ปากมากสร้างความสับสน ให้กกต.เกษียณทำงานต่อ เจ้าตัวไว้ลาย-สวนทิ้งทวน!
“บิ๊กตู่” งัด ม.44 เด้งฟ้าผ่า “สมชัย” พ้น กกต. พฤติกรรมไม่เหมาะ วิจารณ์แหลกลาญกระบวนการเลือกตั้ง-โรดแม็ป ทำสังคมสับสน เป็นอุปสรรคต่อกิจการงาน กกต. ทั้งยังเข้าข่ายประโยชน์ทับซ้อนลงสมัครชิงตำแหน่งเลขา กกต.แต่หวงเก้าอี้ไม่ลาออกตำแหน่งเดิม ชัดแล้วให้ กกต.อายุครบ 70 ทำงานต่อไป “สมชัย” ไม่เสียใจลั่นทำเพื่อบ้านเมือง เหน็บทิ้งทวนขวางผลประโยชน์จนบางคนทนไม่ได้ ประธาน กกต.ยันที่เหลือทำหน้าที่ต่อได้ไร้ปัญหา นายกฯเผยเชิญพรรคการเมืองหารือวันเลือกตั้ง ถ้าไม่มาก็ต้องกำหนดเองคนเดียว สวนไม่คิดล้วงแคะลอกนโยบาย ข้องใจดีเลิศแค่ไหนต้องปิดลับสุดยอด โวย สนช.อย่าโยนรัฐบาลตัดสินใจยื่นตีความกฎหมายลูก
หลังจากนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง วิพากษ์วิจารณ์ทุกองค์กร หน่วยงาน ล่าสุดตั้งข้อสงสัยถึงการปฏิบัติหน้าที่ของแม่น้ำ 5 สาย ทั้ง กรธ. สนช. เกี่ยวกับการออกกฎหมายลูก ส.ส. และ ส.ว. โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวพันกับโรดแม็ป การกำหนดวันเลือกตั้งนั้น
ม.44 ฟ้าผ่าเด้ง “สมชัย” พ้น กกต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 20 มี.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คําสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 4/2561 เรื่อง ให้กรรมการการเลือกตั้งยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความเห็นของตนเกี่ยวกับกระบวนการและกำหนดการการเลือกตั้ง ด้วยถ้อยคําที่ไม่สมควรในลักษณะที่อาจก่อให้เกิดความสับสน อันจะเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของ กกต.และการจัดการเลือกตั้งให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี และปรากฏนายสมชัยสมัครเข้ารับการคัดเลือกให้ดํารงตำแหน่งเลขาธิการ กก. ไม่ได้ลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ กกต.เสียก่อน ถือเข้าข่ายเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง จึงไม่สมควรให้นายสมชัยปฏิบัติหน้าที่ กกต.ต่อไป
...
ชัดแล้วใครเกษียณให้อยู่ต่อ
จึงอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวปี 57 หัวหน้า คสช.จึงมีคําสั่งให้นายสมชัยยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่ กกต.ตั้งแต่วันที่คําสั่งนี้ใช้บังคับเป็นต้นไป และในกรณีที่ผู้ซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ประธาน กกต.หรือกรรมการ กกต. การเลือกตั้งตามมาตรา 70 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการ กกต.2560 มีอายุครบเจ็ดสิบปี ให้ผู้นั้นยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวต่อไปจนกว่าประธาน กกต. และกรรมการ กกต.ที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ สั่ง ณ วันที่ 20 มี.ค.61 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.
