กรณีเงินบริจาคกกต.ยังไม่สอบ
“สนธิรัตน์” ท้าตรวจสอบระดมทุนพลังประชารัฐ มั่นใจกระบวนการมีความโปร่งใส ไม่ผิดกฎหมายแน่ “ณัฏฐพล” คาด 3 สัปดาห์รู้ผลการตรวจสอบเงินบริจาค โต้เอกสารแผนผังโต๊ะจีนหลุดเป็นของปลอม ยืนยันไม่มีรายชื่อหน่วยงานรัฐร่วมสมทบทุน กกต.ยังนิ่งไม่ตั้งแท่นสอบ อ้างต้องรอรายงานจาก พปชร.ส่งให้ก่อน เพื่อไทยตามบี้ไม่เลิก บอกคืนเงินก็ไม่พ้นผิด เพราะความผิดสำเร็จแล้ว ซัดมีเจตนาไม่บริสุทธิ์แต่แรก “จตุพร” ห่วง “บิ๊กตู่” อยู่ลำบากหลังเลือกตั้ง หากยังเจ้าอารมณ์ ชี้สภาฯ เป็นสถานที่น่ากลัวของพวกความอดทนตํ่า ชูข้อเสนอให้วุฒิสภาโหวตเลือกนายกฯตามเสียงข้างมากของ ส.ส. ศึกชิง ส.ว. กทม.ได้ 74 รายชื่อ ฝ่าด่านระดับจังหวัดเข้าสู่รอบสุดท้าย เบียดกันสนุกถึงขั้นต้องจับสลากวัดดวง ป.ป.ช.ปัดเร่งปล่อยคดีการเมืองช่วงใกล้เลือกตั้ง
หลังจากพรรคเพื่อไทยออกมาระบุถึงกรณีการจัดเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐที่มีปัญหาหมิ่นเหม่เรื่องมีหน่วยงานรัฐร่วมบริจาคเงินเข้าพรรคว่า แม้จะมีการคืนเงินให้ แต่ไม่สามารถ เลี่ยงความผิดได้ เพราะถือว่าความผิดสำเร็จแล้วนั้น ล่าสุดนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ยืนยันการจัดงานระดมทุนดังกล่าวมีความโปร่งใส พร้อมให้ตรวจสอบได้ โดยระบุแผนผังที่มีหน่วยงานรัฐร่วมจองโต๊ะจีนที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อนั้น เป็นเอกสารปลอม
พปชร.ลุยเปิดตัวชานเมืองกรุง
เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 ธ.ค. ที่เขตหนองจอก กทม. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เปิดศูนย์ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ เขตหนองจอก พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหนองจอก กทม.ได้แก่ นายศิริพงษ์ รัสมี อดีตประธานสภาเขตหนองจอก พรรคเพื่อไทย โดยนายสนธิรัตน์ขึ้นเวทีกล่าวว่า พื้นที่หนองจอกเป็นพื้นที่แรกที่ตนมาร่วมเปิดศูนย์ประสานงาน สาเหตุที่เลือกเดินทางมา เพราะอยากยกระดับพื้นที่นี้ เห็นมา 25 ปีที่แล้วจนถึงวันนี้ยังเติบโตไม่เทียบเท่ากับพื้นที่อื่น สาเหตุใหญ่เกิดจากคนที่ดูแลพื้นที่นี้ยัง ไม่ทุ่มเทให้กับประชาชนอย่างแท้จริง วันข้างหน้าไม่อยากเห็นความขัดแย้งเกิดขึ้นอีกที่มีรบราฆ่าฟันกันในอดีต การเมืองแบบนั้นประชาชนจะเอาอีกหรือไม่ เป็นสาเหตุทำให้พรรคพลังประชารัฐเกิด และเมื่อพรรคเปิดตัวก็มีรัศมีดี มีอดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส.เข้าพรรคเป็นแถว พรรคพลังประชารัฐถูกรุมถล่มทุกวัน เพราะกลัวว่าประชาชนจะเลือกพรรคพลังประชารัฐ
...
