‘ศรีสุวรรณ’ จะไปยื่นป.ป.ช. ตู่ติงสื่ออย่าลงข่าวไร้สาระ ยอมหงอนัดโอ๋พรรคเล็ก
“บิ๊กตู่” เปรยสื่ออย่าไปนำเสนอข่าวไร้สาระมากเลย แฟนคลับโผล่ให้กำลังใจสู้ๆอย่าท้อ โฆษก พท.แซะลาออกเริ่มนับหนึ่งใหม่ “ภูมิธรรม” บี้กล้าหาญรับผิดถวายสัตย์ฯไม่ครบ กลับไปทำให้ถูกต้อง สับ “บิ๊กแดง” คิดบวกอย่ามัวมองมุมเก่า “ศรีสุวรรณ” ยื่น ป.ป.ช.ไต่สวนนายกฯ ไร้สำนึกรับผิดชอบ จงใจขัด รธน.ฝืนจริยธรรมร้ายแรง เป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง “เรืองไกร” เปิดปม “ชวน” รวบรัดผิดขั้นตอนเสนอชื่อนายกฯ ร้องอัยการสูงสุดสอยนายกฯเป็นโมฆะหวังล่มเรือเหล็ก “สุกิจ” งัด ม.272 ตอกกลับ 5 ปีแรกให้ใช้กระบวนการในรัฐสภา ไม่ต้องแยกเสนอชื่อนายกฯในสภาฯก่อน พปชร.ถกแบ่งเก้าอี้ข้าราชการการเมืองแก้พรรคเล็กปั่นป่วน ส่ง “ธรรมนัส” กล่อมให้จบ “มงคลกิตติ์” แฉแกนนำยกเก้าอี้ให้อดีตเมียแต่ไม่รับ ลั่นรับไม่ได้นโยบายเพิ่มภาษีน้ำมัน-ประชานิยมแจกเงิน
จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) กล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 ยังคงเป็นประเด็นปัญหาทางข้อกฎหมายที่พรรคฝ่ายค้านและภาคประชาชนต่างเรียกร้อง ให้มีการแก้ไขถวายสัตย์ฯใหม่ให้ถูกต้อง ขณะที่นายกฯพยายามตัดบทขอให้ทุกฝ่ายจบปัญหาดังกล่าว ล่าสุดได้เปรยขอให้สื่อมวลชนอย่าไปนำเสนอข่าวที่ไร้สาระ
“บิ๊กตู่” อวยพร 74 ปี “บิ๊กป้อม”
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 12 ส.ค. ที่ท้องสนามหลวง ภายหลัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประจำปีพุทธศักราช 2562 เสร็จพิธีแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ได้เดินเข้าไปทักทายคณะรัฐมนตรีบางส่วนที่มาร่วมในพิธี และไปพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมถือโอกาสอวยพรวันคล้ายวันเกิด พล.อ.ประวิตรที่มีอายุครบ 74 ปี เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ก่อนจะยืนพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตรและ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อยู่สักครู่หนึ่ง
...
ขอสื่ออย่าสนใจเรื่องไร้สาระให้มาก
จากนั้นนายกฯได้พูดคุยกับท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ทีขะระ ราชเลขานุการในพระองค์สมเด็จพระบรม ราชชนนีพันปีหลวง ก่อนหันมาพูดกับผู้สื่อข่าวว่าขอเชิญชวนประชาชนทุกคนไปดูที่พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ณ หอรัษฎากรพิพัฒน์ ในพระบรมมหาราชวัง เนื่องในโอกาสวันพลังแห่งรัก ที่เคยไปมาน่าสนใจเพราะเป็นผ้าไทยสมัยก่อน สมัยโบราณ รวบรวมผ้าในอาเซียนมาหมดตั้งแต่โบราณกาลมา เพื่อให้รู้ว่ามีสมเด็จพระราชินีได้ทรงทำอะไรมาบ้าง ทุกคนจะได้ภูมิใจ
นายกฯกล่าวต่อว่า ถ้าทุกคนไม่รู้ตรงนี้ ไม่รู้ ความเป็นมา ก็ไม่รู้จะรักประเทศได้อย่างไร ไม่รู้ประวัติศาสตร์ชาติไทยเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้นเด็กนักเรียน ถ้าสนใจแต่เรื่องสมัยใหม่เกิดมาก็เจอแต่เรื่องแบบนี้ โดยอยากจะได้ดีกว่านี้ โดยที่ไม่รู้ก่อนหน้านี้ว่าเขาทำอะไรมาบ้าง นั่นแหละคือการขาดความเชื่อมโยงในการพัฒนาประเทศ วันนี้เรื่องอะไรที่ไร้สาระอย่าไปนำเสนอข่าวมากเลย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อนายกฯกล่าวถึงตรงนี้ ผู้สื่อข่าวพยายามจะขอสัมภาษณ์ นายกฯรีบตัดบททันทีว่า “ผมไม่ตอบ”
แฟนคลับโผล่ให้กำลังใจสู้ๆอย่าท้อ
ต่อมานายกฯได้เดินไปขึ้นรถ ระหว่างนั้นได้มีประชาชนเกือบ 10 คนมารออยู่ก่อนแล้ว จึงรีบเข้ามาขอถ่ายรูปและบางคนเข้าสวมกอด พร้อมกล่าวให้กำลังใจว่า “ให้กำลังใจขอให้นายกฯสู้ๆ ลุงตู่สู้ๆ อย่าท้อนะ ถ้าท้อแต่ห้ามถอย อยู่ต่อ 20 ปีไปเลย” ขณะที่นายกฯได้โบกมือให้ก่อนขึ้นรถกลับออกไป

“ประวิตร” ชี้ไม่เป็นไรมรสุมรุมนายกฯ
ก่อนหน้านี้ ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.พัฑฒะนะ พุธานานนท์ รองประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด นำคณะกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ อวยพรวันเกิดย้อนหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เนื่องในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 74 ปี เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา พร้อมรับมอบของที่ระลึก โดยมีหน่วยงานเกี่ยวข้องร่วมด้วย เช่น ตัวแทนกรมป่าไม้ได้มอบกระเช้าผลไม้ และ พล.ร.ต.อเนก อันสุขสรรค์ รองผู้บัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (รอง ผบ.กปช.จต.)
