ลุ้น ครม.ชุดใหม่ด้วยใจระทึก ใครสอบได้ใครสอบตกอยู่ที่นายกฯ “ลุงตู่” จะตัดสิน “หุ้นสื่อ” ยังเป็นอีกตัวแปรหนึ่งที่จะเขย่า แต่ที่ต้องจับตาเช่นกันคือ การปลุก “กระแสคนรุ่นใหม่” วัดกำลังกันข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้จากนี้ไปอีกเพียงไม่กี่วัน “หวย ครม.” น่าจะคลอดออกมาได้ว่าใครเป็นใครกันบ้างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บนเก้าอี้นายกฯแน่นอนอยู่แล้วแต่อีก 35 คนที่มีชื่อตามที่พรรค การเมืองร่วมรัฐบาลยื่นไปนั้น ว่ากันว่าบางคนยังมีปัญหาอยู่ เนื่องจากตรวจสอบประวัติเบื้องต้นไม่โสภาเท่าใดนักอยู่ที่นายกฯจะเคาะชื่อออกมาอย่างใดเท่านั้น?เอาเรื่องที่เข้าท่าและควรทำอย่างยิ่งเมื่อ “อาจารย์ใหญ่” ที่ชื่อ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนฯ จับ ส.ส.ในสภาฯอบรมคอร์สพิเศษว่าด้วยภารกิจ ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ การประพฤติปฏิบัติ สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ จริยธรรมฐานะที่เป็นคนของประชาชน ซึ่งได้รับการเลือกตั้งมาประเด็นสำคัญก็คือ ต้องรักษาภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนฯเพื่อให้ได้รับการยอมรับ เพราะที่ผ่านมานั้นเละมาตลอดก็หวังว่า ส.ส. 500 คน คงมีสำนึกรับผิดชอบต่อภารกิจหยุดกร่าง หยุดเบ่ง หยุดใช้อำนาจในทางมิชอบว่ากันถึงรัฐบาลชุดใหม่ที่กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ต้องฝ่าอุปสรรคขวากหนามมาได้ถือว่ายุ่งยากกว่ารัฐบาลทุกชุดที่ผ่านมาแม้จะผ่านพ้นไปได้แต่ก็ยังต้องเจอตออีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะการถือ“หุ้นสื่อ” หลังจากที่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ประเดิมคนแรก ไปแล้วยังไม่รู้ผล...แต่ก็ต้องถูกพักงานไปก่อนก็ต้องลุ้นกันต่อไปว่าที่มีการร้องให้ตรวจสอบทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านอีกชุดใหญ่นั้น ผลจะออกมาอย่างไรหากต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่อีกแม้ยังไม่ถึงขั้นวินิจฉัยว่าผิดไม่ผิดก็ยุ่งตายห่า ...เหมือนกัน โดยเฉพาะฝ่ายรัฐบาลเพราะเสียงสนับสนุนจะหายไปพลัน ทำงานไม่ได้เหนืออื่นใดเหล่านี้ขึ้นอยู่กับว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยออกมาอย่างไร จึงต้องรอฟัง อย่าไปตีปลาหน้าไซเพื่อหวังผลการเมืองหรือบีบคั้นกดดันทำให้เกิดความเสียหายเหมือนไม่ยอมรับศาลรัฐธรรมนูญเพราะทุกอย่างอยู่ที่เหตุและผล ทั้งข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงอย่าเอาคำว่า “2 มาตรฐาน” มาใช้อย่างที่เคยกระทำกันมาเพราะนั่นแหละ...ที่สร้างปัญหาความขัดแย้งจนถึงปัจจุบันเหนืออื่นใดซึ่งไม่ต้องคาดการณ์แต่จะเป็นความจริงทางการเมืองที่มิอาจปฏิเสธได้คือการต่อสู้กันในสภาฯอย่างเข้มข้นเพื่อเอาแพ้-ชนะกันตั้งแต่เริ่มต้นรัฐบาลใหม่อีกมิติหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยก็คือ ความพยายามที่จะสร้างแนวร่วมจากภาคประชาชน อนาคตใหม่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเน้นไปที่ “คนรุ่นใหม่” เป็นหลักแต่พอมาเจอเหตุการณ์ “ช่อการะเกด” เข้าถึงกับชะงักไปจนต้องลดบทบาทโฆษกพรรคที่กำลังเป็นเป้าทางสังคมถูกเตะสกัดพูดง่ายๆว่าสะดุดขาตัวเองอีกเรื่องฝ่ายกองทัพก็ไม่น้อยหน้าเมื่อมีการเปลี่ยนหลักสูตร รด.ใหม่ ไปเน้นการ ปลูกฝัง สร้างจิตสำนึกต่อ “สถาบัน”คงพอจะมองเห็นภาพการเมืองชัดขึ้นเรื่อยๆ!!!“ลิขิต จงสกุล”