พรเพชรฟุ้งส่งศาลรธน.19มี.ค.2พรรครุมสับแหลก2เซียนกม.มิ.ย.‘ตู่’เปิดตัวไปพลังประชารัฐ
“กิตติ วะสีนนท์” นำชื่อ 30 สนช.ชงตีความร่าง พ.ร.บ. ส.ว. “พรเพชร” ส่งต่อศาล รธน.19 มี.ค. ฟุ้งโชคดีขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายลูก ส.ส. 90 วันรองรับไว้แล้ว เมินเสียงทักท้วง กรธ. ยันอีกฉบับแค่ขัดใจผู้ร่าง “สมชาย” ขู่แรงยื่นวินิจฉัย ก.ม.เลือกตั้ง ส.ส.โรดแม็ปขยับแน่ “มีชัย” ยกที่มา ส.ว. 2 แบบขัด รธน. หวั่นเฟ้น ส.ว.เป็นโมฆะ ทำบ้านเมืองติดเดดล็อก “สมชัย” ท้า สนช.อย่ารับเงินเดือนถ้าเลื่อนกาบัตร ประเมินส่งชี้ขาดทั้ง 2 ฉบับยืดเวลาเข้าคูหา 2-6 เดือน สองพรรคใหญ่รุมถล่มเกมยื้อ “นิพิฏฐ์” จวกผู้มีอำนาจกลับกลอก สับสองเซียนกฎหมายปั่นสังคมหลอกลวง “ประมวล” จวกจัดฉากแบ่งบทกันเล่น “ชัยเกษม” สวดยับไม้หลักปักขี้เลน ค่ายใหม่ทยอยจดแจ้ง 61 พรรค “บิ๊กตู่” รอ มิ.ย. เปิดตัวหล่อๆนั่งประธานที่ปรึกษาพลังประชารัฐ ตั้งเป้ากุมเสียง 50 ส.ส.ปูพรมแดงนั่งนายกฯ
จากกรณีคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เรียกร้องให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย แต่สมาชิก สนช.30 คนได้เข้าชื่อส่งตีความร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ฉบับเดียวระบุไม่ต้องการให้ส่งผลกระทบทำให้โรดแม็ปการเลือกตั้งต้องเลื่อนไป
30 สนช.ยื่นตีความ พ.ร.บ. ส.ว.19 มี.ค.
ที่รัฐสภา 14.30 น.วันที่ 16 มี.ค. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แถลงว่า สนช.พิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นหากไม่ยื่นตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. สมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าเป็นความโชคดีของประเทศไทยที่บางครั้งหาทางออกได้ เพราะ สนช.แก้ไขการบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ออกไป 90 วัน นอกจากให้พรรคการเมืองมีเวลาเตรียมตัวเลือกตั้งแล้ว ยังใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เพราะเมื่อถูกกระแสกดดันให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ จะอาศัยเวลาดังกล่าวให้ศาลวินิจฉัย เชื่อว่าศาลจะวินิจฉัยไม่เกิน 1 เดือน ยังอยู่ในช่วง 90 วันเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้ทักท้วงให้ทุกฝ่ายสบายใจ ถือเป็นเรื่องใหญ่ถ้ามีใครยื่นให้ตีความหลังกฎหมายมีผลบังคับใช้ จะทำให้กฎหมายล้มทั้งยืนได้ เพราะเกี่ยวพันกับกระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว.ชุดใหม่ สนช.จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย ขณะนี้มี สนช.เข้าชื่อมายังตนแล้ว นำโดยนายกิตติ วะสีนนท์ สมาชิกสนช.เป็นผู้รวบรวมรายชื่อ สนช.ได้ 30 คน ซึ่งได้รับเรื่องแล้วคาดว่าจะยื่นต่อศาลได้ภายวันที่ 19 มี.ค.
...
อีกฉบับไม่ขัด รธน.แต่ขัดใจผู้ร่าง
นายพรเพชรกล่าวว่า ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. สนช.ทั้งหมดยืนยันว่า 2 ประเด็นที่ กรธ.ทักท้วง ทั้งการตัดสิทธิเป็นข้าราชการการเมืองหากไม่ไปเลือกตั้ง และให้มีผู้ช่วยเหลือผู้พิการขณะเข้าคูหา ไม่มีส่วนใดขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ แต่อาจขัดต่อเจตนารมณ์ของผู้ร่างคือคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยืนยันถ้า สนช.ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ จะกระทบต่อโรดแม็ปเลือกตั้งแน่นอน เพราะต้องรอจนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย นอกจากนั้นประเด็นที่ กรธ.แย้งมาเป็นประเด็นเฉพาะกลุ่ม ไม่มีผลทำให้กฎหมายตกไปทั้งฉบับ ถ้าเห็นว่ากระทบสิทธิบุคคลนั้นยื่นได้หลังจากกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยเฉพาะ กกต.บางคนที่อยากให้ สนช.ยื่นตีความ เพราะกลัวว่าประเด็นคนพิการจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ไปยื่นได้หลังกฎหมายประกาศใช้ เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง แต่จะไม่กระทบต่อการเลือกตั้งเพราะอยู่ในช่วง 90 วันก่อนนับ 150 วัน สู่กระบวนการเลือกตั้ง

ส่งต่อนำทูลเกล้าฯ ก.ม.เลือกตั้ง ส.ส.