เมื่อถูกถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กำลังโดนมรสุมถาโถมเข้าใส่ทั้งเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 รวมถึงปัญหาพรรคเล็กขอแยกตัวจากรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ พล.อ.ประวิตรกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่เป็นไร เมื่อถามย้ำว่า ให้กำลังนายกรัฐมนตรีอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เป็นไร ไม่มีอะไร
พท.แซะเหลือหนทางแค่ลาออก
วันเดียวกัน นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ทางออกเรื่องถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เหลือไม่มากแล้ว หากเลือกแนวทางการแก้ไขปัญหาโดยการขอพระราชทานอภัยโทษ ขอพระบรมราชานุญาตนำ ครม.เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่ เพื่อให้ครบถ้วนสมบูรณ์ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ คำถามจากประชาชนที่จะตามมาคือจะถือเป็นการกระทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ และจะส่งผลถึงการแถลงนโยบายใหม่ต่อรัฐสภา รวมถึงผลการปฏิบัติหน้าที่ มติใดๆของ ครม.ชุดนี้จะถูกตีความทางกฎหมายอย่างไร จะเป็นโมฆะไปด้วยหรือไม่ ดังนั้นแนวทางที่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออก แล้วเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ตามรัฐธรรมนูญ
ตามตั้งกระทู้ถาม-ยังไงก็หนีไม่ออก
นายอนุสรณ์กล่าวด้วยว่า ปัญหาของประเทศมีมากเกินกว่าจะรอการตัดสินใจจาก พล.อ.ประยุทธ์เพียงคนเดียว ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าใด คนช่วยคิดช่วยพูด ยิ่งลดน้อยถอยลงทุกที บางคนที่เคยรอบรู้ทุกเรื่องยังต้องแทบประกาศหาคนหาย สัปดาห์ที่แล้วประชาชนตั้งคำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์หนีการประชุมสภาฯไปกินทุเรียนจนเพลียด้วยเรื่องนี้หรือไม่ สัปดาห์นี้สภาฯจะตั้งกระทู้ถามสดอีกครั้ง เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์กลับมาตอบให้ชัดว่าจะแก้ไขปัญหานี้ด้วยวิธีใด หนีอย่างไรก็หนีไม่ออก ต้องหันหน้ามาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังโดยด่วน

บี้รับผิดแล้วกลับไปทำให้ถูกต้อง
นายภูมิธรรม เวชยชัย ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯนำ ครม.ถวายสัตย์ฯไม่ครบถ้วนว่า ชัดเจนแล้วว่าเป็นการกระทำขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 161 หลักฐานความผิดเป็นที่ประจักษ์ ทั้งในคลิปที่มีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการ และในคำกล่าวยอมรับของนายกฯในที่ประชุมผู้บริหารระดับสูงของหน่วยราชการเป็นเรื่องสำคัญ ถือเป็นความผิดของ ครม.ทั้งคณะ ไม่ใช่ความผิดเฉพาะผู้ใดผู้หนึ่ง เพราะทุกคนต้องกล่าวขานชื่อตัวเองและต้องเปล่งวาจาไปตามคำถวายสัตย์ฯ นอกจากนี้การเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯเป็นพิธีการสำคัญสูงสุดก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ดังนั้นการแก้ปัญหาจะเสร็จสิ้นเร็วและง่ายกว่านี้ หากผู้นำของประเทศกล้าหาญที่จะยอมรับความจริงและพร้อมเผชิญปัญหา โดยสิ่งใดที่ทำผิดกลับไปทำให้ถูกต้อง สิ่งใดที่ยังทำไม่ครบ ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กลับไปทำให้ครบและให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และนายกฯมีหนังสือกราบ บังคมทูลขอพระราชทานอภัยและขอพระบรมราชานุญาตนำ ครม.เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ฯอีกครั้งให้ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและขั้นตอน จะสามารถเรียกความถูกต้องและความเชื่อมั่นให้กลับมาได้
