"นายกฯ" ชูไทยสำเร็จพัฒนาหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เข้าถึงประชาชนทุกระดับ เป็นต้นแบบพัฒนาสาธารณสุข 1 ต.ค. ไทยขยายสิทธิประโยชน์ให้ถึงยาต้านไวรัสเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อแก่ประชากรกลุ่มเสี่ยง ในเวทีสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ที่ นครนิวยอร์ก

สำหรับวันที่ 2 ของการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยภารกิจแรก เมื่อเวลา 09.00 น.(ตามเวลาท้องถิ่นช้ากว่าไทย 11 ชั่วโมง) วันที่ 23 ก.ย. ณ สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เข้าร่วมพิธีเปิดการประชุมเต็มคณะระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (High-level Meeting on Universal Health Coverage) โดยระหว่างการประชุมฯ นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถ้อยแถลงสรุปสาระสำคัญดังนี้

นายกฯ กล่าวว่า ความสำเร็จด้านสาธารณสุขของไทยมีพื้นฐานจากระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ครอบคลุมประชากรเกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์ การลงทุนด้านสุขภาพเป็นการลงทุนทั้งเพื่อปัจจุบันและอนาคต ประชาชนที่มีสุขภาพดีจะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน เป้าหมายการมีหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สามารถทำได้จริง หากมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ โดยแบ่งปันประสบการณ์ของไทย ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของหลักการ 3 ประการ ดังนี้
 
1. ความเท่าเทียม รัฐบาลไทยได้พัฒนาระบบสาธารณสุขเพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพได้อย่างทั่วถึง ครอบคลุมการส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันและรักษาโรค ซึ่งรวมถึงโรคเรื้อรังและโรคที่มีค่าใช้จ่ายสูง ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้ ไทยจะขยายสิทธิประโยชน์ให้ รวมถึงการให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีก่อนการสัมผัสเชื้อแก่ประชากรกลุ่มเสี่ยง สานต่อความสำเร็จของโครงการในพระดำริของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี กรมหมื่นสุทธนารีนาถ ทูตสันถวไมตรีของโครงการโรคเอดส์แห่งสหประชาชาติในการป้องกันเอชไอวีในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก

...


 
2. ประสิทธิภาพ รัฐบาลไทยมุ่งเพิ่มประสิทธิภาพของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยจัดสรรงบประมาณ 15% ของกองทุนหลักประกันสุขภาพ สำหรับการสร้างเสริมสุขภาพ แม้ว่าจะมีงบประมาณจำกัด โดยเพิ่มการใช้งบประมาณจากภาษีสุราและยาสูบ และสนับสนุนการจัดตั้งกองทุนสุขภาพท้องถิ่น
 
3. การมีส่วนร่วม หัวใจสำคัญที่ทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ามีความยั่งยืน คือ การมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในทุกระดับ ตามแนวทางประชารัฐ ให้ทุกฝ่ายรู้สึกเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง รวมทั้งเน้นการส่งเสริมบริการสุขภาพในระดับมูลฐานที่มีชุมชนเป็นศูนย์กลาง
 
ทั้งนี้ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าให้ดียิ่งขึ้น ให้ประชากรทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขได้อย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบางและกลุ่มชายขอบ พัฒนานวัตกรรมและนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และส่งเสริมความเป็นหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน ซึ่งไทยพร้อมแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ให้แก่ประเทศต่างๆ นำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม และจะร่วมมือกับทุกหุ้นส่วน เพื่อขับเคลื่อนให้ประชากรโลกมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้นไปด้วยกัน

ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมผลักดันให้จัดการประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เมื่อครั้งดำรงตาแหน่งประธานกลุ่มนโยบายต่างประเทศและสุขภาพโลก (Foreign Policy and Global Health : FPGH) ในปี 2560 โดยเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2560 ที่ประชุมเต็มคณะของสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 72 (UNGA72) ได้รับรองข้อมติ Global Health and Foreign Policy : addressing the health of the most vulnerable for an inclusive society ซึ่งเสนอให้จัดการประชุมระดับสูงว่าด้วยหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี 2562 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2561 ที่ประชุมเต็มคณะของสมัชชาสหประชาชาติสมัยที่ 73 (UNGA73) ได้รับรองข้อมติ Scope, modalities, format and organization of the high-level meeting on universal health coverage ซึ่งกาหนดให้จัดการประชุมดังกล่าวในวันที่ 23 กันยายน 2562 โดยให้จัดการอภิปรายระหว่างผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 2 รายการ ในลักษณะคู่ขนานกับการประชุมเต็มคณะ ด้วยเจตนารมณ์ทางการเมืองต่อการบรรลุหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าในปี ค.ศ.2030 ควบคู่ไปกับการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) ในปีเดียวกัน โดยเร่งรัดให้ประเทศต่างๆ เพิ่มความพยายามในการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่มีประสิทธิภาพและมีความยั่งยืนทางงบประมาณ บนพื้นฐานของระบบสาธารณสุขที่แข็งแรง

ไทยสนับสนุนให้ทุกประเทศบรรลุเป้าหมายของการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า โดยไทยเป็นตัวอย่างของประเทศรายได้ต่อหัวระดับปานกลางที่ประสบความสาเร็จ รวมทั้ง ส่งเสริมการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าที่ก่อให้เกิดความเท่าเทียมและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง มีระบบบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพและธรรมาภิบาล และเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม

ทั้งนี้ ไทยพร้อมจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการจัดการบริการสาธารณสุขและการสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้ากับประเทศต่างๆ เพื่อให้นำไปประยุกต์ใช้ตามบริบทของแต่ละประเทศ ซึ่งรวมถึงในรูปแบบของความร่วมมือใต้-ใต้.

ข่าวเกี่ยวข้อง

“บิ๊กตู่” ถึงนิวยอร์ก คนไทยแห่ต้อนรับอบอุ่น ก่อนร่วมประชุม UN

"บิ๊กตู่" พบชุมชนคนไทยในสหรัฐฯ ย้ำ ตลอด 5 ปี รัฐบาลปฏิรูปประเทศทุกด้าน