันที่ 19 ก.พ.-21 ก.พ.และให้ลงมติวันที่ 22 ก.พ. หมายความว่าอภิปราย 3 วัน เห็นด้วยที่ให้เริ่มอภิปรายวันที่ 19 ก.พ.ส่วนจะจบวันไหน เห็นว่าจะต้องอภิปรายให้เสร็จสิ้น กระบวนความจนครบทุกคน เบื้องต้นจึงสรุปได้ว่าวันเริ่มอภิปรายเราเห็นตรงกันแต่วันจบเห็นต่างกัน การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้เป็นการตรวจสอบรัฐบาลในรอบ 6-7 ปี จึงไม่ควรจำกัดเวลา เมื่อถามว่าเหตุใดรัฐมนตรีที่ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีแต่รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ นายสุทินกล่าวว่า ลืมคิดเรื่องพรรคเลย คิดแต่ว่าใครมีความผิด ใครที่มีหลักฐาน ซึ่งมีเฉพาะพรรคเดียว
เศรษฐกิจใหม่ร่อนหนังสือชิ่งฝ่ายค้าน
ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 10.00 น. ที่รัฐสภาก่อนที่ 6 พรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติเพื่อขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลต่อประธานสภาฯ อย่างเป็นทางการ นายสุภดิช อากาศฤกษ์ รักษาการหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ ได้ทำหนังสือส่งถึงผู้นำฝ่ายค้าน เรื่องแจ้งผลมติในการประชุมกรรมการบริหารพรรคเศรษฐกิจใหม่ ระบุว่าเนื่องด้วยการประชุมกรรมการบริหารพรรคเศรษฐกิจใหม่ เมื่อวันที่ 30 ม.ค.มีมติให้พรรคเศรษฐกิจใหม่ดำเนินกิจกรรมการเมือง โดยถอนตัวจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อทำงานตามอิสระ ตามแนวทางของพรรค
“บิ๊กตู่” สั่งเตรียมข้อมูลสู้ศึกซักฟอก
เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2563 นายกฯ กล่าวก่อนเข้าวาระการประชุมว่า ขอให้เตรียมข้อมูลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย สรุปการทำงานของคณะกรรมการชุดต่างๆมีความคืบหน้าอย่างไร และเตรียมมาตรการเศรษฐกิจที่จะดำเนินการต่อจากนี้ เพื่อใช้เป็นข้อมูลชี้แจงฝ่ายค้านในประเด็นถูกอภิปรายเรื่องของเศรษฐกิจไม่ดี เพื่อทำให้ทราบว่ารัฐบาลได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และรัฐบาลมีมาตรการอะไรบ้างในเรื่องของการค้าการลงทุน ขอให้เตรียม 2 เรื่องนี้ไว้รับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพื่อจะได้ชี้แจงให้ทุกคนได้ทราบ
“บิ๊กป้อม” มีชื่อถูกเชือดก็ต้องชี้แจง
ที่ อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความ มั่นคง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีล่าสุดมีชื่อถูกพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดย พล.อ.ประวิตรกล่าวเพียงสั้นๆว่า “มีชื่อก็มีสิ ก็ต้องชี้แจง”