แนะ “บิ๊กแดง” คิดบวกอย่ามองมุมเก่า
นายภูมิธรรมกล่าวต่อว่า สำหรับกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศถึงบางพรรคและคนรุ่นใหม่ฟังแล้วกังวลใจ วิธีแก้ไขความขัดแย้งคือการคิดบวก หลีกเลี่ยงการพูดและการกระทำที่จะนำไปสู่ความไม่เข้าใจหรือความแตกแยก ไม่อยากเห็นเจ้าหน้าที่และฝ่ายความมั่นคง มองมิติเรื่องความมั่นคงในมุมมองแบบเก่าๆ เชื่อมั่นว่าคนไทยทุกคนทุกฝ่ายต่างรักและปรารถนาดีต่อประเทศและสถาบัน อยากเห็นประเทศเจริญก้าวหน้า การวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆล้วนเกิดขึ้นบนฐานที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศไปในทางที่ดี การมีทัศนะและมองให้เห็นพลังของคนหนุ่มสาวที่มีคุณค่า นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในสังคม ถ้ามองอย่าง เข้าใจจะยิ่งนำพลังด้านบวกมาพัฒนาสังคมได้ดีขึ้น หันหน้ามาร่วมมือกันคิดบวกเพื่อประเทศและประชาชน มุ่งแสวงหาความร่วมมือมากกว่าทำลายกัน แล้วความเชื่อมั่นจะกลับคืนสู่สังคมไทย ประเทศจะเดินหน้าต่อไปได้อีกไกล
“พิธา” เย้ย รปห.แก้โกงได้คงไร้ทุจริต
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ชั้น 8 อาคารไทยซัมมิท พรรคอนาคตใหม่ จัดเสวนาในหัวข้อ “ราคาของความเหลื่อมล้ำ” โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ เป็นผู้บรรยาย มีผู้เข้าร่วมฟังเสวนากว่า 100 คน จากหลากหลายอาชีพ โดยนายพิธากล่าวตอนหนึ่งว่า ความเหลื่อมล้ำเป็นต้นเหตุและผลพวงของระบบการเมือง และระบบการเมืองที่ล้มเหลวจะส่งผลต่อระบบเศรษฐกิจที่ล้มเหลว และระบบเศรษฐกิจที่ล้มเหลวกลับไปซ้ำเติมระบบการเมืองอีกรอบหนึ่ง จนคน 99 เปอร์เซ็นต์ไม่สามารถออกจากวังวนของความเหลื่อมล้ำได้
ที่ผ่านมาใครๆบอกว่าถ้ามีคอร์รัปชันต้องมีการทำรัฐประหาร ถ้าเรื่องนี้เป็นจริงป่านนี้ประเทศไทยต้องไม่มีคอร์รัปชันแล้ว เพราะรัฐบาลทหารเยอะขนาดนี้ แล้วรัฐบาลทหารตรวจสอบได้หรือไม่ ยึดโยงกับประชาชนหรือไม่ ถ้าจะกำจัดวงจรอุบาทว์ของความเหลื่อมล้ำ ต้องทำให้ประชาธิปไตยเข้มแข็ง เปิดโอกาสให้ระบบได้ทำงานอย่างเต็มที่ หากพรรคของตนไม่สามารถทำให้ระบบรัฐสภาตอบสนองประชาชน วงจรอุบาทว์เดิมจะกลับมา ขอให้สังคมให้โอกาสประชาธิปไตย เป็นไปไม่ได้แล้วที่จะปล่อยให้ระบบเศรษฐกิจอยู่กับคนไม่กี่ตระกูล

“ศรีสุวรรณ” ยื่น ป.ป.ช.สอบนายกฯ
ด้านนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย กล่าวว่า วันที่ 13 ส.ค. เวลา 10.00 น. จะไปยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่สำนักงาน ป.ป.ช.ให้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม นำ ครม.ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 เพื่อพิจารณาส่งเรื่องส่งให้อัยการสูงสุดหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยต่อไป
ไม่รักษา รธน.ฝืนจริยธรรมส่อพ้น รมต.
