คณะกรรมการสรรหา ส.ว.ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ได้ทำการคัดเลือก ส.ว.จากที่ กกต. เสนอเข้ามา ให้เหลือ 50 คน และสำรองเอาไว้อีก 50 คน จากที่ คสช. เลือกเอง 194 คน และเป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง อีก 6 คนจาก ผบ.เหล่าทัพต่างๆ จะได้ ส.ว.ที่สมบูรณ์จำนวน 250 คน ซึ่งไม่ว่าจะผ่านกรรมวิธีใดก็ตาม สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ คสช. ทั้งหมด

มีการทวงถามความโปร่งใส ที่มาของ ส.ว.ชุดนี้ เพราะจะต้องอยู่ในวาระถึง 5 ปี และมีสิทธิในการโหวตเลือกนายกฯในสภาด้วยถึง 2 สมัย หรืออาจจะมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับอายุของรัฐบาล แต่ภายใน 5 ปีนี้จะตั้งรัฐบาลกี่ครั้ง ส.ว.ก็มีสิทธิที่จะโหวตนายกฯทุกครั้ง ถ้าเข้าเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญก๊อกสอง ยกเว้นสมัยแรกที่ให้ ส.ว.ชุดนี้ สามารถโหวตเลือกนายกฯได้เลยในก๊อกแรก ตามบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญ

ที่เป็นข่าวจะมี ครม.รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกตามไปเป็น ส.ว. เพื่อยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ อีกระลอกประมาณ 17-19 คน มี สนช.ชุดปัจจุบันอีกเป็นจำนวน ไม่น้อย บางคนกล้าคุยด้วยว่า นายกฯเป็นคนโทรศัพท์มาทาบทามด้วยตัวเอง

นอกจากนี้ ก็จะมีอดีตข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ที่คุ้นเคย หรือที่เคยเป็น สปท. หรือเป็นคณะกรรมการชุดต่างๆที่เคยร่วมงานกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์มาแล้ว เห็นว่าอดีตนักการเมืองก็มีมาร่วมแจมด้วยเหมือนกัน

ทำไปทำมา ส.ว.สรรหาชุดนี้ก็จะเป็นคนกันเองที่เคยเห็นหน้าเห็นตากันมาแล้วทั้งนั้น ส.ว.หรือสภาพี่เลี้ยง ที่ชาวบ้านพูดกัน ก็จะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงฝ่ายบริหารไม่ให้ตกหลุมตกร่องไปก่อนเวลาอันควร

มีนักการเมืองฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์บางคนเสนอให้ ส.ว.ชุดนี้เข้ามาทำหน้าที่เหมือน ส.ส. เพราะเกรงว่าเสียงสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ในสภาจะหมิ่นเหม่ ดีว่ามีนักกฎหมายมืออาชีพมาติดเบรกเอาไว้ก่อนไม่อย่างนั้นคงจะไปกันใหญ่ กลายเป็นสภาเสียงข้างมากลากไป หรือเป็นเผด็จการทางรัฐสภาเหมือนกับที่เคยกล่าวหารัฐบาลชุดก่อนๆเอาไว้

...

ถ้ายังจำกันได้ พล.อ.ประยุทธ์เคยพูดถึงเรื่องของ ระบบอุปถัมภ์ ที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศ บุญคุณ การตอบแทน ที่อยู่คู่กับวัฒนธรรมไทยมาแต่โบราณ ทำให้มีการวิ่งเต้นเส้นสายจนทำให้กลไก กติกา รวนไปหมด คนนั้นก็พี่ คนนี้ก็เพื่อน คนโน้นก็นาย นี่ก็ญาติ ยิ่งสังคมไทยเป็นสังคมครอบครัว เอาพรรคเอาพวก ทำให้ระบบอุปถัมภ์กลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจทุกครั้งไป

วันนี้เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องไปต่อจริงๆ ซึ่งจะเป็นไปได้แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการประกาศรับรอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อและ ส.ส.แบบเขตจนครบจำนวนตามรัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะได้เอาจำนวน ส.ส.ของแต่ละฝ่ายมาคำนวณในการ จัดขั้วรัฐบาล เพราะต่างฝ่ายต่างก็เปิดอ้าซ่าแล้วว่าจะจับมือกับใครบ้าง

จริงอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ได้เปรียบตรงที่มี ส.ว.เป็นพี่เลี้ยง แช่แป้งอยู่ในสภา แต่ถ้าได้เสียง ส.ส.สนับสนุนไม่ถึง 250 เสียง พล.อ.ประยุทธ์ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ ขืนดันทุรังตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยก็เท่ากับทุบหม้อข้าวตัวเอง.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th