การเสวนาของ สมาคมนิสิตเก่าวิศวกรรมศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดขึ้นในหัวข้อ ทิศทางเศรษฐกิจไทยในปีเลือกตั้ง 2562 เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์และส่งผ่านข้อมูลเศรษฐกิจปีต่อไปให้ทุกส่วนของสังคมได้ประกอบธุรกิจและดำเนินชีวิตด้วยความเชื่อมั่น
หลังจากค่อนข้างจะชัดเจนว่ารัฐบาลได้มีการ ปักหมุดเลือกตั้ง วันที่ 24 ก.พ.2562 ทำให้เกิดภาพความชัดเจนของประเทศไทยในอนาคต ถึงจะไม่เต็มร้อยแต่ก็พอจะเห็นเค้ารางที่น่าสนใจ อาทิ ความเห็นของ อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลังมองว่า ปีหน้า เศรษฐกิจไทยยังจะเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง และคาดว่า จีดีพี จะโตได้ถึงร้อยละ 4
ในปีหน้า ภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรม ของไทยยังมีแนวโน้มการลงทุนอย่างเต็มที่เพราะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น รวมทั้งโครงการภาครัฐที่จูงใจในการลงทุน เช่น โครงการพัฒนาในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ที่มีการกำหนดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนและเติมพลังให้เศรษฐกิจไทยใหม่อีกครั้ง เพื่อต่อยอดธุรกิจในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกที่เป็นส่วนหนึ่งของไทยแลนด์ 4.0
ที่ยังวิตกกับสงครามการค้าระหว่าง สหรัฐฯกับจีน อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจทุกประเทศรวมทั้งประเทศไทยด้วยนั้น อาจได้รับผลกระทบบ้างไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการปรับตัวของภาคธุรกิจ
การลงทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนา ควรจะเร่งส่งเสริมดำเนินการเพื่อสร้างโอกาสและการแข่งขันให้เกิดขึ้น นำไปสู่การเปลี่ยนแพลตฟอร์มทางเศรษฐกิจของประเทศ ที่ควรจะมีการเปิดกว้างนำไปสู่ ยุคไทยแลนด์ 4.0 อย่างเต็มตัว การสร้างความร่วมมือในการปฏิรูปด้านการศึกษาและการเรียนรู้ที่กระจายตัวไปสู่ภูมิภาคให้มากที่สุด
แก้ปัญหารวยกระจุกจนกระจาย
เรื่อง การลงทุนในด้านเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็น เอไอหรือบิ๊กดาต้า การพัฒนา ระบบโทรคมนาคม ไปสู่ยุค 5G ที่ต้องอาศัยการศึกษาอย่างจริงจัง
...
ประเด็นของปัจจัยจากราคาน้ำมันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวกับคนไทยมาก ตามที่ อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บมจ.ปตท. ได้เปิดมุมมองเอาไว้ว่า การที่แนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปี 2562 ที่คาดว่าจะเฉลี่ยที่ 65-75 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ส่งผลให้ราคาน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ระดับ 25-30 บาทต่อลิตร ขึ้นอยู่กับนโยบายการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตจากรัฐด้วย
ธุรกิจค้าปลีกน้ำมันในประเทศจะมีการแข่งขันสูงขึ้นหลังจากมีการเปิดเสรีด้านพลังงาน เห็นได้จากการที่ผู้ประกอบการธุรกิจน้ำมันมีการขยายธุรกิจนอกเหนือจากการขายน้ำมันเพียงอย่างเดียว รวมถึงสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ที่มีการให้บริการแบบครบวงจรมากขึ้น อาทิ ธุรกิจกาแฟอเมซอนที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นปีละ 20% เร็วและสูงกว่าธุรกิจน้ำมันที่โตเพียง 2-3% เท่านั้น ข้อคิดมุมมองที่เกิดจากวงเสวนานี้จะเกิดประโยชน์กับสังคมได้เป็นอย่างดี
ภายใต้ความร่วมมือภาครัฐ เอกชน และประชาชน.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th