นายศรีสุวรรณกล่าวอีกว่า การที่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าข้อความที่กล่าวถวายสัตย์ฯไปครอบคลุมทั้งหมดในการดูแลประชาชน และขอให้เรื่องนี้จบลงได้แล้วนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่นักกฎหมาย ไม่เข้าใจเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ การที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อย่างไรต้องปฏิบัติไปตามนั้น จะเอาสีข้างเข้าถู ตีกรรเชียงหนีความรับผิดชอบไม่ได้ หากผู้นำประเทศไม่กล่าวถวายสัตย์คำว่า “ทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” แสดงว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยากรักษาและปฏิบัติ ตาม อาจจะฉีกทิ้งรัฐธรรมนูญเมื่อใดก็ได้หรือ แม้ พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าขอรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าวแทน ครม.แต่บัดนี้ยังไม่มีวี่แววว่า พล.อ.ประยุทธ์จะรับผิดชอบอย่างไร การไม่สำนึกในความรับผิดชอบดังกล่าว เข้าข่ายจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อาจเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ตามมาตรา 170 (4) ของรัฐธรรมนูญ 2560
เปิดปม “ชวน” ผิดขั้นตอนชงชื่อนายกฯ
ขณะที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติกล่าวว่า กรณีการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนไม่ครบถ้วนของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีประเด็นใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมไม่ว่าปมถวายสัตย์และปมไม่แจงที่มาของรายได้จะแก้ไขอย่างไรก็ตาม ไม่มีผลทำให้รัฐบาลนี้เกิดความชอบธรรมขึ้นมาได้ โดยมีเหตุมาจากนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญให้ครบถ้วนในการให้ความเห็นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ซึ่งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 6/2559 ระบุไว้ชัดว่าการได้มาซึ่งนายกฯนั้นรัฐธรรมนูญได้แบ่งขั้นตอนของการเสนอชื่อและการให้ความเห็นชอบออกจากกัน ขั้นตอนการเสนอชื่อต้องทำในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร และขั้นตอนการให้ความเห็นชอบต้องทำในที่ประชุมรัฐสภา แต่เมื่อวันที่ 5 มิ.ย.นายชวนในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร ต้องดำเนินการให้มีการเสนอชื่อบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกฯในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรก่อน แต่นายชวนไม่ทำทั้งที่มีการทักท้วงแล้ว และมีการรวบรวมขั้นตอนไปทำในที่ประชุมรัฐสภา มีหลักฐานคือบันทึกการประชุม

ร้อง อสส.นายกฯเป็นโมฆะ
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า การข้ามขั้นตอน โดยไม่ทำตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว คงทำให้หลายคนรู้สึกเสียวสันหลัง เพราะผู้ที่เกี่ยวข้องต้องตระหนักรู้ได้ทันทีว่าการเลือกนายกฯผิดพลาดแล้วอย่างจัง ทำให้การได้มาซึ่งนายกฯไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ดังนั้นเรื่องถวายสัตย์ฯไม่ครบ เรื่องนโยบายไม่ใส่ตัวเลข จึงเป็นประเด็นรอง เรื่องนี้อาจเป็นต้นเหตุที่จะทำให้เรือเหล็กจมลงได้ ดังนั้นจะไปร้องที่สำนักงานอัยการสูงสุดในวันที่ 13 ส.ค.เวลา 10.30 น. เพื่อให้ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการที่นายชวนไม่ทำตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ จะทำให้การกระทำของนายชวนขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ และการให้ความเห็นชอบ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีจะเป็นโมฆะหรือไม่
“สุกิจ” งัด ม.272 ให้ 5 ปีแรกใช้รัฐสภา
นพ.สุกิจ อัตโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาฯ กล่าวถึงกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ เตรียมยื่นเรื่องต่ออัยการสูงสุด เอาผิดนายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ กรณีทำผิด รัฐธรรมนูญว่าด้วยขั้นตอนการเสนอชื่อและลงมติเลือกนายกฯต่อที่ประชุมร่วมรัฐสภาว่า เป็นความเข้าใจผิดหรือเจตนาเข้าใจผิดเพื่อสร้างประเด็นทาง การเมืองของนายเรืองไกร ตามกระบวนการเลือกนายกฯ กำหนดไว้ชัดเจนตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 272 กำหนดให้ใน 5 ปีแรกใช้กระบวนการในรัฐสภา ที่ประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาเลือกนายกฯโดยไม่จำเป็นต้องเปิดประชุมสภาฯเพื่อเสนอชื่อบุคคลที่สภาฯจะลงมติเลือกให้เป็นนายกฯก่อน แล้วถึงจะเปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อลงมติ ยืนยันนายชวนทำตามขั้นตอนที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ทุกอย่าง ไม่มีประเด็นที่จะเอาผิดทางกฎหมายได้ เรื่องนี้เข้าใจว่าเป็นเรื่องที่นายเรืองไกรคิดขึ้นเอง ไม่มีนัยใดๆที่จะดิสเครดิตการปฏิบัติหน้าที่ของประธานสภาฯได้
พปชร.แก้ปัญหาพรรคเล็กป่วน
ส่วนกรณีพรรคเล็กขู่ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อเวลา 09.30 น.ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แกนนำพรรคและคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคได้หารือเพื่อหาข้อยุติแก้ปัญหาดังกล่าวและเกลี่ยโควตาตำแหน่งข้าราชการการเมืองในส่วนที่เหลือ มีแกนนำพรรคเข้าร่วมพร้อมหน้า อาทิ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ในฐานะหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เลขาธิการพรรค นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล ประธานยุทธศาสตร์ภาคใต้ เป็นต้น โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง นายอุตตมกล่าวว่า พูดคุยหลายเรื่อง และหาข้อยุติปัญหาพรรคเล็กให้ได้ก่อนพรรคเล็กแถลงข่าววันที่ 13 ส.ค.
