พท.ยังไม่ไว้ใจ ลูกเล่นยื้อลต.
“พรเพชร” ดับข่าวสมาชิก สนช. ส่งตีความร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. นั่งยันนอนยันวิป สนช.ไม่เคยคุยเรื่องนี้ 14 มี.ค.ตั้งแท่นส่งไม้ต่อนายกฯ “สมชาย” โต้ไม่มีเสียงแตก “ครูหยุย” เช็กเสียงไม่พอ 25 เสียงยื่นศาล รธน.ชี้ขาด “ชัยเกษม” ไม่วางใจจับตายังมีลูกเล่นอีกเยอะ “ตือ” มองต่างหนุนชงวินิจฉัยก่อนป้องกันมือดีไปร้องทีหลัง พท.-ปชป.สาดน้ำลายกระเซ็น “วรชัย” ปูด “มาร์ค” ถกลับจูบปากเผด็จการ “วัฒนา” สวดย้ำคิดย้ำทำวนเวียนวาทกรรมระบอบทักษิณ ไล่ส่งไปที่ชอบๆเลย “วิรัตน์” ย้ำชู “อภิสิทธิ์” ชิงนายกฯ อดีต ส.ส.ย้ายคอกน้อยมากเกือบไม่มี “วัชระ” แฉคนชื่อย่อ “ช.” สั่งเพิ่มงบโป่งพองระบบไอซีทีรัฐสภาใหม่ 8 พันล้าน ร้อง “บิ๊กตู่” ตีกลับ-ป้อง 18 ขรก.เข้าชื่อค้าน พ่วงยื่นสอบบอร์ด ขสมก.หมกเม็ดชงซื้อรถเมล์ฉาว
แม้รัฐบาลและสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยืนยันว่าไม่มีใครไปยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้ตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. แต่พรรคการเมืองยังไม่ไว้วางใจ โดยพรรคเพื่อไทยยังคงจับตา พร้อมระบุว่ายังมีลูกเล่นอย่างอื่นอีกมากที่จะส่งผลให้โรดแม็ปการเลือกตั้งเลื่อนออกไป
“พรเพชร” ดับข่าวส่งตีความ ก.ม.ลูก
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช.ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวว่า วิป สนช.มีมติเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ว่าจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ว่าไม่รู้มาข่าวมาจากไหน เพราะในวิป สนช.วันดังกล่าวไม่ได้คุยเรื่องนี้กันเลย และไม่มีมติที่ว่ามา รวมถึง ณ เวลานี้ ยังไม่มีสมาชิก สนช.มาแจ้งที่ตนว่าจะยื่นเรื่องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความสักคน ถ้าจะร่วมกันเข้าชื่อมีขั้นตอนตามกฎหมายให้สมาชิก สนช.ต้องรวมชื่อให้ครบ 25 คน ประธาน สนช.จึงจะส่งไปได้ เป็นสิทธิของสมาชิกตนไม่ก้าวล่วง แต่ถ้าจะดำเนินการ ต้องเข้าชื่อมาเร็วๆ ตอนนี้อยู่ระหว่างเจ้าหน้าที่ตรวจทานความถูกต้องของถ้อยคำภายในสัปดาห์หน้า ถ้าวันที่ 12-13 มี.ค. ไม่มีสมาชิกมายื่นเรื่องมาให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ วันที่ 14 มี.ค. น่าจะส่งเรื่องต่อไปให้นายกรัฐมนตรีต่อไปได้แล้ว
...

