อาการน่าเป็นห่วง

คงคิดว่าเสียงสนับสนุนรัฐบาลหนุนแน่นจนละเลยความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอันเนื่องมาจากเสียงสนับสนุนนั้นแท้จริงก็คือ “ปริ่มน้ำ”

แพ้-ชนะกันด้วยเสียงเพียงไม่กี่เสียงเท่านั้น

เป็นปัญหาที่ดำรงอยู่ตั้งแต่เริ่มต้นจัดตั้งรัฐบาลด้วยซ้ำไป แต่เมื่อสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ก็เลยเพลิดเพลินกันไปตามบรรยากาศ

จนกระทั่งเมื่อรัฐบาลเกิดปัญหา โดยเฉพาะตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ประสบเหตุเรื่องการ “ถวายสัตย์” จนทำให้รัฐบาลป้อแป้ไปตามเหตุ

ประเด็นนี้แม้นายกฯจะยืนยันหนักแน่นว่ายังเป็นผู้นำรัฐบาลอยู่ “ผมไม่ไปไหนหรอก” พร้อมกับเปิดใจด้วยการขอโทษรัฐมนตรีที่ทำให้เกิดปัญหาพร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง

ทว่ารูปธรรมในการแก้ไขปัญหานั้นยังไม่มีใครรู้ว่าจะใช้วิธีการอย่างไรเพื่อให้หลุดพ้นไปได้ ที่สำคัญแรงกดดันจาก 7 พรรคฝ่ายค้านนั้น

ยิ่งแรง ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเป็นลำดับ

ครั้นเกิดเรื่องที่กระทบถึง พล.อ.ประยุทธ์โดยตรง ซึ่งถือว่าเป็น “เป้าจริง” อันเป็น “จุดแข็ง” ที่สุดของรัฐบาลจึงเกิดอาการที่สะเทือนต่อเสถียรภาพที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้

พรรคการเมืองหรือที่เรียกกันว่า “พรรคจิ๋ว” แรกๆระบุว่ามี 5 พรรคก่อปฏิกิริยาจะถอนตัวจากรัฐบาลอ้างว่าไม่พอใจ

การจัดการของพรรคพลังประชารัฐไม่เป็นไปตามที่ตกลงกันไว้

คือไม่ได้ตำแหน่งทางการเมืองอย่างที่รับปากกันไว้

นั่นแหละที่ทำให้แกนนำพรรคพลังประชารัฐเกิดอาการร้อนรนขึ้นมาทันที เพราะคิดได้แล้วว่าอันตรายกำลังคืบคลาน

เข้ามาประชิดอันมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล

จึงส่งตัวแทนเข้าเจรจาในทันที ผลออกมาว่าใน 5 พรรคนั้นยังสนับสนุนรัฐบาล 3 พรรค แต่อีก 2 พรรค ระบุว่า ไม่อาจเข้าร่วมต่อไปได้

...

แต่ก็จะไม่เข้าไปร่วมกับฝ่ายค้าน จะดำรงฐานะหากรัฐบาลทำดีก็หนุนหากไม่ดีก็จะยกมือค้านเป็นแบบ “ครึ่งบกครึ่งนํ้า” โดยพลัน

ยํ้าด้วยว่าจะไม่ขอรับตำแหน่งโดยเด็ดขาด

เรื่องทำนองนี้ต้องยอมรับว่าการบริหารงานบุคคลเกิดความผิดพลาด หรือพูดง่ายๆว่าไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควรจะเป็น

ถึงกับมีการพูดกันว่าอาการแบบนี้เพราะความประมาทที่มั่นใจว่าการ “เหมาจ่าย” ไม่ได้ผลที่คิดว่า “อยู่หมัด” หาได้เป็นเช่นนั้นไม่

เพราะนักการเมืองบางคนบางกลุ่มนั้น “เขี้ยวลากดิน” แค่ไหนก็รู้กันอยู่ ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามนั้นตลอดไป

วันนี้ก็เลยเกิดปัญหาเพื่อเปิดข้อต่อรองด้วยการเรียกร้องเป็นแบบ “แล้วแต่งาน” มากกว่ารวมถึงตำแหน่งทางการเมืองด้วย

ว่าให้ถึงที่สุดปัญหานี้จึงเป็นแรงเหวี่ยงซํ้าเติมเข้ามาอีก

ในสถานการณ์ที่รัฐบาลกำลังตกที่นั่งลำบาก

หากฝ่ายรัฐบาลไม่สามารถจัดการปัญหาให้ลุล่วงให้ได้ บรรดา “เห็บ” ก็พร้อมจะกระโดดหนีหรือเพิ่มค่าตัวได้สะดวกขึ้น

สำคัญสุดก็คือเสียงสนับสนุนรัฐบาลเพราะการประชุมสภาผู้แทนฯ ก่อนหน้านี้ก็เกิดปัญหาเกือบเสียท่าฝ่ายค้านไปแล้ว

วิปรัฐบาลจะต้องใส่ใจเรื่องเสียงสนับสนุนให้มากเป็นพิเศษ เพราะดูจากพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลพรรคอื่นๆนั้น สามารถบริหารจัดการเคารพมติพรรคได้เป็นอย่างดี

แต่พลังประชารัฐแกนนำรัฐบาลนั้น “อ่อนหัด” แทบจะทุกเรื่อง.

“สายล่อฟ้า”