ส่ง “ธรรมนัส” คุย-ไม่รั้ง “มงคลกิตติ์”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมมอบหมายให้ ร.อ.ธรรมนัสเป็นผู้ประสานงานพูดคุยพรรคเล็กหลังเสร็จการประชุม เพื่อหาข้อสรุปในเงื่อนไขที่พรรคเล็กต่อรองขอตำแหน่ง เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและ รมว.กลาโหม ทราบปัญหาที่เกิดขึ้น เข้าใจพรรคเล็กและต้องให้โอกาสทำงาน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯ ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังประชุมว่า เรื่องที่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เตรียมแถลงถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาลไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ รู้มาสักพักแล้วว่าจะขอลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล เคารพการตัดสินใจและให้อิสระ เพราะนายมงคลกิตติ์ยืนยันแล้วว่าจะเลือกฝ่ายประชาชน ต้องปล่อยเขาไป ส่วนความชัดเจนในการลาออกนั้น คาดว่าจะชัดเจนหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรคไทยศรีวิไลย์วันที่ 13 ส.ค.
“ชื่นชอบ” ลูก “ชัช เตาปูน” ได้ผู้ช่วย รมต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในส่วนพรรคเล็กที่ประชุมได้หารือจะจัดสรรตำแหน่งข้าราชการการเมืองให้ เช่น พรรคพลังท้องถิ่นไท จะได้โควตาผู้ช่วยรัฐมนตรี 1 ตำแหน่ง โดยเสนอชื่อนายชื่นชอบ คงอุดม บุตรชายนายชัชวาลล์ คงอุดม ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท ส่วนเป็นผู้ช่วยกระทรวงใด ขึ้นอยู่กับนายกฯพิจารณา ส่วนตำแหน่งที่ปรึกษา รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงจะเป็นผู้พิจารณาเอง
หลาน “บิ๊กจิ๋ว” นั่งที่ปรึกษา รมช.คค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับตำแหน่งข้าราชการการเมืองส่วนที่เหลือในโควตาพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเสนอ ครม.พิจารณาวันที่ 13 ส.ค.มีอดีตผู้สมัคร ส.ส.สอบตกและคนใกล้ชิด ส.ส.หลายคนถูกเสนอชื่อ อาทิ นายเนวินธุ์ ช่อชัยทิพย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.ถูกเสนอให้เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีของนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม น.ส.ณัฎฐ์พัชร์ ยงใจยุทธ อดีตผู้สมัคร ส.ส.นครพนม หลานสาว พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ จะมาเป็นที่ปรึกษา รมช.คมนาคม (นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ) นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช อดีตผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อและประธานสมาพันธ์ต่อต้านแชร์ลูกโซ่แห่งประเทศไทย มาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม นายวิวัฒน์ นิติกาญจนา สามีนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี เป็นที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม

ตั้ง ปธ.ยุทธศาสตร์ให้ “บิ๊กป้อม” นั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเสนอขอเปิดประชุมวิสามัญพรรค ปรับโครงสร้างกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เพราะชุดปัจจุบันเป็นกรรมการบริหารพรรคเฉพาะกิจเลือกตั้ง ไม่ยึดโยง ส.ส.หลังเลือกตั้ง อยากให้ปรับยึดโยง ส.ส.เข้ามาเป็นกรรมการบริหารพรรค และเสนอให้พิจารณาพรรคตั้งประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค รองรับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และสมาชิกพรรคมานั่งเป็นประธาน เพื่อเป็นศูนย์กลางควบคุม ส.ส.ประสานงานในพื้นที่ รับฟังปัญหา ส.ส.ทุกภาค รูปแบบมีคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคชุดใหญ่ มีการตั้ง ผอ.ภาคต่างๆเพื่อรับปัญหามา แล้วส่งเข้าสู่ส่วนกลาง โดยจะเข้าสู่ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งต่อไป
“มงคลกิตติ์” รับไม่ได้นโยบาย พปชร.