ไม่ถือสาถูกฝ่ายการเมืองด่าฟรี
นายพรเพชร กล่าวว่า ที่ผ่านมาไม่รู้สึกแบกรับอะไร แม้จะถูกหาว่าจะคว่ำกฎหมายลูกเพื่อยื้อโรดแม็ปมาตลอด ถูกฝ่ายการเมืองวิจารณ์เป็นของธรรมดา ไม่ได้คิดว่าเราถูกใครว่าฟรีๆ เพราะเข้าใจฝ่ายการเมืองเขาอยากเลือกตั้งเร็วๆ แต่ในทางกฎหมาย บอกไปแล้วว่าไม่มีเหตุจะคว่ำ ก่อนจะไปเข้า กมธ. 3 ฝ่าย ดูไม่มีประเด็นอะไรไปคว่ำ มีถกเถียงบ้างบางประเด็นที่ กรธ.แย้งมาว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญ ได้กำชับกับตัวแทนของ สนช.ตลอดว่าต้องดูให้ดี อย่าให้มีปัญหาเรื่องการขัดรัฐธรรมนูญ
ชี้สัญญาณลั่นระฆังตามโรดแม็ป
“ บรรยากาศตอนนี้ค่อนข้างชัดเจนว่าโรดแม็ปจะนับตามกฎหมายลูก ส.ส.ที่ขยายเวลาบังคับใช้ไป 90 วัน การเลือกตั้งน่าจะไม่เกินแม็กซิมั่มระยะ เวลาไกลสุดตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. คาดการณ์ไว้ว่าการเลือกตั้งน่าจะเกิดขึ้นในเดือน ก.พ.62 แต่ไม่ได้หมายความว่า ผมจะไปฟันธงเอง หรือไปกำหนดวันเลือกตั้ง ในส่วนของผมมีหน้าที่ออกกฎหมาย จึงพูดตามขั้นตอนกฎหมาย บางเรื่องเราไม่ควรจะไปพูดว่าจะไปนับวันนั้นวันนี้ เพียงแต่จะบอกว่าบรรยากาศวันนี้น่าจะดี ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ถ้าไม่มีสมาชิกสนช. คนใดแจ้งความจำนงยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความ ให้ตีระฆังเป๊งไปเลยตามวันแม็กซิมั่ม แต่ไม่ใช่หมายความว่าจะต้องเลือกตั้งในวันสุดท้าย จะช้ากว่าแม็กซิมั่มไม่ได้ แต่คงเร็วกว่าแม็กซิมั่มได้ และต้องไปเริ่มนับหนึ่ง ตั้งแต่นายกฯทูลเกล้าฯกฎหมายลูกเลือกตั้ง ส.ส.เป็นหลัก” ประธาน สนช.กล่าว
เลขานุการวิปโต้ไม่มีเสียงแตก
นายสมชาย แสวงการ เลขานุการคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป–สนช.) กล่าวถึงการประชุมวิป สนช.ในวันที่ 13 มี.ค.ที่อาจจะพิจารณายื่นตีความร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า เรื่องนี้ไม่อยู่ในวาระการประชุมวิป สนช.วันที่ 13 มี.ค.ไม่จำเป็นต้องนำมาหารือในที่ประชุมวิป สนช. เป็นเรื่องของสมาชิกจะไปเข้าชื่อกันเอง ตอนที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดินและร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ก็ไม่ได้มาหารือในวิป สนช.เช่นกัน แต่เท่าที่ดูผลการลงมติที่ออกมาคงยากจะรวบรวมรายชื่อ สนช.ครบ 25 คน เพื่อยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ นอกจากนำชื่อของคนที่ไม่ได้มาโหวตลงมติลงชื่อด้วยจะได้เสียง 30 กว่าเสียง ขณะนี้ยังไม่ได้ยินว่าจะมีใครไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ และ สนช.ไม่ได้เสียงแตก อาจมีคนไม่เห็นด้วยแค่ 2-3 คนเท่านั้น ต้องไปหารายชื่อมาให้ครบ 25 คน ตัวตั้งตัวตีคงต้องเป็นคนที่ลงมติไม่เห็นด้วยหรืองดออกเสียง ยังมั่นใจว่าร่างกฎหมายลูก ส.ว.ไม่ขัด รัฐธรรมนูญ เพราะการไปเขียนเพิ่มเติมบทเฉพาะกาลสามารถทำได้

คาดส่งขึ้นทูลเกล้าฯ ต้น เม.ย.