“สมชัย” ไม่เสียใจทำเพื่อบ้านเมือง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.มีคำสั่งปลดออกจากการทำหน้าที่ กกต.ว่าเป็นดุลพินิจของผู้มีอำนาจ ที่คิดว่าเหมาะสมก็ให้ดำเนินการไป โดยยืนยันว่า การให้สัมภาษณ์ที่ผ่านมาอยู่บนพื้นฐานการรักษาผลประโยชน์บ้านเมืองไม่ได้มุ่งเอาใจใคร และการสมัครเลขา กกต. ก็เป็นเพราะมีคุณสมบัติที่จะสมัครได้ โดยเชื่อว่า กกต.ชุดปัจจุบันคงไม่กล้าเลือกตนเป็นเลขา กกต. เพราะรู้ดีว่าหากตนได้เป็นเลขา กกต. อาจปฏิบัติหน้าที่ขัดต่อความต้องการของผู้มีอำนาจในบ้านเมืองได้ ทั้งนี้เมื่อพ้นตำแหน่งแล้วก็จะหาแนวทางอื่นในการทำประโยชน์ให้บ้านเมืองต่อไป
เหน็บทิ้งทวนไปขวางผลประโยชน์
นายสมชัยกล่าวว่า ขอเวลา 2-3 วันในการเก็บของ คิดว่าสำนักงาน กกต.คงไม่ใจร้ายให้เก็บของให้เสร็จภายในวันนี้ และเดิมที่จะไปร่วมสัมมนาเตรียมงานการเลือกตั้งของสำนักงานในวันที่ 21 มี.ค. ก็คงไม่ได้ไปแล้วเพราะไม่มีหน้าที่แล้ว ส่วนการประชุมพรรคการเมืองเก่าในวันที่ 28 มี.ค. ซึ่งตั้งใจที่จะเข้าร่วม ก็คงไม่ได้ไปร่วม ยกเว้นจะไปร่วมในฐานะตัวแทนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง
“ผมไม่รู้สึกเสียใจต่อคำสั่งที่ออกมา โดยก่อนหน้านี้ ก็พยายามหาทางที่จะออกจากตำแหน่งอยู่แล้วและรู้ว่าตัวเองสุ่มเสี่ยงมาโดยตลอดกับการที่จะถูก คสช.ปลด เพราะให้สัมภาษณ์ในลักษณะที่ไม่ถูกใจใครแต่ถือว่าทำตามหน้าที่ ซึ่งอาจมีคนเห็นว่าไปขัดผลประโยชน์ จนทนไม่ได้ แต่การเป็น กกต.ก็มีหน้าที่ชี้ว่าสิ่งใดถูกและสิ่งใดผิด”นายสมชัยกล่าว
“ศุภชัย” ชี้ไม่กระทบการทำงาน
นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. กล่าวถึงกรณีที่หัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่ง ให้นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ว่า คำสั่งที่ออกมาไม่มีปัญหาอะไร กกต.ที่เหลือก็จะปฏิบัติหน้าที่ 4 คน ซึ่งถือว่าครบองค์ประชุม ส่วนงานด้านบริหารกลางที่นายสมชัย ดูแลอยู่นั้นปกติกกต.ไม่ได้คุมงานบริหาร ให้แต่นโยบายอย่างเดียว ซึ่งในส่วนนี้อยู่ในการดูแลสำนักงานและเลขาธิการกกต. สำหรับการต่ออายุของประธาน กกต. และ กกต. บางคนที่จะมีอายุครบ 70 ปีให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมี กกต.ชุดใหม่นั้น ก็ไม่มีปัญหาเช่นเดียวกัน โดยผู้ที่จะมีอายุครบ 70 ปี คือนายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ที่จะครบอายุในวันที่ 7 ส.ค.ปีนี้ และตัวเอง ที่จะครบอายุ 8 ก.พ.ปีหน้า ก็จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมี กกต.ชุดใหม่
คสช.ชื่นมื่นเบิร์ธเดย์ 64 ปี “บิ๊กตู่”
เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช. และเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยก่อนการประชุมผู้สื่อข่าวได้ถามนายกฯว่า วันที่ 21 มี.ค. เป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 64 ปี ตั้งใจจะทำอะไรเป็นพิเศษ และจะปลดล็อกให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมเป็นของขวัญให้นักการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบสั้นๆ สีหน้าเรียบเฉยว่า “วันเกิดผม เกี่ยวอะไรกับใคร”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุม คสช. ที่มีสมาชิก คสช.เข้าประชุมอย่างพร้อมเพรียง เป็นไปอย่างชื่นมื่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะรองหัวหน้า คสช. ได้เป็นตัวแทนกล่าวอวยพรวันเกิดนายกฯ ให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรง
ไม่ปลดล็อก-ถกปมพรรคการเมือง
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. เปิดเผยภายหลังการประชุม คสช.ว่า ที่ประชุม คสช.ไม่ได้พูดคุยถึงสถานการณ์การเมือง ไม่ว่าจะเป็นการปลดล็อกพรรค การเมือง หรือกรณีกลุ่มต่างๆทยอยยื่นเรื่อง คสช.เพื่อขอเปิดประชุมดำเนินการทางธุรกรรมทางการเมือง และไม่มีรายงานการออกคำสั่ง คสช.มาตรา 44 เพื่อพักชำระหนี้จ่ายค่าสัมปทานของผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล
ขอช่วยกำจัดทุจริตเป็นของขวัญ
ขณะที่ พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ก่อนเริ่มประชุม ครม. พล.อ.ประวิตรเป็นผู้แทน ครม.นำแจกันดอกไม้อวยพรนายกฯเนื่องในวันคล้ายวันเกิดล่วงหน้าพร้อมอวยพรว่า “ขอให้มีสุขภาพพลานามัย แข็งแรง” ขณะที่นายกฯกล่าวว่า “ขอบคุณ ครม.ทุกท่านที่ได้มาร่วมกันทำงานในครั้งนี้ ขอให้ช่วยกันสร้างสรรค์นำพาประเทศชาติไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ของขวัญที่อยากได้คือให้ช่วยกันตรวจสอบระบบราชการให้ดำเนินการด้วยความสุจริต โปร่งใส ปราศจากการทุจริต กำจัดการทุจริตให้หมดสิ้น” จากนั้นนายกฯได้มอบข้าวพันธุ์ กข43 ให้กับ ครม. และวันที่ 21 มี.ค. ซึ่งตรงกับวันเกิดนายกฯ ในฐานะหัวหน้า คสช.จะเปิดให้ผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้าอวยพรในเวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบฯ สำหรับหัวหน้าส่วนราชการขอให้ส่งการ์ดอวยพร
“บิ๊กตู่” เผยเชิญพรรคถกวัน ลต.
เมื่อเวลา 14.35 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงการเชิญพรรคการเมืองร่วมหารือในเดือน มิ.ย.นี้ว่า เรื่องการเชิญพรรคการเมืองนั้นใครจะมาหรือไม่มาก็แล้วแต่เขา ถ้าไม่มาประชาชนจะว่าอย่างไร ตนต้องการให้ประชาชนรับทราบรับรู้ด้วยว่ามีการพูดคุยอะไรกันบ้าง โดยเฉพาะแนวทางการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต ไม่ได้หมายความว่าจะไปรู้นโยบายอะไรของเขา เพียงแต่เขาต้องตอบคำถามประชาชนให้ได้ในสิ่งที่ประชาชนต้องการ เพราะทุกพรรคอาสาที่จะเข้ามาทำงานการเมืองให้กับประเทศ อันนี้สุดแล้วแต่ ถ้ามาไม่ครบหรือไม่มีการพูดคุยอะไรกันเลยมันก็กำหนดวันเลือกตั้งไม่ได้นั่นแหละ
ไม่ร่วมมือก็ต้องกำหนดเอง
เมื่อถามว่า หากพรรคการเมืองไม่มาร่วมหารือ โดยเฉพาะพรรคใหญ่ จะไม่สามารถกำหนดวันเลือกตั้งได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่มาแล้วจะคุยกับใคร เมื่อถามย้ำอีกว่า หากพรรคการเมืองไม่มาแล้วจะกำหนดวันเลือกตั้งได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ก็ต้องหาข้อยุติให้ได้มากที่สุด วันนี้มีพรรค การเมืองกี่พรรคที่เกี่ยวข้อง เพราะตอนนี้มีอยู่ 40-60 พรรคแล้ว และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะรับรองทุกพรรคหรือไม่ “ใครอยากมาก็มา แต่ผมไม่ไปเบี้ยวอยู่แล้วแหละ ถึงอย่างไรก็ต้องเลือกตั้ง ถ้าอย่างนั้นก็ต้องกำหนดเองจะไปยากอะไรเล่า”
