โชว์สเต็ปรำวง จัดการเอาทุกข์คนไทยใส่กระทงลอยน้ำไปแล้ว ฉากอีเวนต์การเมืองช่วงท้ายปี “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นำหางเครื่องชุดใหญ่เดินสายตรวจราชการและประชุม ครม.สัญจรที่จังหวัดราชบุรีและกาญจนบุรี

เป็นครั้งแรกของ ครม. “ประยุทธ์ 2” ที่มาจากการเลือกตั้ง

ตามฟอร์ม “นายกฯ ลุงตู่” ก็ยังทำได้ตามมาตรฐาน เล่นบทพระเอกอ้อนพ่อยกแม่ยก สลับกับบท “ตลกหลวง” เรียกเสียงฮาครื้นเครง คุยกับวัว เล่นหัวกับกองเชียร์

ลีลาเนียนๆแบบที่ “นักเลือกตั้งอาชีพ” ยังอาย

อย่างน้อยๆก็ได้ฐานมวลชน รุกขยายฐานคนรัก “นายกฯลุงตู่” ไปในที

ช็อตไฮไลต์ยังอยู่ที่คิวของ “อุลตร้าอุตตม” นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ชงที่ประชุม ครม.อนุมัติมาตรการ “ชิมช้อปใช้” เฟส 3 เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเพิ่มอีก 2 ล้านคน จากที่เปิดไปแล้ว 13 ล้านคน

รอบนี้จ่ายเป็น “แคชแบ็ก” คืนเงิน 15 เปอร์เซ็นต์ สำหรับผู้ใช้จ่าย 30,000 บาทแรก

ดีเดย์ 14 พฤศจิกายน ปรับจากแจก 1,000 บาทฟรีๆมาเป็นการจ่ายให้แบบมีเงื่อนไข ล่อใจให้ประชาชนใช้เงินแลกกับเงินที่รัฐบาลคืนให้ เป้าหมายคือการอัดฉีดกระตุ้นเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ และฝึกทักษะให้ประชาชนเรียนรู้เทคโนโลยี เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลในโลกอนาคต

แทบไม่ต้องโปรโมต วันนี้ “ชิมช้อปใช้” คือมาตรการรัฐบาลที่กระแสสังคมพูดถึงมากสุด

และแน่นอน มันเป็นเนื้องานการันตีชื่อ “อุตตม” สามารถสร้างเป็นเกราะกำบัง เติมภูมิคุ้มกันตามสถานะ “ขุนคลัง” พ่วงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

...

จุดยุทธศาสตร์ เดาเกมฝ่ายค้าน ต้องล็อกเป้าเชือด

เรื่องของเรื่อง นอกจาก “อุลตร้าอุตตม” ที่มีกระแส “ชิมช้อปใช้” เป็นเกราะกำบังกาย ในสถานการณ์ที่สังเกตได้ รัฐมนตรีอีกหลายคนก็เดินหน้าสร้างภูมิต้านทาน

แข่งกันสร้างเนื้องานเพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน

และถือเป็นจุดเด่นด้านบวกของ “รัฐบาลประยุทธ์ 2” ที่แตกต่างจาก “รัฐบาลประยุทธ์ภาค 1” ตามธรรมชาติรัฐบาลจากการเลือกตั้ง รัฐมนตรีความรู้สึกไวต่อกระแส

รับรู้อารมณ์สังคม ประเมินทิศทางลมได้รวดเร็ว

เหลี่ยมเซียนเก๋าเกมแบบที่เห็นนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม กระโดดคลุกวงในทันทีที่มีคดีดังเป็นกระแสข่าวคาบเกี่ยวกับงานของกระทรวงยุติธรรม ทั้งแชร์ลูกโซ่ การกวาดล้างขุมข่ายแชร์แม่มณี ส่งซิกหน่วยงานในสังกัด โดยเฉพาะกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ารับเป็นคดีพิเศษช่วยเหลือผู้เสียหาย การช่วยเหยื่อที่ถูกแก๊งไล่ตบทรัพย์คดีละเมิดลิขสิทธิ์ รวมถึงการจ่ายเงินเยียวยาเหยื่อคดีสำคัญ

นั่นทำให้ชื่อ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” ติดชาร์ตข่าวรายวัน

มีเนื้องานให้ชาวบ้านเห็นต่อเนื่องเป็นรูปธรรม

สถานการณ์เดียวกับ “เดอะซัน” นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว. อุตสาหกรรม ที่ตอนนี้เกาะติดเป็นเงา ทำงานเข้าขาเป็นทีมเดียวกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ

ยกระดับมือบริหารรัฐบาล “บิ๊กตู่” ที่สลับขั้วมาจากทีมลมใต้ปีก “ทักษิณ ชินวัตร”

โดยเฉพาะการแอ่นอกเข้าอุ้มเผือกร้อน “เหมืองแร่อัคราฯ” การอาสาเจรจาข้อยุติกับบริษัท คิงส์เกตฯ ประเทศออสเตรเลีย ที่ยื่นฟ้องรัฐบาลไทย

กดดัน “บิ๊กตู่” ที่ประกาศพร้อมรับผิดชอบ “ค่าโง่” เอง

โชว์จุดเด่นความเป็น “มือบริหารอาชีพ” กลบจุดด้อยภาพเทาๆ อดีตมืองาน “นายใหญ่”

“สุริยะ-สมศักดิ์” พลิกฟอร์มจาก “ตัวถ่วง” เป็น “ตัวช่วย” พล.อ.ประยุทธ์

อีกคนที่ชื่อเป็นข่าวไม่เว้นแต่ละวัน “เดอะท็อป” นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่งานเข้าชุกตั้งแต่รับตำแหน่ง ทั้งประเด็นพะยูน ช้าง หมีแพนด้า ฯลฯ

โดยเฉพาะเรื่องบุกรุกป่า รับเคลียร์เผือกร้อนคดีสำคัญต่อเนื่องแม้แต่เรื่องของคนในรัฐบาลด้วยกัน

แต่ที่เด่นสุดทั้งในสายตาชาวไทยและทั่วโลก นั่นคือการที่รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯของไทย เดินหน้ารณรงค์ เป็นตัวตั้งตัวตีในการงดใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงๆจังๆ

โชว์ความตั้งใจเชิงอนุรักษ์ เข้ายุคของคนรุ่นใหม่ที่ทำงานตามเทรนด์โลก

โดยภาพหักมุมกับรัฐบาลทหาร รัฐบาลนักการเมือง เอาลูกขยัน ดิ้นสู้แรงเสียดทาน

รัฐมนตรีแข่งกันชิ่งหนีสภาพ “โลกลืม”.

ทีมข่าวการเมือง