ประเมินแล้ว ไม่ถึงขั้นรุนแรงจนน่ากังวล เหมือนแผ่นดินไหวในแขวงไชยบุรี ประเทศลาว แรงสั่นไหว “ธรณีพิโรธ” รับรู้ได้ในหลายจังหวัดของไทย รวมทั้ง กทม.

กับกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยชี้ขาด สถานภาพความเป็น ส.ส.ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ “สิ้นสุดลง” จากกรณีการถือครองหุ้นธุรกิจสื่อสารมวลชน บริษัท วี–ลัค มีเดีย จำกัด นับตั้งแต่วันที่ 23 พ.ค.2562 ที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

แรงสั่นสะเทือนยังอยู่ในระดับปกติ จะมีหวาดเสียวก็ที่ “ธนาธร” ให้สัมภาษณ์ร่ายยาววิพากษ์วิจารณ์แหลมๆ หมิ่นเหม่ละเมิดอำนาจศาล ที่ “ศรีสุวรรณ จรรยา” นักร้องทำงาน ยื่นเรื่องให้เช็กบิลทันควันกันแล้ว

ต้องโฟกัสติดตาม “อาฟเตอร์ช็อก” ที่จะตามมาอีกหลายระลอก

เพราะประเมินท่าทีจาก “ธนาธร” หลังรู้ผลโดนเชือด เริ่มเพิ่มสปีด “ความแรง” นอกจากประกาศยังขอทำหน้าที่หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกฯ พร้อมเดินทางต่อให้ถึง “เป้าหมาย” แม้ต้องจบชีวิตในคุกตะราง

ไม่สนว่าจะจบสวยหรือไม่ “ไม่เลียบูตทหารแน่”

ในมุมที่อ่านทางกันได้ นอกจากบทเรียน “เกมม็อบ” นอกสภาฯ ที่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ออกโรงปรามเกมปลุกมวลชนลงถนน อีกทางที่คาดกัน รอบนี้จะเป็นการเร้ากระแสอีกรูปแบบ ถึงนอกสภาฯก็จริง แต่เป็นการเร้าเกมบนเวทีสัมมนา เสวนา อย่างที่ “ธนาธร” บอกไว้

...

จะเดินหน้ารณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ เตรียมการเลือกตั้งท้องถิ่น ผลักดันกฎหมายต่างๆ ทั้ง พ.ร.บ.ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร พ.ร.บ.แรงงาน รวมทั้งขับเคลื่อนให้ประเทศกลับมาเป็นประชาธิปไตย ลดบทบาทกองทัพ

เร่งเครื่องทุกแนวรบ รวมทั้งโลกออนไลน์ที่เริ่มระอุ โซเชียลมีเดียเดือดปุด “ไซเบอร์วอร์” ปะทุ

“รอยเลื่อนธนาธร” มีการเคลื่อนตัวให้เห็นแล้วเหมือนกัน

ในทางกลับกัน ผลสะท้อนกลับตั้งแต่คิว “ตกเก้าอี้” อาจจะไม่จบแค่นั้น “ธนาธร” ยัง มีกับดัก “ดาบสอง” ปม “ปล่อยกู้ 191 ล้านบาท” ให้พรรคอนาคตใหม่ ที่ล่าสุด กกต.เรียกเอกสารชี้แจงเพิ่มเติม

ลุ้นปม “เงินกู้” ไม่ใช่ “รายได้” ของพรรคการเมือง เสี่ยงเป็น “จุดสลบ” ลามไปถึงขั้น “ยุบพรรค”

นอกจากนี้ คิวต่อเนื่องจากปมถือหุ้นสื่อ คือกรณีที่มีรายงานข่าวว่า กกต.จ่อพิจารณาต่อในคดีอาญา บทลงโทษจำคุกตั้งแต่ 1–10 ปี และปรับ 20,000–200,000 บาท รวมทั้งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี

และที่อาจเป็นอีก “จุดตาย” ของพรรคการเมืองอายุเพียง 1 ปีเศษ มาตรา 132 กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ระบุไว้ กรณีหัวหน้าหรือกรรมการบริหารพรรคมีส่วนรู้เห็นหรือไม่ได้ยับยั้ง กรณีที่มีผู้สมัครทำให้การเลือกตั้งนั้นไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม วรรค 3 มาตรา 132 ระบุ ให้ กกต.เสนอศาล รัฐธรรมนูญ เพื่อให้ “ยุบพรรค” นั้นได้ด้วย

ปฏิบัติการล้างค่ายสีส้ม มีให้เลือกหลายช้อยส์กันเลย

แน่นอนถึงจังหวะนี้เลยมีการมองข้ามช็อตไปถึง “อนาคต” ของพรรคอนาคตใหม่ โอกาส “แพแตก” มีสูง หลังจากที่มีสัญญาณ ลูกข่ายทยอยแยกตัว ไม่ขึ้นตรงต่ออาณัติพรรคมาหลายคิวต่อเนื่อง

กระแส “งูเห่าสีส้ม” หนาหู บ้างก็ว่าเพาะไข่งูเห่ากันไว้ 10–20 ราย

อีกทางหนึ่ง จุดที่ต้องจับตาพร้อมกันไป กับการแก้ปัญหาระหองระแหงภายในรัฐบาล

ในมุมมองของค่ายแกนนำ พรรคร่วมชักเล่นลูกล้ำหน้าพลัง ออฟไซด์ผู้นำถี่ชนิดที่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ออกโรงปรามเรื่องฉายเดี่ยว เปรยให้เล่นเป็น “ทีม” หลายรอบ

“รอยเลื่อนธนาธร” มีโอกาสสั่นไหว โยงไปถึงแรงเขย่าในรัฐบาล ด้วยสูตรเติมเสียง จากการเปิดจำนำ “ยุ้งฉาง” สำหรับไพร่พล 30–40 หัวในค่ายเพื่อไทย พร้อมดึงเสียงมาหนุน แก้ปมเสียงรัฐบาล “ปริ่มน้ำ”

“อนาคตใหม่” ก็เริ่มชัดว่าอยู่ในข่าย หลายรายถูกดูดเข้าโครงการชิมช้อปใช้การเมือง โดยไม่ต้องลงทะเบียน

หากมีคิวระทึกเกิดขึ้นจริง “ยุบพรรค–แพแตก” ไพร่พลสีส้มกระสานซ่านเซ็น

ดึงมาบวกรวมงูเห่าแหกคอกเพื่อไทย เป็นกอบเป็นกำ

และสูตรนี้อาจไม่ใช่แค่แก้ปมเสียงปริ่มน้ำ แต่อาจไว้ใช้ “โปะแต้ม” ที่กำลังมีหลาย “มือดีล” แบ่งงานกันทำ ดึงลูกข่าย กปปส.ในพรรคเก่าแก่เข้าร่วมวง ยกตำแหน่งในฝ่ายบริหารเป็นรางวัลให้ทีละรายสองราย

สูตรนี้อาจใช้ได้หากถึงเวลาหักดิบ ถีบส่งพรรคร่วมจากขั้วรัฐบาลในโอกาสอันเหมาะต่อไป.

ทีมข่าวการเมือง