มาเร็วเคลมเร็ว...
แรกๆคงนึกไปไกลเปรียบถึง “จรวด” ที่กดปุ่มขึ้นสู่ท้องฟ้า เอาเข้าจริงก็ไม่ต่างไปจาก “บั้งไฟ” แบบ “จรวดไทย” พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า
พลันก็ร่วงตกลงมาแค่นั้นจบ...
กำลังจะพูดถึงนักการเมืองคนรุ่นใหม่ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงแหวกม่านการเมืองเข้ามาเป็นพรรคการเมืองที่มี ส.ส. อันดับ 3 ของประเทศไทย
1.เพื่อไทย 2.พลังประชารัฐ 3.อนาคตใหม่
“อนาคตใหม่” นั้นได้รับการต้อนรับจาก “คนรุ่นใหม่” มากพอสมควร เนื่องจากเห็นและคาดการณ์ว่าจะมาเปลี่ยนแปลงประเทศด้วยอนาคตแห่งความหวัง
ย้อนกลับไปนิดการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่และกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้งนั้น ด้วยแนวคิดสัดส่วนผสม ทุกคะแนนล้วนมีค่า
พรรคการเมืองแต่ละพรรคจึงต้องปรับขบวนกันใหม่ เพื่อไปสู่ชัยชนะหลังเลือกตั้ง เพื่อไทยก้าวไปข้างหน้าด้วย “แตกแบงก์พันไปสู่แบงก์ร้อย”
นอกเหนือจากเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคหลักแล้ว ยังตั้งพรรคไทยรักษาชาติและพรรคเพื่ออื่นๆ เพื่อหวังรวบคะแนนเสียงให้ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ
เพื่อไทยหวังเต็มๆจากระบบเขต ไทยรักษาชาติหวังจากบัญชีรายชื่อ โดยหวังพรรคเพื่อเข้ามาเสริม จนประกาศเลยว่า 300 เสียงขึ้นไปแน่
ด้วยความคิดไปไกลสุดกู่จึงได้เสนอชื่อบุคคลชั้นสูงเป็นแคนดิเดตนายกฯ ในนามพรรคไทยรักษาชาติ
แต่ไปไม่รอด “ไทยรักษาชาติ” จึงถูกยุบพรรค
เสียงสนับสนุนจากพรรคนี้จึงถูกโยนไปให้พรรคอนาคตใหม่เป็นผลบุญที่ทำให้ได้เสียง ส.ส.ไปเต็มๆ ว่ากันว่าไปถึง 30 กว่าเปอร์เซ็นต์
ได้น้ำได้เนื้อไปเต็มๆ...
นั่นทำให้นายธนาธรกลายเป็น “ฮีโร่” โดยปริยาย เริ่มด้วยการหนุนให้คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯ แห่งเพื่อไทยพร้อมจับมือร่วมกัน 7 พรรค เพื่อหวังตั้งรัฐบาล
...
ทว่าคนเราไม่ต่างไปจาก “บุญมีแต่กรรมบัง” กำลังเกิดอาการฮึกเหิมก็มีเรื่องเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ไล่ตั้งแต่ถือ “หุ้นสื่อ”-เปิดโปงกล่าวหาว่าคนของพลังประชารัฐโทร.ไปหา “แม่เขา” บอกว่าขอ ส.ส.สัก 20 คน แลกเปลี่ยนด้วยการช่วยให้พ้นคดีได้
ล่าสุด เจอเรื่องให้อนาคตใหม่กู้เงินเพื่อมาสนับสนุนการหาเสียงเลือกตั้ง เมื่อซักถามปรากฏว่าได้คำตอบต่างกันหัวหน้าพรรคบอก 110 ล้านบาท โฆษกพรรคบอกว่า 250 ล้านบาท
ไม่รู้คนไหนพูดจริงพูดเท็จ...แต่ก็เป็นเรื่องขึ้นมาจนได้
3 ประเด็นนี้แม้จะเป็นเรื่องของข้อกฎหมายแต่ก็มีความจริงที่ปรากฏให้สังคมได้รับรู้ถึงพฤติกรรมของคนรุ่นใหม่ที่ไม่สมราคาอย่างที่น่าจะเป็น
23 พ.ค.62 เป็นอีกวันหนึ่ง เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยว่าจะรับคำร้องที่ กกต. ยื่นให้พิจารณาว่านายธนาธรมีความผิดหรือไม่?
ถ้ารับพิจารณาก็หมายถึงว่า “ไพร่หมื่นล้าน” ก็ยังเข้าสภาไม่ได้จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยชี้ขาด
หากมีความผิดจริงก็จบ...ดีไม่ดีจะมีผลต่อพรรคอนาคตใหม่ด้วย
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับนายธนาธรนั้นล้วนเป็นเรื่องที่ทำตัวเองทั้งนั้น ไม่ได้มีใครไปกลั่นแกล้ง ไม่ได้มีใครไปบงการใคร
บอกแล้วไงว่าไปได้แค่ “บั้งไฟ” เท่านั้น...
“สายล่อฟ้า”