ลั่นไม่คิดล้วงแคะลอกนโยบาย
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเชิญพรรคการเมืองมาชี้แจงถึงนโยบายนั้นถือเป็นการแทรกแซงพรรคการเมืองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า การเชิญพรรคการเมืองมาพูดคุย ไม่ได้หมายถึงให้มาพูดคุยในนโยบายพรรค แต่อยากให้พูดว่าจะแก้ไขปัญหา เช่น เรื่องการทุจริต เรื่องการบุกรุกป่าอย่างไร ต้องคุยแบบนี้ แล้วทำไมนโยบายพรรคมันปิดลับกันมากหรืออย่างไร แต่พรรคการเมืองสามารถเปิดเผยนโยบายพรรคของตัวเองในภายหลังก็ได้ เพราะตนไม่ได้อยากจะรู้ เพียงแต่อยากจะถามว่าจะทำต่อในสิ่งที่ตนทำไว้อย่างไร ถ้ามีวิธีการอื่นก็ต้องถามว่าประชาชนจะรับได้หรือไม่ ไม่ใช่ไม่มีรายละเอียดอะไรเลย แล้วก็เลือกกันออกมา มันไม่ใช่
ไม่ได้วิลิศมาหราพลิกฟ้าคว่ำดิน
“มันต้องสร้างการรับรู้ อย่างวันนี้ผมบอกทุกอันแล้ว ผมเคยหวงห้ามว่าใครจะเอาของผมไปใช้บ้างไหม และที่ผ่านมาผมทิ้งของเขาหมดหรือเปล่ามันก็ไม่ใช่อีก อะไรที่สานต่อได้ผมก็ทำ ส่วนอะไรที่มีปัญหาก็แก้ไขให้ถูกต้อง ใครเป็นฝ่ายค้าน หรือรัฐบาลก็ต้องทำให้ประเทศชาติเจริญเติบโต นโยบายพรรคนั้นไม่ใช่นโยบายที่จะทำให้ประเทศเปลี่ยนแปลงได้ เพราะนโยบายพรรคเขาทำเพื่อสนองตอบบางกลุ่มเท่านั้นเอง ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้นไม่ใช่หรือ ยกตัวอย่างการจำนำข้าว ถามว่าให้ใคร แล้วเคยรับผิดชอบในเรื่องงบประมาณแผ่นดินหรือไม่”นายกฯกล่าว
ตีความ ก.ม.ลูกโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เสนอให้รัฐบาลนำร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เรื่องนี้ต้องว่ากันไป เป็นขั้นตอนทางกฎหมายสามารถกระทำได้เพราะมีศาลรัฐธรรมนูญอยู่ ไม่อย่างนั้นศาลไม่มีงานทำ ตราบใดที่ยังมีข้อห่วงใย ข้อกังวลก็ต้องให้ศาลตอบให้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตนระมัดระวังอยู่แล้วไม่ให้เกิดผลกระทบต่อโรดแม็ป แต่พออย่างนี้มาก็บอกว่ารัฐบาลต้องรับผิดชอบในภาพรวม พอเขาเห็นชอบร่วมกันมาก็บอกรัฐบาลไปก้าวล่วง โดยใช้อำนาจสั่งทำให้ผ่าน เรื่องแบบนี้มีทั้งสองทาง
โวย สนช.อย่ามาโยนให้รัฐบาล
เมื่อถามว่า รัฐบาลจะส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า ไม่ใช่รัฐบาล แต่เป็นเรื่องของ สนช. เพราะกฎหมายนี้ยังไม่ได้ส่งกลับมาที่ตนเลย อย่ามาโยนให้รัฐบาล ในเมื่อท่านยังมีปัญหากันอยู่ก็ต้องแก้ที่ท่าน ถ้ามันไม่จำเป็นตนจะส่งทำไม ในเมื่อมอบหมายความรับผิดชอบไปแล้วก็ให้ไปทำกันตรงโน้น มิเช่นนั้นจะเสียหายกว่าที่จะได้อะไรกลับมา ในเมื่อวันนี้ สนช.ยังเห็นไม่ตรงกัน อย่างไรก็ตาม มองว่าไม่ใช่เรื่องที่ สนช.เห็นไม่ตรงกัน แต่เกิดจากความเป็นห่วง เพราะมีเสียงทักท้วงจากตรงนั้นตรงนี้ เช่น นักการเมือง และอื่นๆ จึงเกิดความไม่มั่นใจ ดังนั้น ก็ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นคนตัดสิน เพื่อจะไม่ให้เสียหายในวันหน้า ถ้าเลือก ส.ว.มาแล้วมีปัญหาฟาวล์ทั้งหมดจะทำอย่างไรใครจะรับผิดชอบ เมื่อถามว่า แสดงว่าสนับสนุนให้ทั้ง 2 ฉบับส่งตีความใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่า เห็น สนช.ส่งฉบับเดียวไม่ใช่หรือ ไม่รู้ ไม่รู้ ไม่มีหรอก ฉบับ ส.ส.ไม่น่าจะมีปัญหา