“วิษณุ” ท่องคาถาสุจริตคือเกราะกำบัง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่มีชื่อถูกฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า มีมาตั้งนานแล้วตั้งแต่ก่อนช่วงคริสต์มาสแล้ว เมื่อถามว่าฝ่ายค้านตั้งประเด็นอภิปรายเรื่องการทำลายหลักนิติรัฐ นิติธรรม จะชี้แจงอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า จะไปบอกสื่อทำไม เมื่อฝ่ายค้านระวังข้อสอบจะรั่ว นักเรียนก็ต้องเก็งคำตอบจะรั่ว แต่เมื่อเขายังไม่ถามเลยนึกไม่ออกยังไม่ได้เตรียม ปกติญัตติของฝ่ายค้านในการขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเขียนกว้างอยู่แล้ว อาจจะซักถามนอกจากหัวเรื่องที่กำหนดเอาไว้ได้ เมื่อถามว่ามั่นใจว่าจะชี้แจงได้ไม่มีปัญหาใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า สุจริตคือเกราะบัง ศาสตร์พ้อง ปัญญาประดุจดังอาวุธ กุมสติต่างโล่ป้อง อาจแกล้วกลางสนาม ในพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 5 เมื่อถามว่าจะมีการสอนกฎหมายในสภาฯแทนหรือไม่ นายวิษณุกล่าวทีเล่นทีจริง “อืม เป็นอีกหนึ่งคำแนะนำ”
ท้าทายใครจะอภิปรายก็เชิญ
เมื่อถามว่าคนที่อภิปรายนายวิษณุน่าจะเป็นนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ นายวิษณุกล่าวว่า ใครก็เชิญ ไม่ได้ว่าอะไรไม่เห็นจะต้องดูโหงวเฮ้ง ดูหน้าดูตา ดูชื่อ โถจะเป็นไรไป นายปิยบุตรไม่ใช่ใครอื่นไกลที่ไหน ก่อนหน้านี้แกเซ็นหนังสือมาให้ตนหนึ่งเล่ม ตนก็เซ็นหนังสือให้แกหนึ่งเล่ม กอดจูบกันจบไปเรื่อง ไม่เห็นมีปัญหา รู้จักกันด้วย ไม่ถึงขนาดสนิท ภรรยานายปิยบุตรตนก็รู้จักกัน เคยทำงานด้วยกันที่สถาบันพระปกเกล้า เมื่อถามว่าจะรับมือยากหรือไม่หากนายปิยบุตรอภิปราย นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ได้พูดเน้นไปที่ตรงนี้ ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้อภิปรายอย่างไร พร้อมกับกล่าวทีเล่นทีจริงว่า “ตอบไม่ถูกก็ยกมือไหว้แกทีก็จบ”
“ชวน” ลั่นสอบทุกกรณีกดบัตรแทนกัน
อีกเรื่องเมื่อเวลา 08.30 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กล่าวถึงกรณีพรรคอนาคตใหม่เปิดเผยว่ามี ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเสียบบัตรแทนกัน ระหว่างการพิจารณาร่างกฎหมายเมื่อเดือน ส.ค.2562 ว่า เมื่อมีการออกเปิดเผยเช่นนี้แล้วจะมีผลในทางกฎหมายหรือไม่อย่างไรนั้น ส่วนตัวยังไม่ทราบ เพราะปกติจะต้องรอให้ทางสภาฯรายงานเข้ามาก่อน เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการเปิดเผยกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกันจำนวนมากหลายกรณี จะมีแนวทางกำชับ ส.ส.อย่างไร นายชวน กล่าวว่า ต้องมีการตรวจสอบทุกกรณีที่ปรากฏการณ์เสียบบัตรแทนกันขึ้นมา ส่วนใครจะมีเจตนาอย่างไรก็เป็นเรื่องหนึ่ง กรณีที่ตัวเองไม่อยู่ในห้องประชุมแต่ให้คนอื่นกดลงคะแนนแทน แน่นอนว่ามีเจตนากรณีที่อยู่ด้วยกันแล้วฝากให้คนอื่นกดลงคะแนนแทนเพื่อความสะดวกนั้น เห็นว่าตามหลักให้คนอื่นกดลงคะแนนแทนย่อมไม่สามารถกระทำได้ แต่กระนั้นก็ต้องดูที่เจตนาอีกครั้งหนึ่ง นายชวนกล่าว
จวกอยู่ที่ความรับผิดชอบของ ส.ส.