เมื่อถามว่า หากมีมือดีไปร้องร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.ต่อศาลรัฐธรรมนูญหลังจากกระบวนการการเลือกตั้ง 150 วันเริ่มไปแล้ว นายพรเพชร ตอบว่า ต้องดูเจตนาในการยื่น ถ้าเห็นว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญทำไมไม่ยื่นตั้งแต่วันที่กฎหมายประกาศใช้ ยืนยันว่าร่างกฎหมาย ส.ส. สนช.จะไม่ยื่นตีความและจะส่งร่าง พ.ร.บ.ไปให้นายกฯนำขึ้นทูลเกล้าฯอย่างช้าภายในวันที่ 19 มี.ค.เช่นเดียวกัน
ปัดไม่ใช่แท็กติกยื้อหย่อนบัตร
นายมหรรณพ เดชวิทักษ์ สมาชิก สนช.กล่าวว่า ที่ กรธ.เรียกร้องให้ สนช.ยื่นตีความร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ด้วยนั้น สนช.จะยื่นไปเพียงฉบับเดียว ที่ กรธ.สงสัยเรื่องการตัดสิทธิข้าราชการการเมือง ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง และการให้คนพิการ ผู้สูงอายุ มีผู้ช่วยกาบัตรในคูหาเลือกตั้ง ไม่ขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ไม่กระทบสิทธิคนส่วนใหญ่ จึงไม่จำเป็นต้องยื่น ทั้งนี้การยื่นตีความร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. ไม่ใช่แท็กติกยื้อเวลาเลือกตั้ง โรดแม็ปเลือกตั้งยังเป็น ก.พ.2562 ยังมีเวลาเหลือเฟือให้ศาลฯวินิจฉัยคงใช้เวลาเต็มที่ไม่เกิน 90 วัน เผื่อเวลาไว้แล้วโดยขยายเวลาบังคับใช้ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.90 วัน และประเด็นที่ยื่นตีความคือบทเฉพาะกาลที่แก้ไขให้มีที่มา ส.ว.2 ประเภท วิธีสรรหา ส.ว.ด้วยการเลือกตรงจากคนกลุ่มอาชีพเดียวกัน และการลดกลุ่มผู้สมัคร ส.ว.เหลือ 10 กลุ่มอาชีพ ที่ สนช.เห็นว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ที่ยื่นตีความเพื่อให้ชัดเจน และเหตุผลแก้หลักการเดิมของ กรธ.เรื่องการเลือกไขว้ ส.ว.นั้น เนื่องจากจะเป็นช่องให้ซื้อสิทธิขายเสียง เหมือนที่เคยเกิดขึ้นตอนเลือกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
โต้ “สมชัย” มโน พ.ร.บ.ตกทั้งฉบับ
นายสมชาย แสวงการ เลขานุการกรรมาธิการวิสามัญกิจการ สนช.กล่าวถึงความคืบหน้าการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ว่า อยู่ระหว่างรวบรวมรายชื่อสมาชิก สนช. คาดว่าวันที่ 16 มี.ค.จะได้รายชื่อครบ 25 คน จากนั้นจะยกร่างคำร้องประเด็นที่สงสัยว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ น่าจะยื่นเรื่องได้สัปดาห์หน้า เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญคงใช้เวลาวินิจฉัยไม่เกิน 3 เดือน ส่วนที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ห่วงว่าถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญ จะทำให้กฎหมายตกทั้งฉบับเพราะเป็นประเด็นสาระสำคัญต้องยกร่างใหม่นั้น ยืนยันประเด็นในบทเฉพาะกาลไม่ใช่สาระสำคัญ ไม่ได้อยู่ในบทหลัก ถ้าศาลเห็นว่าประเด็นใดขัดรัฐธรรมนูญจะแก้ไขเฉพาะประเด็นนั้น ไม่มีผลให้ตกทั้งฉบับ ขอให้อ่านกฎหมายใหม่ จะไปจินตนาการมากไม่ได้

ขู่ใครท้วง ก.ม. ส.ส.ต้องรับผิดชอบ
นายสมชายกล่าวว่า ส่วนร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ได้บอกกับ สนช.ไปว่า หากใครจะยื่นให้ตีความต้องรับผิดชอบด้วย เพราะจะกระทบต่อโรดแม็ปเลือกตั้ง ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้ขู่ แต่ถ้ายื่นตีความจะกระทบต่อโรดแม็ปแน่นอน ต้องเสียเวลาให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยไม่เกิน 3 เดือน ก่อนนายกฯจะนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯ ทำให้โรดแม็ปเลื่อนออกไป ส่วนอนาคตหลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษา แล้วมีผู้ไปยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย คงไม่เกิดปัญหาอะไรมากมาย เพราะถ้าศาลเห็นว่า ประเด็นใดขัดรัฐธรรมนูญ จะตกไปเฉพาะประเด็นนั้นๆเช่นกัน เท่าที่ดูประเด็นที่มีข้อสงสัยมีเฉพาะแค่ข้าราชการการเมือง ผู้สูงอายุ และคนพิการ หากมีปัญหาจะเสียสิทธิแค่เฉพาะคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่กระทบกับสาระ สำคัญที่ทำให้กฎหมายตกทั้งฉบับ