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวว่า ยืนยันจุดยืนไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐต่อไปแน่นอน แม้เมื่อวันที่ 11 ส.ค. มีคนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม รวมถึงคนสนิท พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ อย่าง พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิกวุฒิสภา โทรศัพท์มาพูดคุยเพื่อหาทางออกให้ แต่ทุกอย่างสายไปแล้ว แม้มีตำแหน่งทางการเมืองมาให้พรรคเล็กก็ตาม และจะเป็นวิปฝ่ายค้านอิสระ การตัดสินใจออกจากพรรคร่วมรัฐบาลเรื่องตำแหน่งข้าราชการการเมืองเป็นเพียงแค่ 20% แต่รับไม่ได้กับนโยบายของรัฐบาลที่จะเพิ่มภาษีน้ำมัน นโยบายประชานิยมแจกเงินของพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงประเด็นเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญาณของนายกฯ ที่เห็นว่านายกฯควรลาออกและทำการถวายสัตย์ปฏิญาณใหม่ ส่วนกระแสข่าวที่ว่ามีการต่อรองตำแหน่งทางการเมืองให้อดีตภรรยาของตนที่อยู่ในบัญชีผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค อันดับที่ 3 นั้น เสนอมาจริงแต่อดีตภรรยาปฏิเสธไม่รับ
เปิดหน้าเป็นฝ่ายค้านอิสระเต็มตัว
นายมงคลกิตติ์กล่าวอีกว่า วันที่ 13 ส.ค.เวลา 13.00 น. กรรมการบริหารพรรคจะแถลงข่าวประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระอย่างเป็นทางการเพียงพรรคเดียว ที่โรงแรมเซ็นทารา ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ และวันเดียวกันเวลา 14.30 น. พรรคเล็กทั้ง 9 พรรคประกอบด้วย พรรคพลังชาติไทย พรรคประชาภิวัฒน์ พรรคพลังไทยรักไทย พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรค ประชานิยม พรรคประชาธรรมไทย พรรคพลเมืองไทย พรรคประชาธิปไตยใหม่ และพรรคพลังธรรมใหม่ จะมีการแถลงจุดยืนทางการเมือง ที่อาคารทีพีแอนด์ที ถนนวิภาวดีรังสิต
“บิ๊กตู่” นัดกินข้าวปลอบใจ 15 ส.ค.
พล.ต.ทรงกลด ทิพยรัตน์ หัวหน้าพรรคพลังชาติไทย เปิดเผยว่าจากการหารือ 9 พรรคเล็ก เบื้องต้นยังคงจับกลุ่มเหนียวแน่นกับรัฐบาลเหมือนเดิม ไม่แยกตัวไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ แต่นายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ยังไม่ทราบท่าทีชัดเจน เท่าที่ทราบกลุ่ม 10 พรรคเล็กมีนัดรับประทานอาหารร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหมวันที่ 15 ส.ค.แต่ยังไม่ระบุเวลาและสถานที่แน่นอน
นพ.ระวี มาดฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เปิดเผยว่า ขณะนี้กลุ่ม 10 พรรคเล็กได้รับการประสานภายในจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช. เกษตรฯ หลังประชุม ครม.วันที่ 13 ส.ค.ขอนัดรับประทานอาหารและปรึกษาหารือทางการเมืองเวลา 13.30 น. ณ สถานที่แห่งหนึ่ง จากนั้นแถลงข่าวเวลา 14.00 น. ที่พรรคประชานิยม ถนนวิภาวดีรังสิต ขอยืนยันเวลานี้ทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว กลุ่ม 10 พรรคพอใจจะสนับสนุนรัฐบาลต่อไป แต่มีเพียง 1 พรรคที่ยังมีท่าทีบางอย่างอยู่ ก็เป็นเรื่องส่วนตัว
เฉือนเก้าอี้แจกเค้ก 10 พรรคเล็ก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดพรรคพลังประชารัฐยอมเฉือนแบ่งเก้าอี้ทางการเมือง โดยเฉพาะ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีให้กลุ่ม 10 พรรคเล็กลงตัวแล้ว 4-5 พรรคและจะนำรายชื่อเข้า ครม.วันที่ 13 ส.ค. หากตรวจสอบคุณสมบัติผ่านเรียบร้อย อาทิ นายสมเกียรติ ศรลัมพ์ หัวหน้าพรรคประชาภิวัฒน์ ได้ลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อมาเป็นกรรมการ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) พรรคครูไทยได้กรรมการผู้ช่วย รมว.ศึกษาธิการ (นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ) พรรคพลังธรรมใหม่ ได้กรรมการผู้ช่วย รมว.พลังงาน พรรคประชาธิปไตยใหม่ ได้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงมหาดไทย และพรรคพลังไทยรักไทย ได้กรรมการผู้ช่วย รมว.เกษตรฯ ขณะที่พรรคอื่นๆอยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติจะทยอยส่งจนครบ ส่วนนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์และนายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย สุดสัปดาห์แกนนำพรรคพลังประชารัฐต่อสายพูดคุยกับนายมงคลกิตติ์เบื้องต้นได้ยื่นเงื่อนไขว่าหากไม่สามารถหาเก้าอี้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีและที่ปรึกษารัฐมนตรีให้ได้จะให้เก้าอี้ประธานคณะกรรมาธิการการคลังฯ หรือประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาฯ แก่นายมงคลกิตติ์
“จิรายุ” จีบ “ ฟิล์ม รัฐภูมิ” ร่วมงาน พท.