เมื่อถามว่า จะมีการตรวจสอบเพิ่มเติมได้หรือไม่ นายชวนกล่าวว่า เรื่องของงบประมาณก็เป็นเรื่องของงบประมาณ จะเป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ ส.ส.เข้าชื่อกันเพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนจะมีแนวทางการป้องกันในอนาคตอย่างไร ที่ผ่านมามี ส.ส.เสนอแนวทางรูปแบบการลงคะแนนใหม่ แต่เราต้องดูว่าความเป็นจริงในการลงทุนแบบนั้น หากมากเกินความจำเป็นก็ไม่มีประโยชน์ เพราะความจริงอยู่ที่หน้าที่และความรับผิดชอบของ ส.ส.แต่ละคน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน เพราะตอนแรกอาจจะคิดว่าไม่เป็นอะไร แต่ต้องยอมรับว่าห้องประชุมสภาฯที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ยังไม่มีความพร้อม เครื่องลงคะแนนไม่ครบตามจำนวน ส.ส. คาดว่าสมัยประชุมหน้าเดือน พ.ค. น่าจะลดปัญหาการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกันได้
“เสรีพิศุทธ์” โวยศาล รธน.ตีตกคำร้อง
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แถลงถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งไม่รับคำร้องปมเสียบบัตรแทนกันของพรรคเสรีรวมไทยว่า ได้ดูคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญสาเหตุที่ไม่รับคำร้องเพราะพบว่า ส.ส.ที่ลงชื่อท้ายคำร้องไปซ้ำกับคำร้องของพรรคเพื่อไทย จึงไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยครั้งนี้ เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติว่าจะลงชื่อท้ายคำร้องซ้ำกันไม่ได้ การยื่นคำร้องไม่เหมือนกับการเสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน และคำร้องของตนมีชื่อนางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ไม่แน่ใจว่าการที่ศาลไม่รับคำร้องเป็นเพราะในคำร้องของตนแนบเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณ ไม่ครบของนายกฯ ซึ่งไม่เหมือนกับคำร้องของพรรคอื่น หากศาลวินิจฉัยอย่างนี้จะเอาชื่อ ส.ส.ที่ไหนมา เพื่อไม่ให้ซ้ำเพราะแต่ละคำร้องต้องใช้ ส.ส.ลงชื่อถึง 80 คน
จ่อยื่นเพิ่ม “ชัยวุฒิ–ภริม” สารภาพผิด
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าศาลวินิจฉัยเป๋ไปหมด จึงต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคำสั่งใหม่ว่าลงชื่อท้ายคำร้องซ้ำกันได้หรือไม่ ไม่ใช่ว่าศาลจะสั่งอย่างไรก็ได้ ซึ่งได้ให้นายทะเบียนพรรคเสรีรวมไทยไปตรวจสอบทุกคำร้องว่ามีชื่อ ส.ส.ลงชื่อซ้ำกับคำร้องของพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เนื่องจากจะยื่นคำร้องเพิ่มเติมกรณีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชารัฐ ที่แถลงยอมรับว่าเสียบแทนกันถือว่าผิดกฎหมายเพราะเป็นการรับสารภาพแล้ว เมื่อถามถึงกรณีคลิปปรากฏเสียบบัตรแทนกัน ในร่าง พ.ร.บ.งบฯ 63 ของนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ และนายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไท จะยื่นเพิ่มด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่าเพิ่งเห็นข่าวจึงยังไม่มีหลักฐาน ต้องให้เกียรติพรรคที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ดำเนินการต่อไป
“ธีทัชฐ์” กราบเท้าขอขมาแลกถอนฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.15 น. ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ แถลงข่าวอยู่ นายสัตวแพทย์ ธีทัชฐ์ เกียรติลดารมย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้มายืนรอพบมอบกระเช้าผลไม้ พอการแถลงข่าวเสร็จ น.สพ.ธีทัชฐ์ เดินไปถึงโพเดียมแถลงข่าวเพื่อขอโทษ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดยกล่าวว่าวันนี้มากราบขอโทษ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ที่เคยแถลงข่าวพาดพิงทำให้เสียหาย เพราะได้รับข้อมูลมาไม่ครบถ้วน ไม่นานมานี้ได้ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐแล้ว เพราะมีปัญหากับผู้ใหญ่ในพรรค ไม่ใช่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ เป็นคนที่ลึกกว่าแต่ไม่ขอเอ่ยชื่อ จึงขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ที่ผ่านมาก็เคารพจึงมาขอกราบขอขมาผ่านสื่อมวลชน หลังจากนี้จะไปตั้งพรรค “พรรคไทยสะออน” แปลว่าพรรคที่มีแต่ความยินดีประทับใจมากที่สุด จะเล่นการเมืองสร้างสรรค์ เป็นการเมืองสีขาว
ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่า “ผมไม่แน่ใจว่าจะให้อภัยคุณได้หรือไม่ คุณเอากระเช้าไปให้น้องๆ นักข่าวดีกว่า เพราะตอนนั้นคุณด่าผมเสียๆหายๆ ทั้งที่ผมยังประชุมสภาฯอยู่บนห้องประชุม วันนี้คุณมาขอขมาผมเพราะผมฟ้องคุณไป 2 คดี ถ้าคุณกล้ากราบเท้าผม ผมก็กล้าถอนฟ้องให้” ปรากฏว่า น.สพ. ธีทัชฐ์ได้ก้มลงกราบเท้า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ หน้าโพเดียมแถลงข่าวทันที ก่อนที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จะยอมรับกระเช้าของขวัญ พร้อมระบุว่าจะไปถอนฟ้องคดีให้ แล้วเข้าไปลูบหัว น.สพ.ธีทัชฐ์ ที่คุกเข่าว่า “ตั้งพรรคใหม่ให้เรียบร้อยนะ”
ประชดคงต้องใช้ ส.ส.ลาว–เขมรยื่นคำร้อง
ช่วงบ่าย ภายหลังแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน เข้ายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้สอบถามนายชวน ถึงกรณีการยื่นคำร้องให้ประธานสภาฯส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2563 แต่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้อง โดยนายชวนตอบว่า คำร้องของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ที่มีลักษณะเดียวกันกับคำร้องของนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านพบว่ารายชื่อผู้สนับสนุนลงลายมือชื่อซ้ำกัน ทำให้จำนวนผู้สนับสนุนคำร้องไม่ครบจำนวนที่รัฐธรรมนูญกำหนด ที่ผ่านมาเคยพูดกันแล้ว ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวว่าหากตรวจพบการกระทำผิด 1 คนต้องยื่นเรื่องโดยใช้ชื่อ ส.ส. 80 คน หากเจอผิดอีก 1 ต้องยื่นไปแบบไม่ซ้ำ หากเจอความผิดเป็น 10 ครั้งต้องใช้ ส.ส.ถึง 800 คน จะเอา ส.ส.จากไหน หากพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบไปอีก จะเอา ส.ส.ที่ไหนมาลงชื่อแบบนี้ ต้องอาศัย ส.ส.ลาว ส.ส.เขมรแล้ว เพราะเสียงในสภาฯไม่พอ ทั้งนี้ขณะที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวพาดพิงถึงพรรคอนาคตใหม่ที่อาจถูกยุบได้หันไปทางนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นายปิยบุตรได้แต่ยิ้มแห้งๆ ขณะที่ ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้านที่ยืนใกล้เคียงต่างพากันส่งเสียงหัวเราะ
“โกวิทย์” รอชี้แจง กมธ.ไม่ขอตอบสื่อ
เมื่อเวลา 13.20 น. ที่รัฐสภา นายโกวิทย์ พวงงาม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังท้องถิ่นไทแถลงภายหลังปรากฏมีคลิปภาพเผยแพร่ว่าเสียบบัตรประจำตัว ส.ส.เพื่อโหวตลงมติในการประชุมสภาฯให้ ส.ส.คนอื่นระหว่างการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2563 ว่า ขอชี้แจงว่า เรื่องนี้ได้มี ส.ส.ยื่นญัตติเพื่อขอให้สภาฯตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อตรวจสอบกรณี ส.ส.เสียบบัตรแทนกัน ถือเป็นกระบวนการตรวจสอบที่ถูกต้อง ยินดีจะให้ข้อมูลกับคณะ กมธ.วิสามัญ เพราะเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสอบของสภาฯ รวมไปถึงการตรวจสอบจริยธรรมของนักการเมือง ไม่อยากพูดอะไรมากเพราะเป็นผู้ใหญ่แล้ว อยากให้รอกระบวนการตรวจสอบ เมื่อถามว่าได้เสียบบัตรแทน ส.ส.คนอื่นตามที่ปรากฏภาพเคลื่อนไหวในคลิปที่เผยแพร่ในสื่อจริงหรือไม่ นายโกวิทย์บ่ายเบี่ยงว่า ขอให้รอกระบวนการตรวจสอบไม่ขอตอบใดๆ เมื่อถามว่า นอกจากบัตรตัวเอง 1 ใบที่ถือไว้ในมือแล้ว บัตรอีก 2 ใบที่เหลือคือของใคร นายโกวิทย์ตอบสั้นๆว่า“ผมถือบัตรของตัวเองจริง ส่วนที่เหลือไม่ขอตอบ แต่ขอรอกระบวนการตรวจสอบจากสภาฯเท่านั้น ไม่ขอตอบข้อซักถามใดๆ ของสื่อ ทั้งนี้ขณะที่นายโกวิทย์ตอบข้อซักถามต่อสื่อมวลชน มีนายชื่นชอบ คงอุดมโฆษกพรรคพลังท้องถิ่นไท บุตรชายของนายชัชวาลย์ คงอุดม หัวหน้าพรรค มายืนประกอบคอยกระซิบบอกบทให้นายโกวิทย์ตอบสื่ออยู่หลายครั้ง