สนช.หลายสายร่วมวงเข้าชื่อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับรายชื่อ สนช. 30คน ที่เข้าชื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. มีเนื้อหาขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ลงมติไม่เห็นด้วย งดออกเสียงและไม่ได้มาร่วมประชุมลงมติในการพิจารณาร่างกฎหมายลูก ส.ว. อาทิ นายกิตติ วะสีนนท์ นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ นายมณเฑียร บุญตัน นายอนุศาสน์ สุวรรณมงคล พล.ร.อ.กฤษฎา เจริญพานิช นางนิพัทธา อมรรัตนเมธา นายประมุท สูตะบุตร นายภาณุ อุทัยรัตน์ นายเจน นำชัยศิริ พล.ร.อ.ทวีวุฒิ พงศ์พิพัฒน์ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล นายกิตติชัย ไตรรัตน์ศิริชัย พ.ต.ท.พงษ์ชัย วราชิต นายศักดิ์ชัย ธนบุญชัย พล.อ.อ.อานนท์ จารยะพันธุ์
“มีชัย” ยกที่มา ส.ว. 2 แบบขัด รธน.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.เสนอให้สมาชิก สนช.ร่วมกันลงชื่อ 1 ใน 10 เพื่อส่งร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส.และการได้มาซึ่ง ส.ว. ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.นายมีชัยได้ทำหนังสือแสดงความเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับ ถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. มีใจความสำคัญว่า ในร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. กรธ.ปรึกษาหารือกันแล้วมีความห่วงกังวลเกี่ยวกับวิธีการสมัคร ที่แบ่งออกเป็นสองวิธีคือ การสมัครด้วยตนเองกับการสมัครด้วยการแนะนำจากองค์กร และการเลือกในระดับอำเภอจังหวัดและประเทศ โดยให้ผู้สมัครแต่ละวิธีแยกกันเลือกเป็นบัญชีสองประเภททำให้ผลการเลือกไม่ใช่การเลือกกันเองระหว่างผู้สมัครทั้งหมด เป็นการแบ่งโควตาระหว่างผู้สมัครอิสระกับองค์กรแนะนำ การให้องค์กรกลั่นกรองก่อนทำให้ประชาชนไม่สามารถเลือกสมัครได้อย่างเสรี จึงไม่ตรงตามเจตนารมณ์มาตรา 107 ของรัฐธรรมนูญ ที่มุ่งให้ผู้สมัครเลือกกันอย่างเท่าเทียมภายใต้กฎเดียวกันและไม่ได้มุ่งหมายให้แยกประเภท

หวั่นเลือก ส.ว.โมฆะติดเดดล็อก
หนังสือดังกล่าวระบุด้วยว่า กรธ.เห็นว่าปัญหาไม่ตรงตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญมีความสำคัญ ถ้ามีผู้ร้องเรียนภายหลังจะทำให้การเลือก ส.ว.ต้องเสียไปทั้งหมด จะกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินที่ไม่อาจดำเนินการต่อไปได้ ในส่วนของร่าง พ.ร.บ.การเลือกตั้ง ส.ส. มีข้อห่วงกังวล 2 ประเด็นคือ มาตรา 35 การตัดสิทธิเป็นข้าราชการการเมือง หากไม่ไปเลือกตั้ง เพราะการที่ผู้ใดจะเข้ารับตำแหน่งไม่ใช่สิทธิแต่เป็นเสรีภาพ กังวลว่าเป็นการเขียนเกินขอบเขตการจำกัดสิทธิตามมาตรา 95 วรรคสามของรัฐธรรมนูญ และการให้บุคคลอื่นหรือกรรมการประจำหน่วย ลงคะแนนแทนผู้พิการ และให้ถือเป็นการออก เสียงโดยตรงและลับ กรธ.กังวลว่าจะขัดต่อมาตรา 85 ของรัฐธรรมนูญ ที่กำหนดให้ ส.ส.มาจากการลงคะแนนโดยตรงและลับ การกำหนดเช่นนี้เป็นการยอมรับว่าการลงคะแนนดังกล่าวไม่ตรงและลับ อีกทั้งเคยมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 9/2549 ที่ระบุหลักการเลือกตั้งโดยลับว่าจะต้องดำเนินการเลือกตั้ง โดยไม่ให้ผู้ใดทราบเลยว่าผู้ลงคะแนนตัดสินใจเลือกใคร
“สมชัย” ท้า สนช.งดรับเงินเดือน
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. บรรยายพิเศษหัวข้อ “การเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม” ให้กับนักศึกษาหลักสูตรการพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง (พตส.) โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า หาก สนช.ยื่นตีความร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ฉบับเดียว จะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไป 0-6 เดือน แต่ถ้ายื่นตีความ พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.