เดิมพันรัฐบาล “บิ๊กตู่”...

เป็นอันเรียบร้อยไปแล้ว เมื่อประชาธิปัตย์ได้หัวหน้าคนใหม่คือ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” ได้รับการคัดเลือกจากพรรค พร้อมเลขาธิการพรรคคือ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน”

ถือว่าเป็นหัวหน้าพรรคคนที่ 8 นับแต่พรรคนี้ถือกำเนิดมา

แคนดิเดตหัวหน้าพรรคคนใหม่มีอยู่ 4 คน คือนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายกรณ์ จาติกวณิช นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

ปรากฏคะแนนที่ออกมาทิ้งขาดแบบแบเบอร์อย่างที่มีการคาดหมายล่วงหน้า นายจุรินทร์ได้ 160 คะแนน คิดเป็น 50.59% นายพีระพันธุ์ได้ 102 คะแนน คิดเป็น 37.21% นายกรณ์ได้ 19 คะแนน คิดเป็น 8.48% และนายอภิรักษ์ได้ 10 คะแนน คิดเป็น 3.69%

จากคะแนนที่ออกมานั้นแสดงให้เห็นว่าอิทธิพลในพรรคจากผู้อาวุโสไม่ว่าเป็นนายชวน หลีกภัย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือแม้แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยังสามารถชี้นำได้

เป็นที่รู้กันดีว่าสถานการณ์ในพรรคประชาธิปัตย์นั้นมีปัญหามาอย่างต่อเนื่องก่อนการเลือกตั้ง เมื่อมีความเห็นต่างกันในเรื่องจุดยืนของพรรค

หลัง “อภิสิทธิ์” ชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคตามวาระ ได้ประกาศท่าทีทางการเมืองไม่เอา “ลุงตู่” เป็นนายกฯถือเป็นหลักการสำคัญ

ยิ่งขยายความขัดแย้งให้เข้มข้นขึ้น เพราะในพรรคมีความเห็นต่างกันคือ ฝ่ายไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับฝ่ายที่หนุนให้เป็นนายกฯ

สุดท้ายการเลือกตั้งประชาธิปัตย์พ่ายแพ้อย่างหมดรูป ทำให้นายอภิสิทธิ์ต้องแสดงความรับผิดชอบ ด้วยการประกาศลาออกจากหัวหน้าพรรค

การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคครั้งนี้ แม้แคนดิเดตแต่ละคนจะมีความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถ

แต่ปัจจัยสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือ การเข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพลังประชารัฐ

...

เหนืออื่นใดสิ่งที่ต้องไม่ลืมก็คือ ในประชาธิปัตย์นั้นผู้อาวุโสของพรรคยังมีบทบาทสำคัญที่จะชี้นำพรรคอย่างแยกไม่ออก

นายจุรินทร์นั้นถือว่าเป็น “กุญแจ” สำคัญของกลุ่มนี้ เพราะนอกจากจะเข้ามาก่อนมีความอาวุโส มีผลงานที่พิสูจน์ตัวตนมาแล้ว ทั้งจากตำแหน่งรัฐมนตรีและการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง

สำคัญกว่านั้น เคยทำงานร่วมกับนายชวนมาตลอด จนได้รับความไว้วางใจ หรือพูดง่ายๆว่ามีการวางตัวให้เป็นหัวหน้าพรรคต่อจากนายอภิสิทธิ์อีกด้วย

ระหว่างรัฐบาล คสช.บริหารประเทศ เขายังทำงานในพรรค อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเดินทางไปจังหวัดต่างๆ โดยเฉพาะในภาคเหนือ ภาคอีสานเพื่อพบประชาชน

คล้ายๆกับว่าเตรียมตัวล่วงหน้าเข้าสู่เบอร์ 1 ของพรรค

ก่อนการเลือกหัวหน้าพรรค ได้มีการล็อบบี้กันอย่างหนัก ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ การที่นายชวนระบุว่า มีการแทรกแซงจากภายนอก ซึ่งถือว่าเป็น “ไม้เด็ด” ที่ทำให้โหวตเตอร์ต้องกลับไปคิดว่าควรจะเลือกใครใน 4 คนนี้

แน่นอนว่าการขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคในขณะที่สถานการณ์ตกต่ำ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะนำพาพรรคไปสู่ความสำเร็จ

“หมดยุคซุปเปอร์แมนต้องเป็นยุคอเวนเจอร์ส”

เป็นวิสัยทัศน์ที่เขาประกาศก่อนลงคะแนนเลือกหัวหน้าพรรค

ว่าไปแล้วก่อนที่ขับเคลื่อนพรรคให้ไปต่อได้นั้น ยังมีเรื่องสำคัญที่จะต้องตัดสินใจนั่นก็คือ จะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯหรือไม่

ที่เคยคิดกันว่าง่ายๆอาจจะไม่ง่ายอย่างนั้นก็ได้...

หรือหากคิดจะร่วมก็ต้องมีเงื่อนไขที่ชวนให้ปวดหัวแน่!!


“สายล่อฟ้า”