“วิษณุ” มีทุกทางแก้ร่าง พ.ร.บ.งบฯช้า
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.งบฯปี 2563 ว่า เมื่อศาลรับคำร้องไปแล้วก็ว่าไปตามกระบวนการ รอให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงภายในวันที่ 4 ก.พ. ไม่มีกำหนดกรอบเวลา แต่ศาลให้ชี้แจงในวันที่ 4 ก.พ.ทำให้รู้สึกได้ว่าเร็ว ผลกระทบต่อร่าง พ.ร.บ.งบฯอาจมีบ้างเป็นธรรมดา แต่ไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคใหญ่โตหรือเสียหาย ไม่ว่าคำวินิจฉัยจะออกมาแนวทางไหนรัฐบาลเตรียมการส่วนนี้เอาไว้แล้วทุกทาง วันที่ 4 ก.พ.กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการรองรับการใช้งบฯประจำและงบฯทั่วไปเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการหารือกับส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว งบฯประจำและงบฯลงทุนที่ผูกพันงบฯไม่ได้รับผลกระทบ ส่วนโครงการใหม่ที่ยังไม่เคยผูกพันงบฯ สำนักงบประมาณเสนอให้เจรจาเตรียมการไว้ก่อน แต่อย่าเพิ่งลงนามกฎหมายประกาศใช้จะลงนามทันที เมื่อถามว่าเตรียมการในแง่ร้ายไว้แล้วหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า แง่ร้ายต่องบฯนึกไม่ออก แต่แง่ร้ายต่อร่าง พ.ร.บ.งบฯนึกได้ แต่ได้เตรียมการส่วนนี้ไว้ ทำให้รวดเร็วได้
ทางออกดีสุดต้องรอศาล รธน.บอก
เมื่อถามถึงกรณีฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตไม่มีชื่อนางนาที รัชกิจประการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อยู่ในคำร้องที่ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ ตามกระบวนการของศาลถ้ามีคำร้องเพิ่มเติมยื่นไปอีกคำร้องเพิ่มได้ เพียงแต่เข้าชื่อกันให้ถูกต้อง ส่วนจะรวมเป็นคำร้องเดียวกันหรือไม่อยู่ที่ศาล เมื่อถามว่าถ้าคำวินิจฉัยออกมาช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ นายวิษณุกล่าวว่า การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบฯหากอยู่ในช่วงปิดสมัยประชุมสภาฯ ครม.ออกเป็น พ.ร.ฎ.ขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้ กรณีหากจำเป็นต้องพึ่งพาอาศัยสภาฯ ใช้วิธีนี้ดำเนินการ แต่ทำไมไม่คิดถึงวิธีที่ไม่ต้องขอเปิดสภาฯกันบ้าง เมื่อถามว่าทางออกที่ดีที่สุดที่จะใช้ร่าง พ.ร.บ.งบฯคืออะไร นายวิษณุกล่าวว่า หากตอบแล้วคือชี้นำ แต่มีคิดไว้ในใจแล้วทุกเรื่อง มันไม่ใช่การหาช่องว่างหรือช่องลอดอะไรทั้งสิ้น แต่ทางออกที่ดีที่สุดคือทางที่ศาลเป็นคนบอกแล้วรัฐบาลจะเดินไปทางนั้นอย่างรวดเร็ว มันจะจบได้ด้วยคำวินิจฉัยของศาล แล้วจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร
ศาลจำคุก “ไวพจน์” 50 ปีปมทำลายป่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค.ศาลจังหวัดกำแพงเพชร ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5518/2562 คดีอาญาระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชร เป็นโจทก์ฟ้อง พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ เป็นจำเลย โดยศาลฎีกายืนตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 6 ให้จำคุก พ.ต.ท.ไวพจน์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (3) กับให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง และบริวารของจำเลยออกจากที่เกิดเหตุตามฟ้อง ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9,108 ทวิวรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ฐานร่วมกันทำไม้หวงห้ามประเภท ข และไม้อื่นเกิน 20 ท่อน รวมปริมาตรไม้เกิน 4 ลบ.ม. ฐานร่วมกันครอบครองที่ดินฯตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ และประมวลกฎหมายที่ดินเป็นกรรมเดียวกัน ผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปเกิน 20 ต้นหรือท่อน รวมเป็นปริมาตรไม้เกิน 4 ลบ.ม. ฐานร่วมกันมีไม้หวงห้ามแปรรูปปริมาตรเกิน 2 ลบ.ม.ไว้ในครอบครอง เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงให้จำคุก 50 ปี