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีศิลปินดารานักแสดงที่หลายคน หันมาให้ความสนใจด้านการเมือง แต่บางคนไปอยู่ผิดที่ผิดเวลาผิดพรรค ทำให้วิถีชีวิตทางการเมืองไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เช่นกรณี “ฟิล์ม” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ที่ลาออกจากพรรคพลังท้องถิ่นไทของนายชัชวาลล์ คงอุดม หรือชัช เตาปูน ขอเชิญชวนฟิล์มมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย เพื่อจะได้สานต่อหรือทำงานทางด้านการเมือง ที่นโยบายพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน และเพื่อความถูกต้องที่จะร่วมกันทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล

“จุรินทร์” โบ้ยแกนนำเคลียร์แนวร่วม
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและ รมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเล็กจะถอนตัวออกจากพรรคร่วมรัฐบาลว่า แต่ละพรรคย่อมมีสิทธิตัดสินใจดำเนินการตามวิธีทางการเมืองที่เห็นว่าสมควร แต่ถ้าเคยเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอยู่แล้ว คงเป็นภารกิจของพรรคพลังประชารัฐต้องไปประสานงาน ทั้งนี้ในที่ประชุม ครม.วันที่ 13 ส.ค.พรรคประชาธิปัตย์ จะเสนอแต่งตั้ง น.ส.รัชดา ธนาดิเรก อดีต ส.ส.กทม.เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกมนตรี
ยันแก้ รธน.-ปัญหาปากท้องทำคู่กันได้
นายจุรินทร์กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านเสนอแคมเปญแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 60 ทั้งฉบับโดยให้ตั้ง ส.ส.ร.ว่า จุดยืนพรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เปลี่ยนแปลง ได้เสนอเป็นนโยบายรัฐบาลใน 12 ข้อเมื่อถึงเวลาต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบาย ทั้งการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น โดยเฉพาะหมวดที่ว่าด้วยหลักเกณฑ์เงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นปราการด่านสำคัญที่จะส่งผลให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญในอนาคตเป็นไปได้ยาก เกือบจะเรียกว่าแก้ไขไม่ได้เลย พรรคประชาธิปัตย์จึงเสนอให้แก้ไขหลักเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้รัฐธรรมนูญในอนาคตแก้ไขได้ง่ายเสียก่อน โดยใช้เสียงเกินครึ่งหนึ่งของที่ประชุมรัฐสภา คาดว่าจะเพียงพอและจะได้รับการสนับสนุนจากหลายฝ่าย การจะแก้รัฐธรรมนูญถือเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่ต้องหารือในช่วงที่เหมาะสมของ ครม. แต่ยังมองว่าปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไขคือปากท้องโดยเฉพาะเศรษฐกิจฐานความยากจนและปัญหาเกษตรกรก่อน ยอมรับว่าทั้ง 2 เรื่องทำควบคู่กันไปได้
วิป รบ.เชื่อคุมเสียงในสภาฯได้
นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ รองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวว่า การประชุมวิปรัฐบาลวันที่ 13 ส.ค. เวลา 09.30 น. ที่รัฐสภาเกียกกาย จะพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุมสภาฯที่ประชุมต่อจากเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่มีปัญหาการลงมติในข้อบังคับข้อที่ 9 (1) เกี่ยวกับการทำหน้าที่และอำนาจของประธานสภาฯ ต้องหารือกันในวิปรัฐบาล ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแพ้ชนะ เป็นเรื่อง กมธ.เสียงข้างน้อย แต่ต้องหารือความชัดเจนเรื่องการสื่อสารในกรรมาธิการฯ และความคิดเห็นของพรรคร่วมรัฐบาลที่ต้องไปในทิศทางเดียวกันอย่างมีเอกภาพ ต้องชัดเจนในรายละเอียดกฎหมายหรือญัตติว่าจะเห็นไปในแนวทางใด หากไม่ลงรายละเอียดอาจกระทบการลงคะแนนในกฎหมายสำคัญได้ วิปฯต้องคุยกันว่ากฎหมายที่ กมธ.พิจารณาต้องปรึกษากันให้ตกผลึก ไม่ใช่ปล่อยปัญหาให้สงวนความเห็น จะเป็นปัญหากลับมาสู่ที่ประชุมสภาฯ เชื่อว่าคุมเสียงรัฐบาลได้ไม่มีปัญหา