“สนธิรัตน์” ท้าสอบระดมทุน
จากนั้นนายสนธิรัตน์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่หลายพรรคเรียกร้องให้ตรวจสอบการจัดงานระดมทุน 650 ล้านบาทของพรรค กรณีที่มีข่าวหน่วยงานรัฐร่วมบริจาคเงินให้พรรคการเมืองว่า การระดมทุนเป็นเรื่องปกติของพรรคการเมือง ยืนยันพรรคทำด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้ ดำเนินการเป็นไปตามกรอบรัฐธรรมนูญ เพื่อหาเงินมาดำเนินการด้านต่างๆ หลังจากนี้จะยื่นผลการระดมทุนพรรคต่อ กกต. ส่วนข้าราชการหรือเจ้าหน้าที่รัฐมาร่วมงานนั้น ถ้ามีถือเป็นสิทธิตามกฎหมาย ไม่ถือว่าผิดกฎหมายแต่อย่างใด เพราะมีสิทธิทางการเมืองเช่นเดียวกัน เพียงแต่มีข้อจำกัดคือไม่สามารถใช้ตำแหน่งหน้าที่มาร่วมระดมทุนได้ ไม่อยากให้พรรคการเมืองต่างๆใช้วาทกรรมเพื่อสร้างความขัดแย้งในช่วงใกล้เลือกตั้ง ส่วนที่นายอนุชา นาคาศัย กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ปราศรัยว่า ถ้าเลือกพรรคพลังประชารัฐจะได้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น เป็นความเห็นส่วนตัว การจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯต้องดูความนิยมของประชาชน และความเหมาะสมที่จะได้รับการเสนอชื่อ มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและสมาชิกพรรค พรรคนี้ไม่มีใครมีสิทธิเด็ดขาดในการตัดสินใจ ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐไม่เข้าร่วมลงนามพรรคการเมืองให้หาเสียงอย่างมีจรรยาบรรณนั้น พรรคไม่ได้มีปัญหา แต่จะทำอะไรต้องขอมติพรรค การลงนามครั้งนี้ประสานงานมากระชั้นชิด พรรคไม่มีเงื่อนไขขัดแย้งใดๆในการลงนาม
คาด 3 สัปดาห์รู้ผลสอบเงินบริจาค
นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า คาดว่าผลการตรวจสอบการบริจาคเงินเข้าพรรคจากการระดมทุนดังกล่าว จะทราบผลภายใน 3 สัปดาห์ จากนั้นจะยื่นรายการต่อ กกต.ตามกรอบเวลา 30 วัน ภายหลังการจัดงาน จะต้องดูอย่างละเอียด เช่น ผู้บริจาคถือสัญชาติไทยหรือไม่ เป็นบริษัทหรือนิติบุคคล หากมีสัญชาติไทยและ คู่สมรสเป็นชาวต่างชาติก็ไม่สามารถรับบริจาคได้ โดยมีผู้บริจาคจำนวนเงินแตกต่างกัน เช่น 3 ล้านบาท 5 ล้านบาท รวมถึงหลักแสน หลักหมื่น ขออย่าได้กังวลพรรคพลังประชารัฐยึดมั่นความโปร่งใส พร้อมทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ผังโต๊ะจีนหลุดเป็นของปลอม
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเปิดเผยผังโต๊ะจีนที่มีตัวย่อของหน่วยงานรัฐบางแห่งเป็นเจ้าของโต๊ะ นายณัฏฐพลตอบว่า ตรวจสอบแล้ว กระทรวงการคลัง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้ชี้แจงแล้วเช่นกันว่าไม่ได้จ่ายเงินซื้อโต๊ะจีน และในรายชื่อที่ได้รับบริจาคทั้งหมดไม่มีรายชื่อหน่วยงานรัฐแต่อย่างใด ส่วนตัวย่อ ททท. กทม.ในผังโต๊ะจีนที่ปรากฏตามสื่อนั้น เอกสารที่ปรากฏตามสื่อไม่ใช่เอกสารของพรรค เพราะเอกสารของพรรคไม่มีหน้าตาแบบนี้ ดูก็รู้ว่า ผังนั้นทำขึ้นมา ดูก็รู้มีวิธีสร้างขึ้นมาอย่างไร
ยกทัพขึ้นเหนือตีที่มั่นใหญ่ พท.