ด้วย แล้วศาลฯเห็นว่าขัดจะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไป 2 เดือน ถ้ายื่นตีความทั้ง 2 ฉบับ จะทำให้เลื่อนเลือกตั้งออกไป 2-6 เดือน กฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ถ้าขัดรัฐธรรมนูญ ตัดบทเฉพาะกาลไปไม่กระทบอะไรมาก เว้นแต่ศาลฯจะคิดไกลกว่านั้น ส่วน พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ถ้ายื่นต่อศาลให้ตีความการใช้สิทธิของคนพิการและการตัดสิทธิผู้ไม่ใช้สิทธิเลือกตั้งเป็นประเด็นเล็กมาก เหมือนฟื้นฝอยหาตะเข็บ ควรคิดให้รอบคอบ ถ้าฝ่ายใดระบุว่ายื่นร่าง พ.ร.บ.ให้ตีความจะไม่กระทบ โรดแม็ป ขอท้าให้บุคคลนั้นทำสัญญาต่อประชาชนว่า ถ้าโรดแม็ปเลื่อนออกไปจะไม่รับเงินเดือนในช่วงที่เลื่อนออกไปหรือไม่
“นิพิฏฐ์” ซัดผู้มีอำนาจกลับกลอก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้า สนช.รวบรวมรายชื่อยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ว่าจะทำให้เลื่อนการเลือกตั้งไปจาก ก.พ.62 คนที่สงสัยมีสิทธิคิดได้ หลายครั้งผู้มีอำนาจพูดเรื่องวันเลือกตั้งแล้วไม่เป็นไปตามคำพูด กระทั่งมีคนเอาไปล้อเลียนว่าเป็นพินอคคิโอ การคาดการณ์ว่ามีเลือกตั้งในปี 62 นับโดยคำนวณว่าจะไม่มีการยื่นตีความกฎหมายกันกลางทาง ขนาดนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. ยังวิเคราะห์ว่าต้องใช้เวลา แม้จะขยายเวลาร่าง พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส.ออกไป 90 วันก็ตาม หากเลวร้ายไปกว่านั้น ถ้าหากตีความมาแล้วว่ามีบางประการขัดรัฐธรรมนูญ ส่วนที่ถูกตีความเป็นโมฆะต้องร่างกันใหม่ ผลคือไม่รู้ว่าจะเกิดการเลือกตั้งขึ้นเมื่อใด ต้องเข้ากระบวนการใหม่ ไม่มีกำหนดเวลาไว้ด้วย ขึ้นอยู่กับความพอใจของผู้มีอำนาจ ยิ่งเดี๋ยวนี้พูดยาก ผู้มีอำนาจทำตามอำเภอใจ ถ้าเลือกว่าให้เลือกตั้งช้าก็ช้า แต่ถ้าเขาเลือกให้เลือกตั้งเร็วก็เร็ว
อัดเซียน ก.ม.เฉไฉปั่นสังคมลวง
นายนิพิฏฐ์กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ระบุว่าไม่อยากชี้โพรงให้กระรอก นายวิษณุพูดสนุกสนานไปเรื่อย พอจวนตัวก็ยกสำนวนมาพูด เช่นเอาเรื่องบุพเพสันนิวาสมาเตะลูกออกไปทางอื่น เป็นผู้ใหญ่ต้องพูดความจริง แต่วันนี้กลับเป็นสังคมแห่งการหลอกลวง นายวิษณุเป็นนักกฎหมาย กลายเป็นว่าจะไปสอนคนรุ่นใหม่ให้เข้าใจไปว่าผู้มีอำนาจจะพูดอย่างไรก็ได้ นายวิษณุกับนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. เป็นถึงมือหนึ่งด้านกฎหมายของประเทศ พอแสดงพฤติกรรมกลับไปกลับมาไม่พูดความจริง แบบนี้ทำลายวิชาชีพนักกฎหมายไปด้วย เรื่องนี้ทั้ง กรธ.และ สนช.ร่างกฎหมายแล้วไม่มั่นใจการกระทำของตนเอง จนจะส่งให้ ครม.ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ทั้งที่เสียงโหวตของ สนช.เป็นเอกฉันท์ ทั้งหมดทั้งมวลเรียกว่าอภินิหารทางกฎหมาย ไม่มีใครไปทำอะไรได้ เพราะทุกสิ่งถูกวางแผนไว้หมดแล้ว เราจึงต้องเดินตามแบบถูกบังคับ
เฉ่ง สนช.รับใบสั่งเตะถ่วง
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เมื่อกฎหมายผ่านแล้วกำลังจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ อาจเป็นสิ่งมิบังควร ชี้ให้เห็นว่า สนช.ไม่ได้ใส่ใจสาระแห่งรัฐธรรมนูญ จนเกิดข้อครหาว่ามีใบสั่งหรือรับคำสั่งจากผู้มีอำนาจหรือไม่ ที่รัฐบาลและ สนช.ระบุว่าส่งตีความ จะไม่มีผลกระทบต่อโรดแม็ปนั้น ถ้าศาลฯรับเรื่องวินิจฉัยจะใช้เวลาเท่าใด ถ้าวินิจฉัยว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญจริง จนมีผลทำให้ต้องยกร่างใหม่ทั้งฉบับจะใช้เวลาเท่าไหร่ ความเสียหายที่เกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบขอให้สนช.ชี้แจงต่อสังคมให้กระจ่างด้วย
จวกจัดฉากแบ่งหน้าที่กันเล่น