ฉะฝ่ายค้านอิจฉา “ชวน” มีแต่ความดี
“ฝ่ายค้านได้เตรียมเอาประเด็นนี้ขึ้นมา ขอแก้ไขเพิ่มเติมไม่ใช่เพียงเพื่อหวังผลในข้อบังคับ แต่ต้องการวิพากษ์วิจารณ์นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ในการวางตัวไม่เป็นกลาง เห็นชัดเจนอยู่แล้วว่านายชวนอยู่ในข้อบังคับ ถ้าสิ่งที่ขอแก้ไปอยู่ในข้อบังคับจะกลายเป็นหลุมดำในข้อบังคับ ต่อไปไม่ต้องทำอะไรเลย ทั้งที่นายชวนมีแนวทางเดิม ตอนเป็นนายกฯความเป็นกลางชัดเจน เป็นประธานสภาฯไม่ต้องพูดถึง ฝ่ายค้านอาจเคียดแค้น เพราะนายชวนมีเสียงชื่นชมตลอด” นายชินวรณ์กล่าว
จะแก้ รธน.สะเดาะกลอนประตูก่อน
นายชินวรณ์ยังกล่าวถึงข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญของ 7 พรรคฝ่ายค้านว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญว่าจะดำเนินการอย่างไรบ้าง ต้องใช้เสียงทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ที่มีจำนวนที่มากพอที่จะแก้ไขได้ การที่เราจะแก้ไขได้จะต้องแสวงหาประเด็นร่วมกันของทุกฝ่ายก่อนว่าเราจะแก้ไขในประเด็นใดที่ทำได้และรัฐบาลต้องทำตามนโยบายเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องแสวงหาความร่วมมือเห็นชอบ ส่วนการเสนอให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา เป็นความคิดเดิมของฝ่ายค้านที่หาเสียงไว้ ว่าต้องแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เป็นสิทธิของฝ่ายค้าน แต่กระบวนการแก้ไขเราต้องดูว่าควรแก้ไขในประเด็นใด เพื่อเปิดประตูประชาธิปไตย ดังนั้น เราควรแก้ไขในประเด็นที่สะเดาะกลอนประตูก่อนเพื่อให้แก้ไขได้ง่ายขึ้น

“เสรี” หยันต้องฝ่าด่าน ส.ว.ให้ได้
นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิก ส.ว.กล่าวถึงกรณี 7 พรรคฝ่ายค้านเสนอแก้รัฐธรรมนูญ โดยตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นทำให้เสร็จภายใน 240 วันว่า ผู้เสนอแก้จะต้องชี้เเจงด้วยเหตุผลให้เห็นว่ารัฐธรรมนูญที่เพิ่งใช้มาไม่นาน มีปัญหาเรื่องอะไร ไม่ใช่ขอแก้เพื่อตัวเอง หรือขอแก้ตามความรู้สึก ส่วนกระเเสข่าวที่บอกจะแก้เรื่องที่มา ส.ว.เสนอได้ แต่จะแก้ได้ไหมต้องดูเหตุผล รวมถึงการตั้ง ส.ส.ร.ต้องไปดูหลักการในรัฐธรรมนูญกำหนดกลไกเอาไว้ และต้องทำให้เห็นพ้องต้องกันเป็นส่วนใหญ่จำนวนมาก เดี๋ยวจะเป็นแค่วิธีการเล่นการเมืองสร้างประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันเท่านั้น เพราะที่สำคัญการแก้รัฐธรรมนูญรอบนี้ต้องใช้เสียง ส.ว.ด้วย
แก้ยากอย่าแค่ชงหลอกด่าไปวันๆ
นายเสรีกล่าวอีกว่า การแก้รัฐธรรมนูญคราวนี้ต้องมีเหตุผล เเก้ได้เเต่ไม่ใช่แก้ได้ง่ายๆ เพราะกำหนดขั้นตอนไว้หลายส่วนซับซ้อนพอสมควร ถ้าจะเเก้ได้ส่วนใหญ่ต้องเห็นพ้องรัฐบาล ฝ่ายค้านและ ส.ว.อย่ามาใช้วิธีชงข้อเสนอแล้วหาเหตุด่าไปเรื่อย ถ้าพูดตามเหตุผลคุยกันได้ อย่าเอากระเเสสังคมมากดดันหรือทำให้ประชาชนและสังคมเข้าใจผิดว่าคนไม่เเก้รัฐธรรมนูญเป็นคนไม่ดี ไม่ได้ขวางไม่ให้เเก้ ถ้ามีเหตุผลที่ดีชาวบ้านได้ประโยชน์เรายกมือให้ได้อยู่แล้ว คนร่างรัฐธรรมนูญร่างให้แก้ยากกว่าที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าอยู่ๆฝ่ายค้านจะมาเสนอเเก้รัฐธรรมนูญฝ่ายเดียวแล้วจะสำเร็จเป็นไปไม่ได้ วิธีการที่ทำสร้างกระเเสหลอกลวงประชาชน ทำสังคมเเตกเเยก สร้างกระเเสให้เห็นด้วยกับการต่อต้าน ไม่เป็นผลดีกับบ้านเมือง การแก้รัฐธรรมนูญบางเรื่องอาจต้องทำประชามติด้วย