นายสมชายกล่าวว่า ขั้นตอนหลังจากที่ประชุมสนช.ลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับแล้ว จะใช้เวลาไม่เกิน 10 วันตรวจสอบถ้อยคำให้ถูกต้องครบถ้วน เพื่อความรอบคอบ จากนั้นส่งให้นายกฯพักไว้ 5 วัน เพื่อรอดูจะมีใครยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าไม่มีนายกฯจะนำร่างกฎหมายขึ้นทูลเกล้าฯภายใน 20 วัน ประมาณการแล้วน่าจะส่งร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับขึ้นทูลเกล้าฯได้ต้นเดือน เม.ย. บวกกับระยะเวลาที่ต้องโปรดเกล้าฯ ลงมาภายใน 90 วัน คาดว่าน่าจะประกาศบังคับใช้ในราชกิจจานุเบกษาประมาณปลายเดือน มิ.ย. แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีผู้ไปยื่นคัดค้านต่อศาลรัฐธรรมนูญ คาดว่าจะใช้เวลาวินิจฉัย 2 เดือน ดังนั้นขั้นตอนการประกาศบังคับใช้กฎหมายอาจล่าช้าออกไป 2 เดือน แต่ยังอยู่ในโรดแม็ปการเลือกตั้งเดือน ก.พ.2562
เช็กเสียงไม่ถึงสู้ต่อในศาล รธน.
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ วิป สนช.กล่าวว่า ยังมั่นใจจะไม่มีสมาชิก สนช.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. เพราะเสียงสนช.ที่ลงมติไม่เห็นด้วยร่างกฎหมายลูก ส.ว.มีแค่ 1 เสียง และงดออกเสียง 13 เสียง ไม่ถึง 25 เสียงที่จะยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ คะแนนลงมติที่เห็นชอบร่างกฎหมายลูก ส.ว.ถือว่าขาดลอย ไปยื่นคงลำบาก ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าวิป สนช.ลงมติเมื่อวันที่ 6 มี.ค.ให้ยื่นตีความร่างกฎหมายนี้ยืนยันไม่เป็นความจริง แต่มีการหารือข้อห่วงใยของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. และคณะกรรมการกลั่นกรองกฎหมายของ สนช.ว่าอาจขัดรัฐธรรมนูญ จึงมีการประชุม กมธ.ร่วม 3 ฝ่ายอีกครั้งในช่วงเช้า ก่อนจะลงมติโหวตและมีการปรับแก้ถ้อยคำเล็กน้อยให้ชัดเจน ไม่น่าจะมีปัญหาให้ สนช.ไปยื่นตีความต่อศาลรัฐธรรมนูญ
“ตือ” หนุนแนว “มีชัย” ส่งชี้ขาดก่อน
นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการ กรธ. อยากให้ สนช.ยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญตีความร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ว่าขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญหรือไม่ว่า ถือว่านายมีชัยรอบคอบ เพราะถ้าบวกลบเวลาแล้วหากส่งไปตอนนี้ไม่น่ามีปัญหา การเลือกตั้งยังเป็นไปตามโรดแม็ปได้ แต่ไม่รู้ สนช.คิดอย่างไร เพราะจริงๆแล้วหาก สนช.อยากให้ห้วงเวลาเลือกตั้งเป็นไปตามโรดแม็ปป้องกันปัญหาเกิดขึ้นในอนาคต ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ พอตีความไม่ขัดก็เดินหน้าต่อไปได้ ดีกว่าไม่ส่งแล้วเกิดมีใครมาร้องทีหลัง ยิ่งจะทำให้เวลาถอยหลังกลับไปไม่รู้จะเลือกตั้งได้เมื่อไหร่ ถ้าต้องการเลือกตั้งทำให้ถูกกระบวนการความเสีย กรธ.และ สนช.อยู่เรือลำเดียวกันน่าจะคุยกันได้
“ชัยเกษม” ดักคอมีลูกเล่นอีกเยอะ