นายประมวล เอมเปีย อดีต ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า น่าคิดว่าการหารือร่วมของปรมาจารย์ด้านกฎหมาย ที่เข้าไปเป็นกรรมาธิการ 3 ฝ่ายปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.ทั้งสองฉบับ ก่อนเสนอต่อ สนช.พิจารณาเห็นชอบ เหตุใดนายมีชัยไม่ท้วงติงว่าอาจมีปัญหาขัดรัฐธรรมนูญ แต่กลับมาส่งซิกหลังสนช.มีมติโหวตผ่านไปแล้ว การรวมชื่อ สนช.จาก 41 คนที่ขาดการประชุมและงดออกเสียง ให้ได้ 25 คน เหมือนแบ่งหน้าที่กันทำ โดยส่วนใหญ่โหวตผ่านตามซิกผู้มีอำนาจ อีกส่วนรอรวมชื่อร้องให้ศาลตีความ ทั้งที่คนเหล่านี้ส่วนใหญ่ไม่มาพิจารณาในวันลงมติ ยังมีหน้ามาเข้าชื่อส่งให้ศาลตีความ ถ้าจะใช้แท็กติกหรืออภินิหารทางกฎหมายแบบนี้ บอกกันตรงๆ ดีกว่าว่าเขาจะให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปอีก 5 ปี 10ปี นักการเมืองทำใจกันได้แล้ว แต่ขอให้รัฐบาลเร่งแก้ปากท้องและการทุจริตที่ผุดขึ้นไม่แพ้รัฐบาลที่ผ่านมาจะดีกว่า
“ชัยเกษม” สวดไม้หลักปักขี้เลน
นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี สนช.กลับลำส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ว่า ความจริงมีการทักท้วงตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไม่ฟังยืนยันไม่ส่ง พอตอนนี้อ้างว่าเดี๋ยวมีปัญหาส่งดีกว่า เป็นไม้หลักปักขี้เลน ทำไมไม่คิดให้รอบคอบแต่ทีแรก ตั้งกันมาเยอะแยะมากมายคัดสรรมาแล้วล้วนมีความรู้ดีทั้งนั้น ไม่อยากไปคิดว่าตรงนี้เขาคิดเอง เพราะในที่สุดมีคนช่วยคิดแทนว่าควรต้องทำอะไรหรือไม่ทำอะไร เพราะคนที่ไม่ได้มาจากประชาชนไม่ได้คิดอย่างที่เราคิด เขาคิดตามคนที่ตั้งเขามาว่าอย่างไรก็ว่าอย่างนั้น จึงเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ความชัดเจนไม่มี และจะเลยไปถึงทำให้ผู้นำเสียไปด้วย คราวนี้บอกว่าไม่มีผลกระทบโรดแม็ปเลือกตั้ง แต่ถ้ามีผลกระทบบอกว่ามันจำเป็น อะไรก็เกิดขึ้นได้บ้านเมืองเวลานี้ ถ้าอย่างนี้ตัดสินใจเองเลยจะเลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่จะอยู่ชั่วกัปชั่วกัลป์เลยไม่ได้ แต่บอกแล้วว่ายิ่งอยู่นานเท่าไหร่ยิ่งคะแนนหาย
“อ๋อย” สับทำชาติเสพติด คสช.
นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า ประโยคทองที่ว่า “ยุบ คสช.แล้วใครจะดูแลความเรียบร้อย” คงต้องถามว่าแล้ว คสช.จะต้องอยู่กับประเทศนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ ชั่วนิรันดรเลยหรือไม่ รัฐธรรมนูญมีแล้ว กฎหมายต่างๆออกมามากแล้ว ปฏิรูปประเทศก็ทำมาเกือบ 4 ปีแล้ว เหตุใดกลไกต่างๆของบ้านเมืองยังไม่สามารถดูแลความเรียบร้อยได้เสียที ยังต้องอาศัยคสช.แบบขาดไม่ได้อยู่อีก จากนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้งและมีรัฐบาลใหม่ ยังจะมีทีเด็ดอะไรอีกที่จะทำให้บ้านเมืองสงบกว่าที่เป็นอยู่อีกหรือ แต่นี่กลายเป็นสร้างเงื่อนไข จนทำให้ประเทศเหมือนตกอยู่ในสภาพที่เสพติด คสช.เสพติดการใช้กำลังทหาร อาวุธและความรุนแรงในการดูแลความเรียบร้อย ชนิดที่ขาดไม่ได้ หมายความว่าบ้านเมืองเรา จะต้องปกครองกันแบบอนารยะเรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุด
พรรคใหม่ทยอยแจ้งเกิด 61 ชื่อ
ส่วนความเคลื่อนไหวการยื่นขอจดแจ้งเตรียมการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ของกลุ่มการเมืองต่างๆ ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 มี.ค. มีผู้มายื่นความประสงค์จดแจ้งจัดตั้งพรรคอีก 3 พรรค คือ พรรคเพื่อศักดิ์ศรีประชาชน มีนายวัน สุวรรณพงษ์ เป็นผู้ยื่น พรรคพลังรัก มี พ.ต.ภรัณ กิตติวัฒน์ เป็นผู้ยื่น และพรรคนำไทยพัฒนา มี ร.ต.พิบูณเพิ่ม ธนบุณยเกียรติ์ เป็นผู้ยื่น รวมเป็น 61 พรรค
ปี่กลองการเมืองคึกเรื่องธรรมชาติ
นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่มีมากขึ้นในช่วงนี้ โดยเฉพาะพรรคการเมืองใหม่ที่เพิ่งแจ้งจดจัดตั้งว่า เป็นเรื่องธรรมชาติเมื่อเปิดโอกาสให้มีการจดจัดตั้งพรรคใหม่ การเคลื่อนไหวอะไรที่เป็นตามกรอบกฎหมายสามารถทำได้ ประชาชนมีสิทธิรับฟังประเด็นต่างๆที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งในอนาคต สำหรับการฉวยโอกาสใช้ช่องว่างช่วงนี้ เคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์ทางการเมืองนั้น ฝ่ายความมั่นคงติดตามอยู่แล้ว เชื่อว่าจะดูแลอย่างเต็มที่

