ออกอาการเฮี้ยวกันยกใหญ่
ในอารมณ์ที่บรรดาค่ายการเมืองทีมนายใหญ่ ทั้งพรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเพื่อชาติ รวมถึงพวกแนวร่วมอย่างพรรคอนาคตใหม่ และพรรคเสรีรวมไทย พากันออกฤทธิ์ออกเดชใส่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
ปฏิเสธร่วมวงหารือระหว่าง คสช.กับพรรคการเมืองในวันที่ 7 ธ.ค. ที่สโมสรกองทัพบก เพื่อวางแนวทางและกติกาเลือกตั้งต้นปีหน้า
ขยับตีรวนแต่หัววัน ตั้งแต่ยังไม่เข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ เมินเสียงถากถางของ “ลุงตู่” ที่บอกเป็นนักมวยแต่ไม่มาฟังกติกา ก็สมควรเลิกชกไปเลย
แม้กระทั่งพรรคประชาธิปัตย์ก็ยังเซย์โนร่วมเวที แสดงท่าทีขึงขังไม่เห็นประโยชน์จะไปร่วมประชุม เพราะเป็นแค่การเชิญไปฟังแนวทางการจัดเลือกตั้งเท่านั้น ไม่ใช่การร่วมหารือเพื่อร่วมกันกำหนดกติกาเลือกตั้ง
หลายพรรคโชว์จุดยืนแข็งขืน ไม่ร่วมวงปาหี่ เชิญทุกพรรคมาหารือ แต่ทุกอย่างถูกล็อกสเปกไว้หมดแล้ว
แท็กทีมไล่ทุบ “ลุงตู่” หนักขึ้นเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากอารมณ์หมั่นไส้ที่เจ้าตัวช้อนคะแนนมันมือฝ่ายเดียว
นำร่องมาตั้งแต่การเพิ่มสิทธิประโยชน์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มาตรการช็อปช่วยชาติและช็อปตรุษจีน การอัดฉีดเงินช่วยชาวสวนยางไร่ละ 1,800 บาท และชาวสวนปาล์มไร่ละ 1,500 บาท แก้ปัญหาผลผลิตราคาตกต่ำ
การเพิ่มค่าตอบแทนแก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านทั่วประเทศ 1 ล้านคน
จากเดือนละ 600 บาท เป็น 1,000 บาท มีผลตั้งแต่เดือน ธ.ค.นี้เป็นต้นไป
ล่าสุดยังมีโปรโมชันแจกซิมการ์ดฟรี พ่วงระบบอินเตอร์เน็ตเดือนละ 50 บาท ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้าถึงข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์
กระหน่ำมหกรรมเทกระจาดระลอกแล้วระลอกเล่า กุลีกุจอเอาใจรากหญ้าและคนชั้นกลางเต็มที่
...
ยิ่งขยับเข้าใกล้ห้วงเวลาเลือกตั้งมากเท่าไร “ลุงตู่” ยิ่งถูกล่อเป้ามากขึ้น
ตามทิศทางที่ชัวร์เกือบ 100% แล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์จะตอบรับเทียบเชิญนั่งอยู่ในบัญชีนายกฯหมายเลข 1 พรรคพลังประชารัฐ ตามที่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรคตีปี๊บโฆษณา
กลายเป็นการเพิ่มแรงหมั่นไส้เป็นทวีคูณ รุมกดดันให้ “บิ๊กตู่” สละเก้าอี้นายกฯและหัวหน้า คสช. หันมาสู้กันเพียวๆในสนามเลือกตั้ง โดยไร้หัวโขนสถานะพิเศษคุ้มกัน
เสียงสกัด “ลุงตู่” ดังมาจากทุกทิศ ที่ดูเสียงดังกว่าใครคือ “เดอะมาร์ค” นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นตัวแปรชี้ขาดพรรคพลังประชารัฐจะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จหรือไม่ ภายหลังการเลือกตั้ง
ตามแนวโน้มที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ประเมินจะได้ ส.ส. 150 ที่นั่ง ถ้ารวมกับเสียง ส.ว. 250 เสียง แม้จะเพียงพอตอนโหวตเลือกนายกฯ แต่ไม่เพียงพอให้รัฐบาลอยู่อย่างมีเสถียรภาพได้
ยังไงก็ต้องพึ่งเสียงจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นกองหนุนหลัก
ทำให้เห็นอาการนายอภิสิทธิ์ข่ม “ลุงตู่” อีกครั้ง เล่นแง่ไม่อยากร่วมงานพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาล เพราะแนวทางการทำงานไม่สอดคล้องกับพรรคประชาธิปัตย์
เล่นเชิงไม่อยากผูกมัดกับ คสช. หวังสร้างอำนาจต่อรองให้สูงไว้ก่อน
แต่ทั้งนี้ก็เป็นได้แค่หลักการโชว์หล่อในฐานะปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 ที่จะต้องรักษารูปมวย
หากเทียบกับสภาพความจริงในพรรคที่นายอภิสิทธิ์ไม่สามารถคอนโทรล ส.ส.ได้อีกต่อไป นับจากเสร็จศึกชิงหัวหน้าพรรคเที่ยวที่ผ่านมา
สภาพในพรรคเป็นปลาสองน้ำ มีอดีต ส.ส.ซีก “ลุงกำนัน” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำพรรครวมพลังประชาชาติไทยอยู่เป็นก้างตำคอให้ “เดอะมาร์ค” ระแวงตลอดเวลา
และที่เห็นอาการแปร่งๆล่าสุดคือ กรณี “เสี่ยต่อ” เฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ฟอร์มทีมผู้สมัคร ส.ส. 40 คน ลงสมัครพื้นที่ภาคกลาง เปิดตัวในนามกลุ่ม “เพื่อนเฉลิมชัย”
ไม่ใช่ในนามพรรคประชาธิปัตย์ เป็นช็อตต่อเนื่องสอดรับกระแสข่าวเปิดดีลจากฝั่ง “พี่ใหญ่” เจรจาเสนอเก้าอี้กระทรวงเกรดเอแลกกับการหนุน “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯ มีเค้าลางความเป็นไปได้ตามท้องเรื่อง
เห็นร่องรอยแยกมุ้งออกมาสร้างราคา ดีลกับฟาก คสช.โดยตรง
ไปๆมาๆ “เดอะมาร์ค” ก็ได้แค่วางฟอร์มข่ม “ลุงตู่” เพราะคนอื่นในพรรคอาจไม่มีใครเล่นด้วย.
ทีมข่าวการเมือง