สนช.ปัดโยนเผือกร้อนให้นายกฯ
ที่รัฐสภา นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) กล่าวว่า ขณะนี้ สนช.ได้ส่งร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ให้นายกฯแล้ว ถือว่าหมดหน้าที่ สนช.แล้ว หลังจากนี้เป็นหน้าที่ของนายกฯจะพิจารณาดำเนินการอย่างไรต่อไป นายกฯคงให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายช่วยพิจารณาอีกทาง แต่เชื่อว่านายกฯคงไม่ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ทั้งนี้ สนช.ไม่ได้โยนเผือกร้อนให้นายกฯตัดสิน เพราะยืนยันมาตลอดว่าร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ หาก ภายหลังจากที่กฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือภายหลังการเลือกตั้งเสร็จแล้ว มีผู้ไปยื่นให้ตีความ ถือเป็นผู้ไม่ประสงค์ดีต่อการเลือกตั้ง แต่เชื่อว่าคงไม่มี และไม่เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยตรงข้ามกับที่ สนช.คิด อีกทั้งหากจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยภายหลังนั้น จะต้องยื่นผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินเท่านั้น ไม่สามารถไปยื่นโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ ยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.ไม่ขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน
“มีชัย” ไม่ติดใจยื่นตีความฉบับเดียว
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณี สนช.ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการ ได้มา ซึ่ง ส.ว.เพียงฉบับเดียว ว่า กรธ.ไม่ติดใจ เพราะเชื่อว่าข้อสังเกตของ กรธ.ทั้ง 2 ข้อในร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.นั้น ไม่ทำให้การเลือกตั้งต้องเสียไปทั้งหมด ประเด็นการตัดสิทธิข้าราชการทางการเมืองหากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง เพราะหากในอนาคตศาลชี้ว่าขัดรัฐธรรมนูญ ก็แค่ตัดส่วนนั้นทิ้งไป แต่จะไม่กระทบต่อสาระหลักของร่างกฎหมายทั้งฉบับ เช่นเดียวกับกรณีการผู้ช่วยเหลือผู้พิการขณะเข้าคูหาเลือกตั้ง ถ้าหน่วยเลือกตั้งใดมีผู้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ก็อาจทำให้การเลือกตั้งหน่วยนั้นเสียไป และอาจจะจัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมเฉพาะหน่วยได้ ไม่น่ามีผลให้การเลือกตั้งนั้นล้มไป ส่วนที่มีข้อเสนอจาก สนช.ให้พรรคการเมืองร่วมกันลงสัตยาบันคงทำไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองไม่ยอมแน่ อย่างไรก็ตามเมื่อ สนช.ส่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ไปถึงมือรัฐบาลแล้ว กรธ.คงไม่ส่งข้อสังเกตเพิ่มเติมไปยังรัฐบาลอีก เพราะได้แสดงความห่วงใยไปยังสนช.แล้ว
ก.ม. ส.ว.โดนตีตก กรธ.ยกร่างใหม่