มิ.ย. “บิ๊กตู่” เปิดตัวร่วมพลังประชารัฐ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า กรณีมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.จะลงสนามการเมือง โดยสังกัดพรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่ขอจดทะเบียนพรรคการเมืองกับ กกต.เอาไว้แล้วนั้น ขณะนี้ชัดเจนแล้วว่า พล.อ.ประยุทธ์จะลงเวทีการเมือง ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ ที่มีนายชวน ชูจันทร์ ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรตลาดน้ำคลองลัดมะยม ในฐานะตัวแทนกลุ่มการเมืองเป็นผู้ขอจดทะเบียนตั้งพรรค โดยจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือน มิ.ย. หลังจากเปิดให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมืองเกี่ยวกับการบริหารจัดการโครงสร้างพรรคได้เรียบร้อยแล้ว
นั่ง ทปษ.ตั้งเป้าตุน ส.ส. 50 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในเบื้องต้นได้กำหนดให้มีคนในรัฐบาล ประมาณ 5-6 คนเข้าไปรับตำแหน่งสำคัญในพรรค โดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค นโยบายพรรคเน้นการสานต่อนโยบายประชารัฐและไทยนิยมยั่งยืนเป็นหลัก ทั้งนี้ตัวบุคคลที่จะเชิญมาร่วมขับเคลื่อนพรรค จะเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถในหลายด้าน เป็นคนที่มีความรู้และเป็นที่ยอมรับของสังคม ตั้งเป้าจำนวน ส.ส.เอาไว้ที่ประมาณ 50 คน อย่างไรก็ตาม การคัดเลือกบุคคลที่จะเข้ามาร่วมทำงานทางการเมืองครั้งนี้ จะให้มีทหารเข้ามาร่วมงานให้น้อยที่สุดหรือไม่มีเลย โดยการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับฟังเหตุผลหลายด้านด้วยกัน ที่มีทั้งข้อเสนอให้รอเป็นนายกฯคนนอกโดยไม่สังกัดพรรคการเมือง และอยากให้ลงการเมืองอย่างถูกต้อง เพื่อความสง่างามที่จะเข้ามาเป็นนายกฯตามระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ชอบใจบทความในสื่อที่อยากเห็น พล.อ.ประยุทธ์ เข้าสู่สนามการเมืองอย่างสง่างามจึงได้ตัดสินใจที่เลือกจะรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคการเมืองดังกล่าว
“วัฒนา” ให้กำลังใจ “อนาคตใหม่”
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “อนาคตใหม่ภายใต้เผด็จการ” ขอแสดงความยินดีกับพรรคอนาคตใหม่ที่ยื่นคำขอจดแจ้งพรรคต่อ กกต. การเกิดของพรรคใหม่ทำให้ ประชาชนเห็นความเลวของเผด็จการมากขึ้น ตั้งแต่การพยายามหาเรื่องเตะสกัด ขอให้กำลังใจน้องๆพรรคอนาคตใหม่ที่จะมาช่วยกันทำการเมืองให้เป็นของประชาชน ยกเลิกสิ่งที่เผด็จการทำไว้ และเอาตัวคนที่ละเมิดสิทธิประชาชนมาลงโทษ วิกฤติทางการเมืองเกิดขึ้นครั้งนี้ นอกจากทำให้คนไทยตาสว่างแล้ว ยังเป็นโอกาสทำให้คนรุ่นใหม่ที่มีความพร้อมได้เข้าสู่การเมือง ทำให้ประชาชนเห็นวุฒิภาวะของเผด็จการ ตัวอย่างคือการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. ตอบคำถามกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ที่เรียกร้องให้ยุบ คสช. เหลือแต่รัฐบาลรักษาการจัดการเลือกตั้งในปีนี้ โดยอ้างว่าถ้ายุบ คสช.ใครจะรักษาความสงบ ข้อเสนอที่ให้ลาออกก็อ้างว่าไม่เคยมีรัฐบาลลาออกก่อนการเลือกตั้ง
แขวะ “ประยุทธ์” ขาดรู้ผิดรู้ชอบ
นายวัฒนากล่าวว่า เคยแปลกใจเหตุใดนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ที่เคยตอบสื่อถึงความเหมาะสมที่ กกต.ท่านหนึ่งลงสมัครเป็นเลขาธิการ กกต.ว่า “ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิติ” แปลว่าอันวิญญูชนพึงรู้ได้เฉพาะตน คนอื่นหาควรไปรู้แทนไม่ จึงไม่เอาคำดังกล่าวไปอบรมหัวหน้ารัฐบาลบ้าง มีผู้รู้บอกตนว่ารองนายกฯ เป็นราชบัณฑิต จึงไม่ยอมเสียเวลากับสิ่งไม่มีประโยชน์ คำว่าวิญญูชนหมายถึงบุคคลผู้รู้ผิดรู้ชอบตามปกติ ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะเป็นวิญญูชน ราชบัณฑิตอย่างท่าน จึงไม่เสียเวลาไปเล่นดนตรีไทยให้สิ่งมีชีวิตที่ไม่เข้าใจความไพเราะฟัง
“ชัยเกษม” รอมติพรรคจบศึกใน พท.
นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงความขัดแย้งภายในพรรคเพื่อไทยว่า เมื่อยังไม่มีการประชุมพรรคจะฟังอะไรไม่ได้ ต่างคนต่างคิดกัน เมื่อไหร่สามารถพูดคุยกันเป็นมติเสียงส่วนใหญ่ของพรรคได้ ทุกอย่างคงเรียบร้อย ตอนนี้ต่างคนต่างไป ถามว่าจะไปควบคุมได้อย่างไร ใครจะบอกว่าสิ่งนี้ควรทำสิ่งนี้ไม่ควรทำ อันนี้ไม่ควรพูดหรือพูดไม่ได้ เมื่อมีการบริหารที่เป็นไปตามกติกาของพรรคทุกอย่างจะจบสิ้นเรียบร้อยไปเอง เมื่อถามว่าถึงเวลาที่พรรคต้องเปิดให้คนรุ่นใหม่เข้ามาช่วยงานหรือไม่ นายชัยเกษมตอบว่าแน่นอน พรรคไม่เคยปิดกั้นและมีคนรุ่นใหม่ที่พรรคใช้อยู่เยอะพอสมควร คนเก่าก็พร้อมที่จะลงด้วยซ้ำ ต้องเปลี่ยนไปตามเวลา ยึดติดคงไม่ถูกต้อง เมื่อถามว่าพร้อมเป็นผู้นำพรรคหรือไม่ นายชัยเกษมตอบว่า พูดยาก เพราะไม่ใช่คนตัดสินใจ แต่ถามใจตนไม่อยากจะเหนื่อยมาก อยู่สบายๆดีกว่า ช่วยเท่าที่ช่วยได้ ประสบการณ์ยังน้อยไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ

นายกฯ บินถก “อาเซียน–ออสซี”
เมื่อเวลา 07.00 น. ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา เดินทางไปถึงท่าอากาศยานคิงส์ฟอร์ด สมิท นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ในเวลา21.20น. (ตามเวลาท้องถิ่น) เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย สมัยพิเศษ ปี 2018 ระหว่างวันที่ 16-19 มี.ค.โดยไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ สำหรับการประชุมดังกล่าว ถือเป็นครั้งแรกที่มีผู้นำนอกภูมิภาคอาเซียนเข้าร่วม ภายใต้หัวข้อ “การเสริมสร้างความมั่นคงและมั่งคั่งในภูมิภาค” ครอบคลุม 4 ประเด็น ได้แก่ ความร่วมมือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์อาเซียน หุ้นส่วนความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ความร่วมมือด้านการต่อต้านการก่อการร้าย และยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาคและระดับโลกด้วย พร้อมร่วมลงนามรับรองเอกสาร 2 ฉบับคือร่างปฏิญญาซิดนีย์และร่างบันทึกความเข้าใจ เพื่อเป็นการทำงานเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างอาเซียนและออสเตรเลีย
ขอคนไทยมีสติฟัง–คิด–ถาม–เขียน
เมื่อเวลา 20.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ว่า วันนี้มีข่าวสารผ่านเข้ามาในชีวิตเราจำนวนมาก ทั้งสื่อโซเชียล การพูดคุยมีทั้งข้อจริงและข้อเท็จ อยากให้คนไทยยึดหัวใจนักปราชญ์ “สุจิปุลิ” ในการใช้ชีวิต ฟัง คิด ถาม เขียน อย่างมีสติ อะไรคือสาระ อะไรแก่นสาร ควรบันทึกเก็บไว้เป็นองค์ความรู้ ส่วนที่กระพี้เปลือกนอกอย่าไปเสียเวลามากนัก อีกทั้งยังมีเรื่องน่ายินดีในช่วงนี้ที่การจัดอันดับประเทศที่ดีที่สุดประจำปีของ U.S. News & World Report ประเทศไทยติดอันดับ 1 ใน 10 ของประเทศที่ดีที่สุดจาก 80 ประเทศ ถึง 3 ด้าน แต่ไม่เข้าใจว่ายังมีบางคนจะบิดเบือนพยายามให้ข่าวที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงหวังผลในเรื่องการเมืองอย่างเดียว อยากให้สังคมสื่อต่างๆ ช่วยกันระมัดระวังในการให้ข่าวลักษณะนั้นด้วย
วอนลดบิดเบือนให้ข้อมูลเท็จ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า ขอร้องว่าขณะนี้เรากำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง อยากให้ทุกคนรักษาบรรยากาศ รักษามุมมองของต่างประเทศให้ดีที่สุด ทุกวันนี้เขาให้ความสำคัญกับการพัฒนาประเทศ การดูแลประชาชน สิทธิมนุษยชนต่างๆ เหล่านี้รัฐบาลทำทุกอย่าง แน่นอนต้องมีปัญหาบ้าง ส่วนเรื่องการเมืองที่ทุกฝ่ายสนใจขอให้เป็นไปตามกระบวนการ ช่วยกันลดความสับสนวุ่นวายบิดเบือนโจมตีในสิ่งที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงลงให้ได้ เดินหน้าประเทศสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่มีคุณภาพ ให้ย้อนกลับไปดูว่าปี 2557 ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นมาบ้าง น่าจะรู้ว่าเราต้องทำอะไร ต้องเปลี่ยนแปลงอย่างไร อะไรดีไม่ดีพูดกันมามากพอแล้ว รัฐบาลไม่สามารถตอบโต้ได้ทุกประเด็นเราพูดบิดเบือนไม่ได้ ต้องพูดแต่ข้อเท็จจริง เรื่องการลงโทษ การสอบสวน การทุจริต รัฐบาลนี้ดำเนินการอยู่ทุกประเด็น