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคพลังประชารัฐว่า ในวันที่ 23 ธ.ค. แกนนำพรรคนำโดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค จะเปิดรับสมัครสมาชิกพรรคภาคเหนือ ที่สนามกีฬา 700 ปี จ.เชียงใหม่ ถือเป็นการลงพื้นที่ภาคเหนือครั้งแรก โดยเลือกเปิดตัวที่ จ.เชียงใหม่ ฐานที่มั่นพรรคเพื่อไทย ในวันดังกล่าวจะมีการขึ้นเวทีเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เชียงใหม่ ทั้ง 9 เขต ได้แก่ เขต 1 นายพจนารถ ศรียารัณย สมาชิกสภา อบจ.เชียงใหม่ เขต 2 นางศรีพรรณ เขียวทอง อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลดอนแก้ว เขต 3 นายพรชัย อรรถปรีชายางกูร อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 นางกิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 5 นางเดือนเต็มดวง ณ เชียงใหม่ อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลนครเชียงใหม่ เขต 6 นายสันติ ตันสุหัช อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 7 นายบดินทร์ กินาวงศ์ แกนนำชาวไร่ยาสูบ เขต 8 นายนเรศ ธำรงทิพยคุณ คนใกล้ชิดนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายก อบจ.เชียงใหม่ เขต 9 นายนรพล ตันติมนตรี อดีต ส.ส.เชียงใหม่

“สมศักดิ์” ไม่โม้ยึดที่นั่งนครปฐม
ที่ จ.นครปฐม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมยุทธศาสตร์รณรงค์หาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ พร้อมนายอนุชา นาคาศัย กรรมการบริหารพรรค และนายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค ลงพื้นที่เปิดศูนย์ประสานงานของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมเปิดตัวบุคคลที่เสนอตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครปฐม 5 เขต คือ เขต 1 นายธนกร เชาวนเมธา เขต 2 พ.ต.อ.วีระยศ ชื่นกลิ่นธูปศิริ เขต 3 นายพรศักดิ์ เปี่ยมคล้า อดีต ส.ส.เขต 4 นายปฐมพงษ์ สูญจันทร์ อดีตนายก อบจ.นครปฐม เขต 5 นายระวัง เนตรโพธิ์แก้ว โดยนายสมศักดิ์กล่าวว่า มั่นใจพรรคพลังประชารัฐมีโอกาสได้ ส.ส.นครปฐม แม้จะมีตระกูลใหญ่ที่ผูกขาด เวลานี้การจะเลือก ส.ส.สักคนต้องมองที่นโยบายพรรคเป็นหลักว่า ประชาชนจะได้ประโยชน์อะไร ไม่ได้มองตัวบุคคลมากแบบในสมัยก่อน ไม่ได้โอ้อวดเกินจริง เพราะบรรดาผู้สมัครขยันลงพื้นที่ใกล้ชิดประชาชนจึงมองว่ามีโอกาสได้ ส.ส.
“สุริยะ” โวจะเหมา ส.ส.เพชรบุรี
ส่วนที่ จ.เพชรบุรี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ เดินทางลงพื้นที่ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี เปิดศูนย์ประสานงานพรรค และเปิดรับสมัครสมาชิกพรรค เปิดตัวผู้เสนอตัวเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เพชรบุรี ได้แก่เขต 1 นายกฤษณ์ แก้วอยู่ ประธานสภาทนายความจังหวัดเพชรบุรี เขต 2 นายสาธิต อุ๋ยตระกูล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบุรี เขต 3 นายสุชาติ อุตสาหะ อดีต ส.ว.เพชรบุรี โดยนายสุริยะกล่าวว่า มั่นใจว่าพรรคพลังประชารัฐ มีโอกาสได้ ส.ส.เพชรบุรี เหมาจังหวัด เดิมที จ.เพชรบุรี อาจผูกขาด ส.ส.กับพรรคการเมืองเก่า แต่วันนี้มารับฟังความเห็นจากประชาชนในพื้นที่ ทำให้ทราบปัญหาต่างๆที่ไม่ได้รับการดูแลจากผู้แทนที่เคยเลือก เช่น ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ การขยายถนนที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ขณะนี้มีแผนในใจแล้วว่า จะแก้ไขอะไรเพื่อ จ.เพชรบุรี มีความเจริญ ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ดีและเข้มแข็ง
กกต.ยังไม่สอบระดมทุน พปชร.