นายมีชัยกล่าวว่า สำหรับร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่ สนช.ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ไม่ทราบเนื้อหาของหนังสือว่าเขียนเช่นไร เพราะหากเขียนให้ชัดเจนเฉพาะบทบัญญัติในบทเฉพาะกาล จะไม่กระทบกับสาระสำคัญ ทำให้ร่าง พ.ร.บ.ใช้ความในบทหลักได้ และประกาศใช้เป็นกฎหมายได้ ต้องรอดูหากวินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ กระทบกับสาระสำคัญหรือไม่ หากกระทบจะทำให้ร่างกฎหมายตกไปทั้งฉบับ โดยหน้าที่แก้ไขยังเป็นของ กรธ. แต่กรณีดังกล่าวหากยื่นศาลเฉพาะความในบทเฉพาะกาล จะตัดส่วนดังกล่าวออกไปและประกาศใช้กฎหมายได้ แต่ตนมองว่าบทหลักที่ใช้นั้นเพื่อให้ได้ ส.ว. 200 คน แต่บท เฉพาะกาลเขียน คือวิธีให้ได้มาซึ่ง ส.ว. 50 คนและต้องใช้บังคับคราวแรกของการได้ ส.ว. มองว่า มีทางออกคือ ให้กฎหมายประกาศใช้แล้วคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่วมกับ ครม. เสนอแก้ไขให้สอดคล้องกับการได้มาซึ่ง ส.ว.ในคราวแรก
กกต.ไม่ให้ใช้พรรคคอมมิวนิสต์
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา รองเลขาธิการ กกต. ในฐานะรักษาการเลขาธิการ กกต.และนายทะเบียนพรรค การเมือง แถลงกรณีมีกลุ่มการเมืองยื่นขอจดจัดตั้งพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทยว่า นายทะเบียนพรรคการเมืองพิจารณาแล้วเห็นว่าชื่อและสัญลักษณ์ที่กลุ่มการเมืองได้ยื่นขอขัดต่อกฎหมายพรรคการเมือง จะทำหนังสือแจ้งกลับไปว่าไม่สามารถรับจดแจ้งชื่อพรรคการเมืองดังกล่าวได้ แต่ไม่ได้ตัดสิทธิถ้าจะมายื่นขอจดจัดตั้งในชื่อใหม่ โดยจนถึงขณะนี้มีผู้ขอยื่นจดแจ้งทั้งหมด 65 พรรคการเมือง
ปชป.วอนพอกันทีเกมยื้อ ลต.
นายสาธิต ปิตุเตชะ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณี สนช.จะยื่นร่างกฎหมายการได้มาซึ่ง ส.ว.ให้ศาลรัฐธรรมนูญ และโยนลูกให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือนายกฯ เป็นผู้ตัดสินใจส่งร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยหรือไม่ว่า ต้องยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจาก กรธ. สนช. ที่มีส่วนร่วมในการยกร่าง รวมถึงคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ที่ยืนยันแต่ต้นว่าไม่มีปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สนช. ที่โหวตผ่านร่างกฎหมายนี้ออกมาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ สนช.ยังโยนให้รัฐบาลเป็นผู้ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในร่างกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.อีก หาก พล.อ.ประยุทธ์จะยื่นเรื่องให้ศาลวินิจฉัย ก็ต้องออกมายืนยันกับสังคมให้ชัดเจนว่าจะไม่กระทบต่อโรดแม็ปเลือกตั้งตามที่ท่านเคยประกาศว่าจะมีก่อนเดือน ก.พ.62 อย่าบิดพลิ้วโดยใช้คำพูดว่า เป็นเหตุไม่คาดฝันหรือเป็นปัญหาทางข้อกฎหมาย หากยังปล่อยให้เกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ ท่านก็ไม่ควรอยู่เป็นนายกฯต่อไป เพราะสังคมไทยและต่างประเทศเริ่มหมดความน่าเชื่อถือในตัวท่านและรัฐบาล คสช.แล้ว มองออกว่าเป็นการจงใจยื้อการเลือกตั้ง สนองประโยชน์ต่อตัวเองและพวกพ้องให้อยู่ต่อในอำนาจยาวนานต่อไป
พท.ย้ำอย่ามาหลอกถามนโยบาย
