อัญเชิญไว้เป็นเครื่องเตือนสติ แปะข้างฝาไว้เป็นสิริมงคล

พระราชดำรัส “ในหลวงรัชกาลที่ 10” พระราชทานแด่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รมว.กลาโหม และคณะรัฐมนตรีที่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่

“ขอให้มีกำลังใจที่จะปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้ได้ตาม

คำถวายสัตย์ปฏิญาณ ทั้งนี้เพื่อความสุขและความมั่นคงของประเทศชาติและประชาชน งานใดๆก็ต้องมีอุปสรรค งานใดๆก็ต้องมีปัญหา เพราะฉะนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องแก้ปัญหา และเข้าหางานเพื่อให้การบริหารประเทศเป็นไปด้วยความเรียบร้อยตามสถานการณ์ โดยแก้ไขให้ตรงเป้าตรงจุดและมีความเข้มแข็งอดทน ก็ขอให้คณะรัฐมนตรีและรัฐบาลมีกำลังใจ มีพลังที่จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยดีด้วยความถูกต้องต่อไป”

นี่คือ “เข็มทิศ” ชี้นำทาง หลักปฏิบัติในการทำงานของรัฐบาล

ตามสถานการณ์ “พิธีกรรม” แต่งตั้ง ครม.ชุดใหม่เป็นไปโดยสมบูรณ์ ในบรรยากาศที่บรรดาคณะรัฐมนตรีทยอยเข้าทำงานในทำเนียบรัฐบาล บวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงต่างๆ

ถือฤกษ์งามยามดี เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น

เหนืออื่นใด ในอารมณ์ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เอามือตบอกข้างซ้ายพร้อมพูดต่อหน้านักข่าวบอก “มีความสุข” ภายหลังนำ ครม.ถวายสัตย์ฯ แสดงออกถึงความปลาบปลื้มในการเป็นนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย

มั่นใจการบริหารงานต่อเนื่องจาก “ประยุทธ์ ภาค 1” ที่อยู่มากว่า 5 ปี

และเป็นอะไรที่การันตีดีกรีภาพผู้นำท็อปบูตลดโทนลงไป จากการที่ “พี่เบิ้ม” สหรัฐอเมริกา โดยนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ส่งสารยินดีมายังรัฐบาลไทยชุดใหม่ ระบุตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับรัฐบาลที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อกระชับสัมพันธไมตรีและความร่วมมือระหว่างประเทศของเราทั้งสอง

...

แรงเสียดทานต่างประเทศลดลงไปตามสถานะรัฐบาลเลือกตั้ง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตามรัฐธรรมนูญ ครม.ต้องรอจนกว่าจะแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน ตอนนี้ยังไม่สามารถสั่งการโยกย้ายข้าราชการหรืออนุมัติงบประมาณได้

ทำได้แค่พูดคุย ให้นโยบายกว้างๆ กับผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น

รัฐบาลบริหารยังไม่ได้เต็มไม้เต็มมือ ในจังหวะสถานการณ์ที่ปัญหาร้อนๆจ่อรอเบื้องหน้า

โดยเฉพาะสัญญาณภัยแล้งที่ส่อเค้าหนักหน่วงรุนแรงตั้งแต่ต้นปี ตามสภาพการณ์อย่างที่เห็นในภาพข่าว นาข้าวในภาคอีสาน ภาคเหนือหลายจังหวัด เจอภาวะฝนทิ้งช่วงยืนต้นตาย ท้องนาดินแตกระแหง

สถานการณ์น้ำในเขื่อนหลักๆบางเขื่อนลดระดับเหลือศูนย์

แม้แต่แม่น้ำโขงบางช่วง น้ำลดจนเห็นแก่งหินโผล่ ปลากระเสือกกระสนดิ้นหาแอ่งน้ำหนีตาย

แนวโน้มภัยแล้งสร้างความเสียหายหนักแน่

และนั่นก็จะส่งผลสะเทือนต่อเนื่องถึงภาวการณ์ทางเศรษฐกิจ ภาวะปากท้องของเกษตรกร ชาวบ้านระดับฐานราก เพิ่มโจทย์ยากๆจากสถานการณ์เศรษฐกิจภาพรวมที่ต้องเผชิญสารพัดปัจจัยเสี่ยงทั้งการเมืองภายในประเทศ ภายนอกก็หนีไม่พ้นแรงตกกระทบสงครามการค้าสหรัฐอเมริกากับจีน

