ถ้ายังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันไป...
ทำนองนั้นกระมังกับการแย่งชิงกันจัดตั้งรัฐบาลระหว่างขั้วพลังประชารัฐกับเพื่อไทยจึงต้องงัดกลยุทธ์ทุกรูปแบบเอามาใช้
เอาข่าวล่าสุดมาว่ากันก่อนดีกว่านั่นคือ การรวมตัวของพรรคเล็ก 11 พรรคที่มี ส.ส.พรรคละ 1 คน จากผลพวงการคำนวณปาร์ตี้ลิสต์ของ กกต.
ว่าไปแล้วถือว่า...เป็นอภินิหารกฎหมายก็ว่าได้
ได้ประกาศชัดเจนว่าทั้ง 11 พรรคจะเข้าร่วมเป็นรัฐบาลกับพลังประชารัฐเพื่อหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ
เท่ากับว่าพลังประชารัฐได้แต้มต่อชัดเจนแล้วหนึ่ง...
แต่ยังมี 2 พรรคขนาดกลางคือ ภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ที่ยังไม่ประกาศความชัดเจนว่าจะเข้าร่วมด้วยหรือไม่
“ภูมิใจไทย” ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล บอกว่าต้องรอหลังวันที่ 20 พ.ค.62 จึงจะประกาศว่าจะเข้าร่วมหรือไม่
“ประชาธิปัตย์” นั้นชัดเจนก็คือจะต้องรอให้ได้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารชุดใหม่เพื่อออกมติว่าจะไปทางไหน
ซึ่งจะมีการเลือกตั้งกันในวันที่ 15 พ.ค.62 หากมติออกมาอย่างไรก็ต้องว่ากันไปตามนั้น ทุกคนต้องปฏิบัติตาม
แนวคิดภายในพรรคการเมืองนี้ดูเหมือนจะมีความเห็นแยกเป็น 2 ส่วน ฟังเสียงแต่ละกลุ่มก็พอจะรู้ว่าคิดกันอย่างไร
ใครได้เป็นหัวหน้าพรรคใหม่นั่นแหละ...คือคำตอบ
แต่ความเป็นไปคือไม่มีทางที่ประชาธิปัตย์จะไปร่วมกับเพื่อไทย ไม่ว่าจะได้ข้อเสนอให้เป็นนายกฯก็ตาม
อีกซีกหนึ่งเป็นที่รับรู้กันด้วยตัวเลข ส.ส.ที่ได้รับของแต่ละพรรคเน้นย้ำไปที่เพื่อไทย ซึ่งหมดหวังไปแล้ว แต่ก็พยายามดิ้นให้ถึงที่สุด โดยโยนไปให้พรรคอนาคตใหม่เคลื่อนไหวแทนด้วยการเสนอทางออกใหม่
คือขั้วที่ 3 ที่จะให้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลอันประกอบไปด้วยประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และชาติไทยพัฒนา
...
มีข้อเสนอจูงใจคือ พร้อมจะยกเก้าอี้นายกฯให้ทันที
นอกจากข้อเสนอที่เป็นแรงจูงใจแล้ว ยังมีการสร้างแรงกดดันอันสืบเนื่องมาจากการประกาศท่าทีก่อนเลือกตั้งว่าจะไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ เพราะถือว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ
มิฉะนั้นเท่ากับว่าเป็นการตระบัดสัตย์ ไม่ฟังเสียงประชาชน
แม้ข้อเสนอนี้จะเป็นการสร้างแรงจูงใจที่สำคัญไม่น้อย เพราะยังคาดหวังว่าอาจจะเปลี่ยนใจ 2 พรรคการเมืองนั้นได้
มุ่งเน้นไปที่ “อนุทิน ชาญวีรกูล” มากกว่า “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ”?
หรือที่มองไกลไปกว่านั้นก็คือ ข้อเสนอ “สับสวิตช์ ส.ว.250 เสียง” เพื่อรวบรวมพรรคการเมืองเพื่อให้ได้เสียง 376 เสียงขึ้นไป
เท่ากับว่าจะทำให้ ส.ว.250 เสียงที่หนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯไร้ค่า ไร้ประโยชน์เพราะเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งอยู่แล้ว
ทั้ง 2 สูตรนี้มีเป้าหมายเดียวกันคือไม่เอา “บิ๊กตู่”
หากวิเคราะห์กันด้วยความจริงทางการเมืองแล้ว โอกาสที่จะให้ “ขั้วที่ 3” เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลนั้นแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลย
แต่เพื่อให้มันยุ่งๆเข้าไว้ ถ้ากูไม่ได้มึงก็ต้องไม่ได้...
ทำนองนั้น!!
“สายล่อฟ้า”