นายก่อแก้ว พิกุลทอง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า กรณีที่นายกฯจะเชิญพรรคการเมืองหารือเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งนั้น พรรคเพื่อไทยชัดเจนว่าเราไม่เห็นความจำเป็น เพราะการกำหนดวันเลือกตั้งเป็นหน้าที่ของ กกต.กับรัฐบาล ส่วนการจะมาถามนโยบายของพรรคการเมืองไม่ใช่หน้าที่รัฐบาล พรรคการเมืองมีอิสระในการทำนโยบายให้ประชาชนเลือก การที่รัฐบาลอยากรู้นโยบายก่อนนั้นเป็นเรื่องไร้สาระที่จะคุยเรื่องนี้ นโยบายของแต่ละพรรคก็เป็นความลับ จนกว่าจะมีการเปิดให้ประชาชนได้รับรู้เพื่อการตัดสินใจลงคะแนน ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลที่จะมาขอดูการบ้านก่อน แต่ถ้าเชิญเพื่อขอคำแนะนำว่าในช่วงเวลาที่เหลืออยู่รัฐบาลควรดำเนินนโยบายใด หรือเรื่องใด ที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน เชื่อว่าน่าจะมีพรรคการเมืองบางพรรคไปร่วมด้วย
ขย่ม 4 ปี คสช.ไร้น้ำยาปราบโกง
นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย กล่าวถึงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยสวนดุสิตโพลที่ส่วนใหญ่เกือบ 57% ไม่เชื่อมั่นการแก้ไขปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันรัฐบาลว่า คสช.มีอำนาจพิเศษกลับไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าว ผ่านมาเกือบ 4 ปี ยังคงมีกระแสข่าวการทุจริตของภาครัฐออกมาตลอด ยิ่งอยู่นานข่าวยิ่งหนาหู สะท้อนรากเหง้าการทุจริตในภาครัฐ คือข้าราชการ ไม่ใช่นักการเมืองอย่างที่นายกฯกล่าวหา ขอฝากว่าในช่วงท้ายนายกฯต้องกล้าแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน อย่าเอาแต่สร้างวาทกรรมสวยหรูลูบหน้าปะจมูก อย่างน้อยขอให้ปริวรรตเงินตรา แก้ พ.ร.บ.เงินตรา เปลี่ยนสีธนบัตรทุกมูลค่าใหม่ พร้อมกำหนดเวลาและวงเงิน สมมติวงเงินไม่เกิน 2 แสนบาท นำธนบัตรเก่ามาแลก การแลกเกินวงเงินที่กำหนดต้องมีหลักฐานมาแสดงที่มาและหลักฐานการเสียภาษี เพื่อเป็นเครื่องมือในการป้องกันการทุจริต หากใครไม่สามารถชี้แจงได้ต้องยึดเงินส่วนนั้นคืนรัฐ เพื่อดึงเงินสีเทาเข้าสู่ระบบ และป้องกันการนำเงินสีเทาไปซื้อเสียงในการเลือกตั้ง
มท.1 แจงงบก้อนโตเป้าโดนถล่ม
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีกระทรวงมหาดไทยได้รับงบกลางปีจำนวนมาก จนถูกตั้งข้อสังเกตจะใช้ขับเคลื่อนนโยบายไทยนิยมยั่งยืนว่า งบประมาณ 3 หมื่นกว่าล้านบาทที่ได้รับก้อนใหญ่สุดประมาณ 2 หมื่นล้านบาทจะให้กับหมู่บ้าน ชุมชน จำนวน 82,000 กว่าแห่ง หมู่บ้านละประมาณ 2 แสนบาท จะมีการตรวจสอบตามขั้นตอน ทั้งภาคเอกชน ประชาสังคม มีส่วนร่วมพิจารณา ถือเป็นการฉีดวัคซีนไว้ก่อน จะไม่ให้โครงการซ้ำซ้อนกับโครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่ผ่านมาทุกคนต่างรู้ว่าเศรษฐกิจภาพรวมดี แต่ฐานรากยังไม่ดี หน้าที่ของรัฐบาลคือทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่ม ไม่ว่าทำอย่างไรใครก็วิจารณ์ทั้งนั้น ส่วนความคืบหน้าโครงการไทยนิยมยั่งยืน ขณะนี้การรับฟังความคิดเห็นรอบที่ 1 จำนวน 80,000 กว่าแห่งจบแล้ว อยู่ระหว่างประมวลผลความต้องการประชาชน ต้องรอประมาณเดือน เม.ย.ว่า โครงการต่างๆตอบโจทย์หรือไม่