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต.กล่าวถึงกรณีพรรคพลังประชารัฐ ระบุหากผลการตรวจสอบพบการระดมทุนหาเงินเข้าพรรคทำไม่ถูกต้อง พร้อมจะคืนเงินว่า กรณีดังกล่าวเป็นประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเขียนไว้ชัดว่า การบริจาคหรือระดมทุน พรรคการเมืองต้องมารายงานให้ กกต.ทราบภายใน 30 วัน รวมทั้งต้องรายงานให้ประชาชนทราบด้วย เพราะกฎหมายต้องการให้พรรคการเมืองสุจริตโปร่งใส ตรวจสอบได้ ระหว่างนี้ กกต.ไม่สามารถวินิจฉัยได้ทันทีว่าอะไรผิดหรือไม่ผิด ส่วนกรณีอาจมีหน่วยงานรัฐเข้าไปซื้อโต๊ะจีนด้วยนั้น อยู่ระหว่างการติดตามของ กกต. จะเริ่มการตรวจสอบได้ต่อเมื่อเห็นรายงานที่เป็นเอกสารจากพรรคการเมือง หากตรวจสอบพบความผิดเรื่องจะเข้าสู่กระบวนการสืบสวนไต่สวน ซึ่งหลักสากลไม่สามารถนำรายละเอียดที่อยู่ในการสืบสวนเปิดเผยได้ หากท้ายที่สุดรายชื่อผู้บริจาคที่พรรคได้รายงานมาให้ กกต.ทราบ ไม่ตรงกับสิ่งที่นำเสนอผ่านสื่อมวลชนมาก่อนหน้านี้ กกต.จะพิจารณาอีกครั้งจะดำเนินการอย่างไร
พท.ซัดคืนเงินโต๊ะจีนไม่พ้นผิด
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมือง พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบการจัดงานเลี้ยงโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐที่อาจเข้าข่ายกระทำความผิดตามกฎหมายว่า การพบข้อมูลหน่วยงานรัฐซื้อโต๊ะจีนรวม 69 ล้านบาท ถ้าเป็นจริงถือว่าผิดกฎหมาย แม้นาย ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ แกนนำ กปปส. ที่ผันตัวมาเป็นรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะบอกว่าหากคุณสมบัติผู้บริจาคไม่เข้าข่ายตามที่กฎหมายกำหนดจะคืนเงินให้นั้น ฟังไม่ได้ เพราะความผิดสำเร็จแล้ว หลักการที่ถูกต้องคือ ต้องตรวจสอบก่อนรับ ไม่ใช่รับแล้วไปตรวจสอบ การบอกว่าจะรายงาน กกต.ภายใน 2-3 สัปดาห์ และ กกต.จะตรวจสอบภายใน 30 วันนั้น นานเกินไป ความจริงตรวจสอบ 2-3 ชั่วโมงน่าจะรู้แล้วว่าตรวจสอบเลขที่เช็คก็ระบุได้ว่าเป็นเช็คบริษัทหรือองค์กรใด เช็คเซ็นโดยใคร การจะตรวจสอบใน 30 วัน ต้องระวังการตกแต่งข้อมูลไม่ให้มีความผิด ที่ผ่านมาสังคมกังขา ตั้งข้อสงสัยพรรคพลังประชารัฐเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นเกินไปหรือไม่ อย่าย่ามใจทำอะไรก็ได้ เดี๋ยวประชาชนทนไม่ไหว
เชื่อมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ตั้งแต่แรก
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีพรรคพลังประชารัฐระบุยินดีคืนเงินบริจาคจากการระดมทุนเข้าพรรค หากผู้บริจาคมีคุณสมบัติไม่เข้าข่ายตามที่กฎหมายกำหนดนั้น การระดมทุนถ้าตรงไปตรงมาตามกฎหมายต้องรายงานให้ กกต.และสาธารณชนรับทราบว่าใครบริจาคบ้าง หากทำทุกอย่างถูกต้องรายงานไป เพราะเจตนารมณ์กฎหมายต้องการให้ประชาชนทราบว่าแต่ละพรรคมีใครสนับสนุนบ้าง วันนี้พอมีประเด็นแล้วบอกจะคืนเงิน แสดงว่ามีอะไรไม่ชอบมา พากล ไม่บริสุทธิ์ใจตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตาม ถือว่าความผิดสำเร็จแล้ว วันนี้คงเหลือแต่การเข้าไปตรวจสอบของ กกต. ฉะนั้นถ้ารักจะทำอย่างนี้จะเอาเงินตั้ง 600 ล้านบาท ต้องกล้าๆหน่อย กล้าทำต้องกล้ารับผิดชอบ ไม่ใช่ถูกติติงแล้วเดินถอยหลัง หากมีพฤติกรรมเช่นนี้ต่อไปใครจะเชื่อถือ
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจัดงานเลี้ยงระดุมทุนของพรรค การเมืองเป็นสิ่งที่ทำได้ เพราะพรรคการเมืองเป็นของประชาชน แต่วิธีการระดมทุนเป็นเรื่องน่าจับตามอง ถ้ามีผู้บริจาครายใดให้เงินจำนวนมากมายน่าจะหวังอะไรหรือไม่ ต้องดูเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
แฉ นอภ.พาผู้สมัครแจกบัตรคนจน
นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ คณะกรรมการสรรหาผู้สมัครพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้รับแจ้งข้อมูลมาจากประชาชน อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น ว่า นายรุจ รังษี นายอำเภอบ้านไผ่ ได้นำนายเจริญ แซ่เต็ง ว่าที่ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ร่วมแจกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐให้ประชาชนในพื้นที่ การกระทำเช่นนี้เป็นการเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่น อาจเข้าข่ายการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เนื่องจากนายรุจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ การกระทำเช่นนี้ถือว่าวางตัวไม่เป็นกลาง สร้างคะแนนนิยมให้ผู้สมัครพรรคการเมืองใดพรรค การเมืองหนึ่งเป็นพิเศษ เมื่อพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ประกาศบังคับใช้ พรรคจะนำข้อมูลเหล่านี้มาพิจารณาจะดำเนินการฟ้องร้องอย่างไรบ้าง วันนี้เมื่อพรรคพลังประชารัฐเลือกเล่นการเมืองแล้ว แต่ยังมีกรรมการบริหารเป็นรัฐมนตรีอยู่ในตำแหน่งควรเล่นการเมืองแบบแฟร์ๆ อย่าให้เจ้าหน้าที่รัฐเอื้อประโยชน์ให้พรรคตัวเอง ถ้าเอาเปรียบคนอื่นแล้วชนะเลือกตั้งจะไม่มีความภูมิใจ

บี้ กกต.เค้นคำตอบคาใจสังคม
ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การจัดโต๊ะจีนระดมทุนของพรรคพลังประชารัฐนั้น เลขาธิการ กกต.ให้คำตอบชัดเจนว่า พรรคการเมืองทำได้ แต่ประเด็นอยู่ที่การจัดงานเลี้ยงของพรรคการเมืองมีการใช้กลไกทรัพยากรรัฐ ไปเอื้อประโยชน์ให้การจัดงานระดมทุนหรือไม่ สังคมต้องการคำตอบ ผู้ให้คำตอบได้ดีที่สุดคือ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง รวมถึงหน่วยงานรัฐที่มีชื่อถูกพาดพิงต้องชี้แจงให้ชัดเจนต่อสังคม เชื่อว่าทุกพรรคการเมืองต้องการทราบแนววินิจฉัยของ กกต. ไม่ห่วงเรื่องประสบการณ์ กกต. ชุดใหม่ ทั้ง 7 คน เพราะมีบทบัญญัติกฎหมายระบุไว้ชัดเจน อะไรทำได้ ไม่ได้ อะไรถูกหรือผิดกฎหมาย ถ้า กกต.ให้คำวินิจฉัยต่อสาธารณะครั้งนี้อย่างชัดเจนเป็นที่ยอมรับ จะช่วยให้ กกต.ได้รับความเชื่อถือ มั่นใจจากประชาชนมากขึ้น
ปัดแตกคอชิงไพรมารีโหวตสงขลา
นายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้ประสานงานพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการทำไพรมารีโหวตคัดเลือกผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 จ.สงขลา ที่นายสรรเพชญ บุญญามณี บุตรชาย ได้รับคะแนนชนะนายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส.สงขลาว่า กระบวนการทำไพรมารีโหวตของพรรคเมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นไปตามระเบียบถูกต้องทุกขั้นตอน จากนี้ต้องส่งข้อมูลให้คณะกรรมการสรรหาของพรรค และส่งต่อไปยังคณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณา คาดว่าการพิจารณาตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งระบบเขตของพรรคจะเสร็จทุกเขตไม่เกิน 26 ธ.ค.นี้ จะได้ข้อสรุปทั้งหมด ยืนยันว่าผลไพรมารีโหวตที่ออกมา ไม่ได้ส่งผลให้มีปัญหาภายในพรรค การที่มีผู้สมัครใหม่ถือเป็นการเปลี่ยนความรู้สึกชาวบ้าน เปิดโอกาสคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นทางเลือกใหม่ๆในการพัฒนา ส่วนผลจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังครองที่นั่ง ส.ส.ส่วนใหญ่ในพื้นที่ภาคใต้
ข้องใจ พปชร.ระดมทุนเกินเหตุ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวถึงการระดมทุนโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐว่า กกต.ออกระเบียบให้ผู้สมัครใช้เงินได้เพียง 2 ล้านบาท พรรคการเมืองใช้เงินไม่เกิน 70 ล้านบาท แล้วพรรคพลังประชารัฐไปหาทุนทำไมถึง 600 ล้านบาท อยากถามเอาไปทำไม เพราะจริงๆ แล้วดูรายชื่อสมาชิกพลังประชารัฐสามารถรวมเงินกันได้ 70 ล้านบาท ไม่ต้องจัดระดมทุน จึงตั้งข้อสังเกตว่า คนที่ซื้อโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐมีผลประโยชน์ร่วมกันใช่หรือไม่ อยากถามว่าหากคนพวกนี้เข้าไปบริหารประเทศจะเอาคืนหรือไม่ การกระทำดังกล่าวผิดทั้งระเบียบกฎหมาย ผิดทั้งคุณธรรม จริยธรรม ส่วนประชาชนลำบากยากเข็ญจน แต่ 4 รัฐมนตรีมาปฏิบัติตัวเช่นนี้น่าละอาย
แนะ ส.ว.โหวตนายกฯตาม ส.ส.
