พรรคการเมืองที่ประกาศไม่เข้าร่วมหารือกับ คสช. และ กกต. ล่วงหน้าประกอบด้วย 2 ขั้วการเมืองใหญ่คือ ประชาธิปัตย์ และ เพื่อไทย มีพรรคพันธมิตรประกอบด้วย ไทยรักษาชาติ เพื่อชาติ เสรีรวมไทย อนาคตใหม่ เป็นต้น ที่ประกาศความชัดเจนทางการเมืองว่าจะไม่ร่วมวงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช.
ส่วนพรรคการเมืองที่ยินดีจะเข้าร่วมหารือ มีพรรคการเมืองสำคัญประกอบด้วย ภูมิใจไทย พลังประชารัฐ ชาติพัฒนา ชาติไทยพัฒนา รวมพลังประชาชาติไทย พลังประชาชน ส่วนใหญ่จะเป็นพรรคการเมืองใหม่ๆ
กลายเป็นสองขั้วการเมืองชัดเจนคือ เอา คสช. กับไม่เอา คสช.
บรรยากาศการหาเสียงต่อจากนี้ไปก็คงเป็นไปตามนี้คือ ฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ กับ ฝ่ายไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ส่วนหลังการเลือกตั้ง ผลออกมาเป็นอย่างไรก็ค่อยว่ากันอีกที
ก่อนเลือกตั้งได้แค่จับมือกันไว้แบบหลวมๆ เพราะฉะนั้นการตั้งรัฐบาลเที่ยวนี้คาดว่าจะวุ่นวายกับการต่อรองตำแหน่งของแต่ละพรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคตัวแปรอย่างประชาธิปัตย์ ที่สามารถจะเข้ากับข้างไหนก็ได้
โจทย์ว่าด้วยสมการตัวเลข ก็คือ พรรคการเมืองสนับสนุนฝ่าย พล.อ.ประยุทธ์ ต้องได้เสียงมากกว่า 126 เสียงขึ้นไป ในขณะที่ ฝ่ายที่ไม่เอากับ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ต้องรวมที่นั่ง ส.ส.กันแล้ว จะต้องได้ 376 เสียงขึ้นไป เพราะฉะนั้นการจะตั้งรัฐบาลพรรคเดียวก็คงหมดสิทธิ์
แม้ตามมารยาททางการเมือง พรรคที่ได้เสียงข้างมากจะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลก็จริงอยู่ แต่ด้วยเงื่อนไขที่ว่า การโหวตเลือกนายกฯในสภาต้องใช้เสียงของ ส.ว.ด้วย เพราะฉะนั้น ส.ว.จึงเป็นตัวแปรในการเลือกนายกฯในครั้งนี้ เมื่อเลือกนายกฯได้แล้วจึงจะมาตั้งรัฐบาลกันอีกที
นั่นหมายถึงว่า ผู้นำพรรคที่ได้เสียงข้างมากอาจไม่ได้รับการโหวตให้เป็นนายกฯก็ได้ เพราะฉะนั้นการตั้งรัฐบาลเที่ยวนี้จึงอาจจะไม่ได้ตั้งโดยพรรคเสียงข้างมากก็ได้
...
แต่พรรคที่ได้รับเสียง ส.ส.เข้ามาเสียงข้างมากจะมีผลกับ พรรคในฝ่ายพันธมิตรที่จับมือกันอยู่แค่นั้น พรรคไหนได้เสียงมากกว่าก็เอาตำแหน่งนายกฯไป เป็นเหตุผลให้ พลังประชารัฐ ต้องได้เสียง ส.ส.เกินร้อย
เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งได้เสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเข้ามา การเมืองจะฝุ่นตลบ มีการต่อรองกันแบบหลังชนฝา พรรคตัวแปรหรือพรรคอันดับ 3 มีโอกาสส้มหล่นที่จะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
การเมืองลูกกลมๆเอาแน่เอานอนไม่ได้ แม้แต่ในพรรคก็ไม่สามารถจะคาดเดาอะไรได้ โอกาสที่ ส.ส.ของพรรคจะลงมติสวนกับมติพรรคก็เกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่มีการแข่งขันกันภายในอยู่แล้ว
อาทิ พรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทย กระโดดถีบเพราะแย่งกันลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดียวกันก็ทำมาแล้ว แย่งตำแหน่งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคก็มีมาแล้ว จะเอาอะไรกับการเมืองในประเทศที่ประชาธิปไตยล้มเหลว.
หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th