ฮึ่มหนังสือราชการอย่าผิดซ้ำซาก
พล.อ.อนุพงษ์ยังกล่าวถึงกรณีรอง ผวจ.ขอนแก่นลงนามเอกสารผิดพลาดจนออกมาขอโทษประชาชนว่า คนที่ทำหนังสือดังกล่าวล้วนเป็นคนอีสาน จึงไม่มีเจตนาดูถูกประชาชน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดขอนแก่นในฐานะที่ตนกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทยต้องกราบขอโทษประชาชน เพราะการทำเอกสารราชการที่มีข้อความไม่เหมาะสมไม่ควรเกิดขึ้น ขณะนี้ ปลัดกระทรวงได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว คงต้องรอผล เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้นบ่อยครั้งก็จะต้องบอกให้ปลัดกระทรวงกำชับไปยังหน่วยงานต่างๆให้ความสำคัญในการทำเอกสารไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอีก
สรุปผลนาฬิกาหรูสัปดาห์หน้า
ที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบกรณีการครอบครองนาฬิกาหรู 25 เรือน ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมว่า ป.ป.ช.เร่งรัดตรวจสอบมาตลอด เพราะอยู่ในความสนใจของสังคม มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเรื่องนี้ให้เกิดความกระจ่าง ตอบคำถามสังคมได้
นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้ส่งหนังสือชี้แจงมาล่าสุด 38 แผ่น มีรายละเอียดของนาฬิกา 25 เรือนครบถ้วน แต่การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนยังไม่เสร็จสมบูรณ์ เพราะพยาน 2 รายที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกาหรูยังไม่ได้เข้าให้ปากคำ อีกทั้งบริษัทผู้จำหน่ายนาฬิกาบางรายยังไม่ได้นำหลักฐานส่งให้ ป.ป.ช. กรณีดังกล่าวอยู่ในความสนใจของประชาชน จึงสั่งการให้สรุปราย ละเอียดเบื้องต้นการสอบสวนเสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช.ชุดใหญ่ในสัปดาห์หน้า และจะนำความเห็นของที่ประชุมมาพิจารณาว่าจะเรียกสอบพยานเพิ่มเติมหรือ พล.อ.ประวิตร ต้องมาชี้แจงด้วยตนเองหรือไม่
ไล่ล่ายึดทรัพย์ พธม.ได้จิ๊บจ๊อย
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งให้กลุ่มพันธมิตรที่ชุมนุมปิดท่าอากาศยานดอนเมือง และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ชดใช้ค่าเสียหาย 522,160,947.31 บาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 ธ.ค.2551 จนกว่าจะชำระเสร็จ รวมทั้งให้จ่ายค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความแทนโจทก์เป็นเงิน 80,000 บาท ว่า ทอท.ได้ทำงานร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด สืบทรัพย์มาชดใช้จ่ายค่าเสียหายให้แก่ ทอท. ล่าสุด สามารถสืบทรัพย์ลอตแรกมาชำระแล้ว เป็นเงินสดและทรัพย์ที่ไม่ใช่เงินสด แต่ไม่ทราบตัวเลขหรือมูลค่าที่ชัดเจน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เบื้องต้นสามารถอายัดบัญชีเงินฝากธนาคารได้เพียง 3 แสนบาท และการถือครองหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ได้ประมาณ 700-800 หุ้น โดยคาดว่าคงมีการโยกย้าย ทรัพย์สินและขายหุ้นออกไปก่อนหน้านี้แล้ว