วันเดียวกัน นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. นำทีมงานลงพื้นที่ จ.ลพบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี และชัยนาท เดินสายพรรคเพื่อชาติสัญจรภาคกลาง โดยนายจตุพรกล่าวว่า ขอแนะนำประชาชนในการเลือกตั้งว่า รักใครชอบใครให้เลือกพรรคนั้น ปลายทางฝ่ายประชาธิปไตยจะเทไปอยู่ด้วยกัน ฝ่ายเผด็จการก็จะไปเทรวมกัน ฝ่ายใดมากกว่าได้จัดตั้งรัฐบาล ถ้าไปกั๊กกันไปมา ฮั้วกันไปมาก็แพ้หมดพอดี ทั้งนี้ หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. คิดสั้นไปอยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯพรรคพลังประชารัฐ แม้จะมี ส.ว. 250 คนอยู่ในมือ หา ส.ส.อีก 126 คน ก็ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เวลาบริหารงานใช้แค่สภาผู้แทนราษฎรอย่างเดียว จึงต้องมี ส.ส.ไม่น้อยกว่า 250+1 หากจะตั้งรัฐบาลต้องมีเสียงในสภาไม่ต่ำกว่า 300 เสียง มิเช่นนั้นจะเอา ส.ส.มาเป็นรัฐมนตรีไม่ได้ ยังไงก็อยู่ไม่ได้ ที่สำคัญคือ 5 ปีที่ผ่านมา ไม่เคยมี สนช.สักคนกล้าเถียง แต่การอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ยังโมโหแบบนี้ เข้าทาง ส.ส. สภาผู้แทน- ราษฎรเป็นสถานที่น่ากลัวที่สุดสำหรับคนไม่มีความอดทน ถ้าตนเป็น พล.อ.ประยุทธ์จะไม่คิดเข้าสภาเด็ดขาด อยากบอก พล.อ.ประยุทธ์ว่า ตกลงแบบนี้ดีหรือไม่ ถ้าหลังเลือกตั้งแล้ว ส.ว.อยู่เฉยๆก่อน รอดูสภาผู้แทนราษฎรให้รวม ส.ส.ให้เกิน 250 เสียงก่อนแล้วให้ ส.ว.โหวตตามสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง บ้านเมืองจึงเดินต่อไปได้
ตื๊อ “บิ๊กตู่” ไขก๊อกเก้าอี้นายกฯ
นายจตุพรกล่าวว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์มีความประสงค์จะมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อนายกฯพรรคพลังประชารัฐ ควรเสียสละลาออกจากตำแหน่งนายกฯและหัวหน้า คสช. มิเช่นนั้นจะเป็นผู้สมัครคนเดียวที่มีอำนาจเหนือ กกต. นี่คือความไม่เสมอภาค ขณะนี้ทุกอย่างกำลังดีขึ้น ทั้งเรื่องบัตรเลือกตั้งที่มีชื่อพรรคการเมือง และโลโก้พรรค เหลือเรื่องพรรคเดียวเบอร์เดียวทั่วประเทศ ส่วนเรื่องผู้สังเกตการณ์จากต่างประเทศก็ยอมกันแล้ว อีกอย่างที่สมควรกระทำที่สุดคือ พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจะทำให้ประชาชนยอมรับ มิเช่นนั้นแม้ชนะ แต่ก็ขาดความชอบธรรม
ทษช.ขอโอกาสคนใต้กล้าเปลี่ยนแปลง
ที่แยกควนหนองหงษ์ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ นำโดย ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นำทีมงานผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช ลงพื้นที่รับฟังปัญหาราคายางพาราจากกลุ่มเกษตรกร โดย ร.ท.ปรีชาพลกล่าวว่า พรรคไทยรักษาชาติเข้าใจ อยากแก้ไขปัญหาราคายางพารา ไม่เคยมองว่าจะใช้ปาล์มและยางพาราเป็นเครื่องมือทางการเมือง มิได้คำนึงถึงนายทุนกลุ่มใด เพราะนายทุนใหญ่คือประชาชน ประเทศไทยผลิตและส่งออกยางพารามากที่สุด แต่เหตุใดไม่สามารถกำหนดราคายางได้ พรรคไทยรักษาชาติจึงต้องการเข้ามาแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจัง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า การแก้ปัญหายางพาราและปาล์มน้ำมัน ต้องแก้โดยรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยเท่านั้น เพราะบางพรรคไม่ชัดเจนในจุดยืนที่จะปฏิเสธเผด็จการ พี่น้องชาวใต้ต้องกล้าที่จะเปลี่ยน
