ของขวัญล้ำค่าสุดในวันคล้ายวันเกิดของ “นายหญิง” คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์

ล่าสุดศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้พิพากษายกฟ้อง “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายคนโตของอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร

เนื่องจากเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่าจำเลยรู้ที่มาของเงิน 10 ล้านบาท

“หัวแก้วหัวแหวน” ของ “นายใหญ่-นายหญิง” แคล้วคลาดวิบากกรรม

“ตอกย้ำ” สถานการณ์คนละเรื่องเดียวกันกับกระแส “สลับขั้ว”

สัญญาณ “ไฟเขียว” ส.ส.พรรคเพื่อไทย โอนมาหนุนฝั่งรัฐบาล โดย “หัวจ่าย” ยี่ห้อ “เดอะซัน” ของพรรคพลังประชารัฐ ต่อ “ท่อน้ำเลี้ยง” เข้าไปแทนหัวจ่ายท่อจากดูไบที่เหือดแห้ง

ตัวเลขครึ่งต่อครึ่ง จากพรรคเพื่อไทย 130 กว่าที่นั่ง

เป็นไพ่ “คิงโพดำ” ที่ให้ “บิ๊กตู่” จั่วไว้คุมเชิงพรรคร่วมรัฐบาล อุดรูรั่วเสียงปริ่มน้ำ ตามเงื่อนไขสถานการณ์รัฐบาลต้องเลือกความอยู่รอดทางเศรษฐกิจมาก่อนความอยู่รอดของรัฐบาล

อาการไฟลนมือ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ในฐานะ “กัปตันทีมเศรษฐกิจ”

ถึงจุดต้องไล่บี้ “จุดอ่อน” ทำให้กลไกติดๆขัดๆ ตามกระแสข่าววงในคิวประชุม “ครม.เศรษฐกิจ” เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

โดน “เฉ่งรอบวง” ปมค่าเงินบาทแข็ง

โดยเฉพาะ “นายกฯลุงตู่” ที่ออกลูกยัวะ “แบงก์ชาติ” ตัดสินใจช้า ไม่ดูแลสถานการณ์ค่าเงินให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจในภาพรวมที่เดือดร้อนจากวิกฤติเศรษฐกิจโลก

...

อ้างแต่การรักษาเสถียรภาพการเงิน ไม่มองถึงการเจริญเติบโต

กลัวฝรั่งมากกว่ากลัวบ้านเมืองเจ๊ง

ถึงจุดที่รัฐบาลไล่เบี้ย “คลำปม” เจอแล้ว ในเชิงเทคนิค “แบงก์ชาติ” คือกลไกที่ทำค่าเงินบาทฉุดเศรษฐกิจดิ่งเหว ตามเงื่อนไขสถานการณ์ “อนุรักษนิยม” สุดโต่ง

ขณะที่ในเชิงบริหาร สภาพรัฐบาลผสมที่กระทรวงเศรษฐกิจถูกพรรคร่วมฯปาดหน้าเค้ก

มุ่งสร้างอาณาจักรใครอาณาจักรมัน

และสัญญาณโผล่มาก่อนที่นายกฯจะไล่บี้ “จุดอ่อน” กับอาการของคนยี่ห้อ “ประชาธิปัตย์” ปล่อยคิวโทรโข่งเสียงสะตอ “เสี่ยคึก” นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ออกมา “แกว่งปาก” ทิ่ม “บิ๊กตู่” ตัดสินใจพลาดที่รับหน้าที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เป็นการใช้คนไม่ตรงกับงาน

เพราะเป็นนายทหารไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านเศรษฐกิจ

ประจานความล้มเหลวเป็นเชิงยอมรับ ขณะนี้ทีมเศรษฐกิจแบ่งออกเป็นสามก๊กสามเหล่า คือทีมของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ รับผิดชอบกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ทีมของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รับผิดชอบกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทีมของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รับผิดชอบกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ดังนั้นจึงต้องมอบหมายให้ใครคนใดคนหนึ่งเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจที่แท้จริง

ตามท้องเรื่อง “เทพไท” พูดอีกก็ถูกอีก

แต่อาจจะ “ผิดหู” นายกรัฐมนตรี ที่ “ต่อมหมั่นไส้” กำลังอักเสบกับอาการทนให้ประชาธิปัตย์ “ขี่คอ” แสดงอาการ “ชิงชัง” พล.อ.ประยุทธ์แบบออกนอกหน้า แต่อาศัยเกาะรัฐบาลตีกิน

แฝงเหลี่ยมคูการเมืองทุกลมหายใจ

ในจังหวะกระแสสื่อเริ่มไล่เบี้ยถามหานายจุรินทร์ กับประเด็นค่าครองชีพ และสถานการณ์ส่งออก ภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องรับผิดชอบรายได้หลักของประเทศที่วูบไป

มันคือ “โจทย์ใหญ่หลวง” มากนัก เมื่อเทียบกับการมุ่งหน้าประกันรายได้สินค้าเกษตร ยางพารา ปาล์ม ข้าว มันสำปะหลัง แฝงเหลี่ยมหาเสียงเลือกตั้ง หวังดึงฐานคะแนนกลับคืนมา

เช่นเดียวกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ “ป้วนเปี้ยนๆ” อยู่กับปมการแบนสารพิษ

แต่ภารกิจในการกระตุ้นเศรษฐกิจภาพรวมนิ่งสนิท

ท่ามกลางกระแสข่าวร้าย แว่วๆ “ไอยูยู” จะชักใบเหลืองไทยรอบใหม่ เพราะอียูตามรีวิวการบ้านรัฐบาลเลือกตั้งไม่ตามกำกับงานการทำผิดกฎหมายประมงชายฝั่ง เพราะกลัวเสียฐานเสียงในภาคใต้

ถ้าจริง มันจะเป็น “ค่าโง่” ที่ “ขาใหญ่” รัฐบาลพลังประชารัฐ ยอมแลกกับเสียงหนุนนายกฯ

แต่ก่อความเสียหายอย่างประเมินไม่ได้เลย.

ทีมข่าวการเมือง