ทีมรัฐบาล “ประยุทธ์ ภาค 2” ไม่มีเวลาฮันนีมูน

แต่งานแรกเลย ที่ถือเป็นคิว “รับน้อง” พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะนายกรัฐมนตรีจากการเลือกตั้ง ที่ต้องเผชิญหน้ากับเสือ สิงห์ กระทิง แรด เกมเขี้ยวของนักการเมืองอาชีพในสภา

นั่นคือการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กำหนดคิวให้ในวันที่ 25-26 กรกฎาคมนี้ หากไม่อาจขยายต่อถึงวันที่ 27 กรกฎาคมอีกวัน ปล่อยเบรกยาวแบบ 3 วัน 2 คืน

ก่อนอื่นเลย สำรวจร่างนโยบายรัฐบาล โฟกัสไปที่นโยบายเร่งด่วน อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) พักหนี้เกษตรกร มารดาประชารัฐ ค่าแรงขั้นต่ำ 400 บาท ประกันราคาสินค้าเกษตร กัญชาเสรี แก้หนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) และแก้ไขรัฐธรรมนูญ

เป็นนโยบายผสม ฉบับยำรวมมิตรพรรคร่วม 19 พรรค

อย่างไรก็ตาม หากประเมินจากท่าทีของฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย ก็ไม่ได้มุ่งไปที่การอภิปรายเนื้อหานโยบายรัฐบาลสักเท่าไหร่

แต่ตั้งใจ “ล่อเป้า” คุณสมบัติรัฐมนตรี ขยี้ปมส่วนตัว

ตามเหลี่ยมโหมโรง ตีปี๊บส่งทีมเชือด 50 คนเข้าค่ายฝึก โดยมี “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง แกนนำพรรคเพื่อไทย ดาวสภารุ่นเดอะเป็น “เทรนเนอร์” ติวเข้ม

พร้อมปล่อย 14 รายชื่อรัฐมนตรีเป้าหมาย ไล่ตั้งแต่ทีมพี่น้อง 3 ป. พล.อ.ประยุทธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กลุ่มที่มีปมพัวพันคดีค้างเก่า อย่างนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ที่โดนลากไปนัวเนียกับคดีทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ที่ยังติดคดีทุจริตจัดซื้อเครื่องยนต์โรลส์รอยซ์การบินไทยสมัยรัฐบาล “ทักษิณ”

นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.ดีอี ที่ติดบ่วงคดีกบฏคุมม็อบ กปปส.

ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรฯที่มีปมเคยต้องโทษในประเทศออสเตรเลีย น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ ที่มีคดีบ่อบำบัดร้างสมัยเป็นนายกเทศมนตรีเมืองอุทัยธานี นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ ที่ติดปมรุกที่ ส.ป.ก. นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย ที่มีคดีไม่โปร่งใสสมัยเป็นนายก อบจ.สงขลา

ไม่เว้นพวกที่ติดบ่วงคดีถือครองหุ้นสื่อ อาทิ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล รมว.แรงงาน นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกฯ นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข

โชว์โพยเหยื่อล่อเป้า บัญชีเชือดรัฐมนตรีพร้อมประกอบข้อกล่าวหา

ราวกับเปิดฟลอร์ “อภิปรายไม่ไว้วางใจ”

ในอารมณ์แบบที่ พล.อ.ประยุทธ์ต้องรีบดักคอดักทางฝ่ายค้าน เวทีอภิปรายนโยบายรัฐบาลไม่ใช่รายการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อย่าเล่นกันเลยเถิด

รู้แกวว่า ถ้าเผลอการ์ดตก โดนชกใต้เข็มขัดแน่

และเป้าใหญ่จริงๆก็น่าจะเป็นคิวของนายอุตตม ในฐานะขุนคลัง หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ “ห้องเครื่องใหญ่” รัฐบาล ที่เกี่ยวข้องกับคดีทุจริตปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย ที่ทำให้ “นายใหญ่” อย่างอดีตนายกฯทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลออกหมายจับ อดีตรัฐมนตรีทีมดูไบต้องติดคุก ขณะที่ “เสี่ยโอ๊ค” นายพานทองแท้ ชินวัตร กำลังลุ้นพลิกคว่ำพลิกหงายจากคดีฟอกเงินในปมเดียวกัน ศาลนัดพิพากษาวันที่ 25 พฤศจิกายนนี้

การไล่บี้ทุบ “อุตตม” เพื่อแห่กระแส 2 มาตรฐาน กดดันผลทางคดี

ทั้งๆ ที่รู้ดีว่า “อุตตม” ผ่านการยืนยันมาแล้วทุกด่านว่าไม่ผิด ทางกฎหมายเคลียร์ชัดเจน