ชทพ.เล็งเปิดนโยบายพรรค 6 ด้าน
นายยุทธพล อังกินันทน์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ในวันที่ 24 ธ.ค. น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา และนายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา จะเปิดตัวนโยบายสำคัญเร่งด่วนของพรรคสู้ศึกเลือกตั้งปี 2562 ใน 6 ด้าน คือ 1.ด้านการเกษตร 2.ด้านการศึกษา 3.ด้านสังคม ผู้ด้อยโอกาสและผู้สูงอายุ 4.ด้านการบริการสาธารณสุข 5.ด้านกระจายอำนาจ 6.ด้านการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายเร่งด่วนดังกล่าวเป็นผลจากการพิจารณากลั่นกรองข้อมูล ความต้องการของประชาชนจากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง รวมถึงนำรายละเอียดยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศมาศึกษาก่อนกำหนดนโยบายให้สอดคล้องร่วมกัน ทั้งนี้ การทำนโยบายที่ต้องใช้งบประมาณดำเนินการ พรรคต้องแจ้งรายละเอียดให้ กกต.พิจารณา พรรคมั่นใจว่ารายละเอียดนโยบายเร่งด่วนที่เตรียมประกาศจะไม่สร้างภาระทางการคลังหรือเพิ่มหนี้สินให้ประเทศ นอกจากนี้ในวันดังกล่าวจะเปิดแผนกิจกรรมและการหาเสียงของพรรค หลังจากที่ คสช.มีคำสั่งปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมได้ เบื้องต้นในวันที่ 26 ธ.ค.แกนนำพรรคจะลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ทำกิจกรรมในพื้นที่ และวันที่ 11 ม.ค.2562 จะเปิดตัวสาขาพรรคที่ จ.เพชรบูรณ์

รปช.ตั้งความหวังปักธง ส.ส.อุบลฯ
ที่ตลาดสดเทศบาล 1 อ.เมืองวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ช่วยกันแนะนำตัว น.ส.ปวีณา ทิพย์นาง ผู้สมัคร ส.ส.อุบลราชธานี เขต 3 พรรครวมพลังประชาชาติไทย ให้พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนในตลาดได้รู้จัก โดยนายสุเทพกล่าวว่า เดินมาครึ่งประเทศ ตั้งใจชักชวนประชาชนเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรครวมพลังประชาชาติไทย เพื่อให้เป็นเจ้าของพรรค กำหนดทิศทางพัฒนาประเทศ ส่วนผู้สมัครเป็นคนวัยหนุ่มสาว มีความรู้ดี มีความตั้งใจทำงานเพื่อส่วนรวม พรรคหวังจะได้ผู้สมัครเป็น ส.ส.อุบลราชธานี
ลงสนามตรวจชิงเก้าอี้ ส.ว.กทม.
เมื่อเวลา 08.45 น. ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. และนางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร เดินทางมาตรวจเยี่ยมการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ระดับจังหวัดของ กทม. จากนั้นเจ้าหน้าที่อธิบายการลงคะแนนตลอดจนข้อห้ามต่างๆ และหลังลงคะแนนผู้สมัครต้องอยู่ภายในสถานที่ลงคะแนนจนกว่าการนับคะแนนจะแล้วเสร็จ จึงเดินทางกลับได้ โดยบรรยากาศการลงคะแนนเลือก ส.ว. ระดับจังหวัดที่ กทม.มีผู้สมัคร ส.ว.ผ่านการคัดเลือกจากระดับอำเภอทยอยเดินทางมารายงานตัว และลงทะเบียนตั้งแต่ เวลา 08.00 น. เมื่อถึงเวลา 09.00 น. สิ้นสุดการรายงานตัวตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่ปิดห้องประชุม เพื่อเข้าสู่กระบวนการลงคะแนน สำหรับผู้สมัครที่ผ่านการคัดเลือกจากระดับอำเภอเข้าสู่ระดับจังหวัดในสนาม กทม.มีจำนวน 203 คน แบ่งเป็นผู้สมัครที่องค์กรแนะนำ 60 คน สมัครด้วยตนเอง 143 คน ปรากฏว่า มีผู้สมัครไม่มารายงานตัวตามที่เวลากำหนด 4 คน ทำให้เหลือผู้สมัคร 199 คน ในการลงคะแนนมีผู้สมัครจาก 5 กลุ่มที่ไม่ต้องเลือก รอไปรายงานตัวก็จะผ่านไประดับประเทศได้ทันที
เคาะชื่อคนเข้ารอบสุดท้าย 24 ธ.ค.