นายชัยเกษม นิติสิริ อดีต รมว.ยุติธรรม แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีหลายฝ่ายแสดงความกังวล หาก สนช.ส่งร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.ให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยอาจทำให้โรดแม็ปเลือกตั้งเลื่อนออกไปอีกว่า ถ้าจะส่งต้องไปนับเสียงสนช.พอหรือเปล่า ถ้าครบก็หืดขึ้นคอ เพราะเสียงส่วนใหญ่เห็นชอบแล้วคงไม่ส่ง คนที่เขาเห็นชอบแล้วถ้ายังมาส่งก็ดูแปลก แต่ต้องดูเกมกันต่อไปด้วยถ้าจะทำอะไรก็ให้จบๆไป ถ้ามีส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในภายหลังก็ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังแล้ว แต่อย่างว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะโรดแม็ปเลือกตั้งเกิดอุบัติเหตุมาหลายครั้งแล้ว ถ้ามีคนคอนโทรลอยากให้ส่งคงส่ง และการที่ สนช.มีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.คงประเมินเวลาแล้วว่า ถ้ายื้อต่อไปจะยิ่งเสียหาย บางครั้งต้องยอมบ้างปล่อยบ้าง วันข้างหน้ายังมีลูกเล่นได้อีกหลายเรื่อง ยังคิดว่ามาได้ขณะนี้แล้วหวังว่าจะผ่านไปได้ด้วยดี

“วรชัย” ปูด “มาร์ค” ถกลับเผด็จการ
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าจะไม่จับมือกับระบอบทักษิณว่า ได้ข่าวว่ามีการเจรจาลับกับคนที่ล้มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เห็นได้ชัดว่าสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มีการร่วมมือกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช.ซึ่งดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ขณะนั้น ปราบปรามประชาชนที่ชุมนุม ในวงเจรจาได้พูดคุยกับนายอภิสิทธิ์ให้หนุนกลุ่มคนที่เคยร่วมมือกันมา การพูดจาของนายอภิสิทธิ์ในสถานการณ์ขณะนี้จึงแปร่งๆ เหมือนความคิดอุดมการณ์เปลี่ยนไป การพูดว่าจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีจุดยืนต่อต้านเผด็จการไม่เอานายกฯ คนนอกมาตลอดนั้น จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์คืออะไร หากมีผลประโยชน์ ก็ร่วมกับเผด็จการหรืออะไรก็ได้หมดหรือไม่ ท่วงทำนองของประชาธิปัตย์ตอนนี้ ด้านหนึ่งสู้อีกด้านจับมือเผด็จการ แสดงอาการโลเล มีผลประโยชน์ในการจะเข้าร่วมรัฐบาล จิตใจก็หวั่นไหวใช่หรือไม่ หากจะหนุนเผด็จการให้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ คนนอก ขอให้พูดออกมาเลย ขอให้พูดให้ชัดว่าที่บอกว่าไม่เอาระบอบทักษิณคืออะไร
ตอกนำ ปชป.ก้าวให้ข้าม “ทักษิณ”
นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ระบุจุดยืนของพรรคตรงกับ กปปส.คือการต่อต้านระบอบทักษิณว่า นายอภิสิทธิ์เป็นถึงอดีตนายกฯ และหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ควรก้าวข้ามคนเพียงคนเดียวได้แล้ว ถ้ายังใช้วาทกรรมระบอบทักษิณ อยู่เช่นนี้ประเทศจะเดินหน้าไปสู่ความปรองดองได้อย่างไร วันนี้นักการเมืองที่อยู่ในประเทศ ต้องหันหน้าเข้าหากันแล้วก้าวข้ามนายทักษิณ ปฏิรูปตัวเองหันมาสามัคคีปรองดองช่วยกันพัฒนาประเทศ ไม่ใช่มาพูดถึงคนคนเดียว แล้วหาเรื่องทะเลาะกันไม่เลิก ไม่เช่นนั้นประเทศจะไม่เดินหน้า กลับไปสู่วังวนความขัดแย้งเก่าๆอีก
“วัฒนา” สวดส่งไปที่ชอบได้เลย