เช่นเดียวกับคิวของนายสุริยะ ที่ส่อโดนจัดหนัก

โทษฐาน “แปรพักตร์” ในฐานะอดีตคนกันเองที่สวิงข้างชิ่ง “นายใหญ่” ตามรอยคนสำคัญที่ชื่อ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”

แค้นแทบกระอัก “ทักษิณ” สั่งลุยบี้ “ขุนศึกเก่า” แหลกแน่

ตามรูปการณ์มันส่อออกแนว “ฝ่ายแค้น” มากกว่า “ฝ่ายค้าน”

อีกทั้งตามเงื่อนไขสถานการณ์ การแถลงนโยบายรัฐบาล อภิปรายกันดุเดือดเลือดพล่าน ลากยาว 3 วัน 2 คืนยังไง สุดท้ายก็จบ แยกกันไป ไม่มีการลงมติเหมือนญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

มันก็แค่เวทีระบายของฝ่ายค้านที่ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้เกมเลือกตั้งง่ายๆ

ฝ่ายค้านไม่ใช่ปัญหา แต่ที่น่าห่วงกลับกลายเป็นภายในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเองต่างหาก จากร่องรอยอาการขบเหลี่ยมในการยำรวมนโยบายของพรรคร่วมรัฐบาล

ว่าด้วยปมการแก้ไขรัฐธรรมนูญ รื้อกติกาฉบับ “ซือแป๋มีชัย ฤชุพันธุ์”

ตามอาการของทีมงานพรรคประชาธิปัตย์ที่กดดันให้บรรจุเป็นวาระเร่งด่วน ต้องทำภายใน 1 ปี แต่นั่นก็สวนทางกับอารมณ์ “ดึงเช็ง” ของ “บิ๊กตู่” และทีมงานฝ่ายความมั่นคง ที่ไม่เด้งรับแต่อย่างใด

อย่างดีก็เออออห่อหมก ให้อวดผลงานกับพ่อยกแม่ยกแค่นั้น

เพราะมันเป็นอะไรที่รู้กันดี รัฐธรรมนูญฉบับ “ซือแป๋มีชัย” คือ “ยันต์กันทักษิณ” สะกด “นายใหญ่” ให้หมดฤทธิ์เดชอาละวาด อย่างเลือกตั้งที่ผ่านมาก็ไม่สามารถทวงคืนอำนาจในเกมถนัดได้

แถมยังมี “ตัวเงื่อนไขใหม่” อย่าง “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ติดบ่วงรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยปมถือหุ้นสื่อ ส่อโดนโทษแบนยาวทางการเมือง

ถ้ารื้อรัฐธรรมนูญ “ทักษิณ-ธนาธร” อาจหลุดบ่วงพันธนาการ

อันตรายยิ่งกว่าปล่อยเสือหลุดเข้าป่า

ยิ่งไปกว่านั้น ประเมินตามผลโพลที่ออกมา กระแสสังคมส่วนใหญ่เห็นว่า รัฐบาลต้องเร่งแก้เศรษฐกิจ ปัญหาปากท้องมาก่อนอื่นใด ในสถานการณ์แบบที่นายสมคิดกับนายอุตตม ตั้งแท่นรออัดฉีดเม็ดเงินงบประมาณผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วยคนระดับฐานรากและชนชั้นกลาง

รัฐบาลเน้นปากท้องมาก่อน เพราะอารมณ์โมโหหิวของคนอันตรายกว่าทุกเรื่อง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โดยฟอร์มของทีมพรรคประชาธิปัตย์ที่ถนัดมุ่งเน้นผลทางการเมือง และตามท้องเรื่องไม่ใช่แค่ยี่ห้อ ปชป.เท่านั้น แต่ทีม “ทักษิณ” พรรคเพื่อไทย แนวร่วมอย่างพรรคอนาคตใหม่ ล้วนแต่มุ่งเป้ารื้อรัฐธรรมนูญฉบับ “มีชัย” เพื่อดึงอำนาจจากทหารกลับมาอยู่ในมือนักเลือกตั้งอาชีพ

โดยเฉพาะปม 250 ส.ว.ที่เป็นเครื่องมือให้ “ลุงตู่” ลากยาวอีก 5 ปี

4 ปีบวก 1 ปี เท่ากับ 2 สมัย นักการเมืองรอกันรากงอก ยังไงก็ไม่รามือง่ายๆ

ปมแก้รัฐธรรมนูญนี่แหละอันตราย ที่แฝงรอย “สนิมเนื้อใน” เรือเหล็ก เห็นมาแต่ไกล

แต่เบื้องหน้า “จุดตาย” ยังไงก็ต้องลุยแก้ปัญหาปากท้องก่อน.

“ทีมการเมือง”