ต่อมาเวลา 11.45 น. พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวภายหลังการตรวจคัดเลือก ส.ว.ระดับจังหวัดว่า การคัดเลือก ส.ว.ระดับจังหวัด ทั่วประเทศจะทำให้ได้ผู้สมัคร ส.ว. เข้าสู่ระดับประเทศจำนวน 2,778 คน แบ่งเป็นผู้สมัครด้วยตนเอง 2,323 คน และองค์กรแนะนำ 455 คน โดยในวันที่ 24 ธ.ค. กกต.จะสรุปรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกระดับจังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างนี้หากมีเบาะแสข้อมูลทุจริตเลือก ส.ว.ให้แจ้งมาที่สายด่วน กกต. 1444 ขอประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ได้รับการคัดเลือก ส.ว.สู่ระดับประเทศ ขอให้เตรียมตัว วางแผนการเดินทางให้ดี เนื่องจากวันเลือกระดับประเทศเป็นวันทำงานปกติ การจราจรคับคั่ง ที่ผ่านมามีปัญหาผู้สมัครมารายงานตัวไม่ทันจนต้องถูกตัดสิทธิ จึงขอให้มารายงานตัวก่อนเวลา
กทม.สู้กันสนุกจับสลากวัดดวง
นางศิลปสวย ระวีแสงสูรย์ ปลัดกรุงเทพฯ กล่าวว่า การลงคะแนนเลือก ส.ว.กทม.ระดับจังหวัด เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีปัญหามารายงานตัวไม่ทันจำนวน 4 คน เป็นผลทำให้ถูกตัดสิทธิ และมี ปัญหาบัตรเสียจากการเขียนเลขไทย ผิดไปจากระเบียบ กกต.ที่กำหนดให้ใช้เลขอารบิก อีกทั้งการลงคะแนนยังพบว่า มีการลงคะแนนเท่ากันใน 12 กลุ่ม จึงต้องตัดสินด้วยวิธีจับสลาก ผลสรุปได้ผู้สมัคร ส.ว.กทม.ระดับจังหวัดไปสู่ระดับประเทศ 74 คนแบ่งเป็นสมัครด้วยตนเอง 39 คน และองค์กรเสนอชื่อ 35 คน
ป.ป.ช.ปัดเร่งปล่อยคดีการเมือง
พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนคดีทุจริตการก่อสร้างโรงพักทดแทน 396 แห่ง วงเงิน 5,800 ล้านบาทว่าที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีกับพวกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่า ป.ป.ช.ไต่สวนอยู่ ไม่ได้ละทิ้ง แต่เมื่อข้อมูลพยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วน ต้องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้ครบถ้วนรอบคอบก่อน เนื่องจากยังมีประเด็นที่องค์คณะไต่สวนเห็นว่าพยานหลักฐานยังไม่ครบถ้วน ยืนยัน ป.ป.ช.ละเอียดรอบคอบ ทำตามพยานหลักฐาน โดยเฉพาะคดีนี้เกี่ยวกับนักการเมืองและนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ยิ่งต้องไต่สวนให้ครบถ้วนสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่การเร่งคดีนักการเมืองเพราะใกล้ช่วงเลือกตั้ง ช่วง 3 ปีที่ ป.ป.ช.ชุดนี้เข้ามาทำงาน ไม่มีคดีเกี่ยวกับนักการเมืองคดีใหม่ๆเข้ามา มีแต่เรื่องเก่า แต่เวลามางวดในช่วงนี้ ไม่ใช่ ป.ป.ช.เร่ง แต่พยายามขับเคลื่อนให้คดีเดินหน้า หลายเรื่องเดินหน้าใกล้จบ โดยเฉพาะปี 2562 จะมีคดีจบอีกเป็นแถว ไม่เกี่ยวกับใกล้เลือกตั้ง หรือการเมืองเข้มข้น ป.ป.ช.ทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะคนจับตาจ้องมองอยู่ ทุกคนอยากพ้นจากตำแหน่งอย่างสบายใจ ไม่กลับมาเป็นจำเลยอีก
“สุชาติ” ค้านแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ย
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีต รมว.คลัง ในฐานะคณะทำงานด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงกรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมขึ้นดอกเบี้ยว่า ธปท.ไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยจนกว่าความสามารถในการผลิตจะสูงขึ้นกว่าปัจจุบัน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจประเทศเจริญเติบโตมากกว่าที่เป็นอยู่ เห็นได้จากเศรษฐกิจประเทศสหรัฐอเมริกาที่เติบโตมากเกินจึงขึ้นดอกเบี้ย แต่เศรษฐกิจไทยแย่ โตต่ำกว่าความสามารถมาก ต่ำกว่าเพื่อนบ้านทุกประเทศในอาเซียน เงินเฟ้อต่ำเกินไป ประชาชนผลิตแล้วขายของไม่ได้ จึงไม่มีกำลังซื้อ ความจริงต้องลงดอกเบี้ยเพื่อให้มีปริมาณเงินในประเทศเพิ่มขึ้น ประชาชนมีเงินใช้สอยมากขึ้น ชาวบ้านจึงขายของได้และค่าเงินบาทที่แข็งเกินไปทุกวันนี้จะได้อ่อนค่าลงตามธรรมชาติ จะได้ส่งออกได้มากขึ้น หวังว่าผู้บริหาร ธปท.จะกลับมาคิดเรื่องนี้ เหมือนประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน ที่เจริญเติบโตอย่างมหัศจรรย์ ในทศวรรษที่ 1960 ถึง 1990 หนทางหนึ่งที่รัฐบาลควรคิดคือ เปลี่ยนนโยบายการเงินมาเป็นการกำหนดเป้าหมายอัตราแลกเปลี่ยนที่เหมาะสม