โวยถูกใส่ร้ายยุค คสช.ทุจริตอื้อ
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงการร้องเรียนเรื่องการทุจริตที่มีมากขึ้นและหลากหลายประเด็นอาจถูกบิดเบือนว่ามีการกระทำทุจริตมากขึ้นภายใต้การบริหารของรัฐบาลและ คสช. อยากให้ตรึกตรองให้ดี จะเห็นแง่ดีอย่างที่ตนเห็นหลายประการ เช่น ปัญหาทุจริตมีอยู่ทุกระดับทั้งในอดีตและปัจจุบัน เพียงแต่เป็นปัญหาอยู่ใต้พรม แล้วถูกเปิดเผยสู่สังคมด้วยบทบาทของสื่อโซเชียล บางอย่างอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน สื่อโซเชียลทำให้เกิดความรวดเร็ว แต่ต้องมีความรับผิดชอบตรวจสอบข้อมูลข่าวสาร ก่อนนำเข้าสู่ระบบเครือข่าย รัฐบาลนี้ยังเปิดกว้างรับเรื่องราวร้องทุกข์ 3 ปีที่ผ่านมามีการขอความช่วยเหลือมากกว่า 3 ล้านเรื่อง ได้ข้อยุติไปแล้วร้อยละ 98รัฐบาลดูทุกเรื่องเมื่อเปรียบเทียบเรื่องการทุจริตแล้วไม่ปรากฏการทุจริตในระดับนโยบายที่ส่งผลกระทบที่รุนแรงและกว้างขวาง หลายเรื่องศาลตัดสินลงมาแล้ว บางส่วนยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรม เราต้องให้ความเป็นธรรมหาหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล วัตถุพยานต้องทำให้ได้แต่ทุกเรื่องที่มีมูลความผิดจริง รัฐบาลนี้ก็ผลักดันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทั้งหมด

ศาลปล่อยชั่วคราว “อริสมันต์”
เมื่อเวลา 18.40 น. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากนายกฤช กระแสร์ทิพย์ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่าเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ศาลจังหวัดพัทยาได้อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวนายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช. เจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ กำลังรอเอกสารปล่อยตัวอย่างเป็นทางการจากเรือนจำจังหวัดพัทยา ถ้าตรวจสอบความถูกต้องตามขั้นตอนเสร็จสิ้น สามารถปล่อยตัวได้ทันที คาดว่าหนังสือจะมาถึงเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 16 มี.ค.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีล้มประชุมอาเซียนซัมมิท เมืองพัทยา ที่นายอริสมันต์ต้องโทษอยู่นี้ ศาลอุทธรณ์สั่งตัดสินจำคุก 4 ปี ก่อนหน้านี้ศาลฎีกายังไม่อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว แต่วันที่ 15 มี.ค.ศาลฎีกาอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว วงเงินประกัน 2,200,000 บาท วางข้อกำหนดห้ามออกนอกประเทศ
ท่องนะโมพระพรมน้ำมนต์พ้นคุก
ต่อมาเวลา 21.30 น. ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มีการปล่อยตัวนายอริสมันต์ โดยมีลูกๆ และนายนิสิต สินธุไพร กับนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก แกนนำ นปช. และเพื่อนราว 40 คน มาคอยต้อนรับ โดยอริสมันต์ สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว และกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ร่างกายผอมลง ไม่เจ้าเนื้อเหมือนตอนอยู่ข้างนอก ทันทีที่ประตูเรือนจำเปิดออก ได้โผเข้ากอดลูกๆ จากนั้นอริสมันต์ท่องนะโม 3 จบ ที่หน้าองค์พระที่ประดิษฐานข้างประตูเรือนจำ แล้วพระภิกษุ 2 รูป ได้มาสวดเพื่อปัดเป่า พร้อมประพรมน้ำมนต์ ส่วนหนึ่งให้เอาน้ำมนต์ล้างหน้าเพื่อเป็นเคล็ดไม่ต้องกลับเข้าไปใหม่ จากนั้นอริสมันต์ก็รับดอกกุหลาบ พวงมาลัยจากเพื่อน โดยนายอริสมันต์กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ได้ออกมาอยู่กับครอบครัว แต่เราต้องเป็นกำลังใจคนข้างใน และต้องช่วยกัน เพราะสังคมไทยยังเหลื่อมล้ำอยู่ จากนั้นทักทายถ่ายรูปกับทุกคนก่อนเดินทางกลับบ้าน