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ไปที่ชอบได้เลยครับ” ทึ่งในความเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ วนเวียนอยู่กับวาทกรรมเดิมๆ ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ว่า ประชาธิปัตย์จะไม่ร่วมมือกับพรรคเพื่อไทยตราบที่ยังก้าวข้ามไม่พ้นระบอบทักษิณ คำว่าระบอบทักษิณเป็นเพียงวาทกรรมทางการเมืองที่ฝ่ายตรงข้ามตั้งขึ้นเอง แต่ในความทรงจำของคนส่วนมากนายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่เสนอนโยบายจนเป็นมรดกให้คนรุ่นหลังได้เดินตาม วิกฤติทางการเมืองที่เกิดขึ้น ไม่มีอะไรมากไปกว่าการไม่ยอมรับกติกา ขาดน้ำใจนักกีฬาของนักการเมืองบางพรรค จนถึงขั้นเป่านกหวีดเรียกเผด็จการออกมาหวังสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการกำจัดคู่แข่งทางการเมือง แต่พอเผด็จการใช้อำนาจตามอำเภอใจรังแกประชาชนคนพวกนี้ไม่กล้าปกป้อง เลยต้องแก้เกี้ยวหาเรื่องด่านายทักษิณหรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพื่อสร้างพื้นที่ข่าวกลบความไร้น้ำยาของตัวเอง ความจริงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่จำเป็นต้องพูด มีผลเท่ากัน เพราะตนได้ประกาศไม่เอาด้วยกับพรรคท่านมานานแล้ว นักการเมืองบางพวกที่ไม่เคยเปลี่ยนพฤติกรรมน่ารังเกียจไม่ต่างจากเผด็จการ

ปชป.ยันหนุน ‘มาร์ค’ นั่งนายกฯ
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสมาชิกพรรคที่จะออกไปอยู่กับพรรคใหม่ของกลุ่ม กปปส.ว่า ฟังข้อมูลจากเพื่อนในพรรคแล้วมีออกน้อยมากหรือเกือบจะไม่มีเลยด้วยซ้ำ ส่วนใหญ่ยังยืนหยัดอยู่กับพรรคและเสนอให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคเป็นนายกฯ เว้นแต่คนที่ประกาศตัวแล้วว่าจะออกจากพรรคไปร่วมกับ กปปส.เพื่อตั้งพรรคการเมือง เพราะเป็นความสัมพันธ์เชิงเครือญาติกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มปท.) ยอมรับว่าการแยกไปตั้งพรรคใหม่มีผลกระทบต่อพรรค เพราะฐานเสียงของพรรคกับคนที่เคยร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส.บางส่วนมาจากภาคใต้ และนายสุเทพเป็นคนมีบารมี นายอภิสิทธิ์บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องทำงานหนักมากยิ่งขึ้นในการหาเสียง และนำเสนอนโยบายให้พี่น้องประชาชนเห็นด้วยกับแนวทางของพรรคเรา
“สมชัย” กระตุ้นพรรคใหม่ออกสตาร์ต
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.กล่าวว่า หากผู้จะจัดตั้งพรรคใหม่ ยังไม่ขยับไปถึงขั้นการประชุมสมาชิกก่อตั้งได้ทันวันที่ 1 เม.ย. แต้มต่อที่ คสช.ให้ขยับก่อน 1 เดือนจะสูญเปล่า เงื่อนไขคือต้องหาสมาชิกก่อตั้ง 500 คนให้ครบ และให้มีส่วนบริจาคเงินเป็นทุนประเดิมพรรค เฉลี่ยคนละ 2,000 บาทรวมเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ได้ครบ 500 คน จะกำหนดวันประชุม โดยต้องมีคนเข้าร่วมอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง คือ 250 คน อย่าเข้าใจผิดว่ามีคนครบ 250คน แล้วขอจัดประชุมได้ ยังมีกลุ่มที่ขอจดจัดตั้งพรรค ขอจัดประชุมเพียงไม่กี่กลุ่ม และยังขาดรายละเอียดที่ครบ ถ้วน แปลว่าถึงปลายเดือนนี้ อาจมีกลุ่มการเมืองใหม่ ที่จะใช้แต้มต่อให้เป็นประโยชน์ทันเพียงไม่กี่ราย
แฉ “ช.” สั่งเพิ่มงบไอซีทีรัฐสภาใหม่
อีกเรื่อง ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงกรณีการสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่อาจมีปัญหาทุจริตว่า รัฐสภาใหม่ 12,000 ล้านบาท ระยะเวลาก่อสร้าง 900 วัน ต่อมาสมัยนางสายทิพย์ เชาวลิตถวิล เป็นเลขาธิการสภาฯขยาย 1 ครั้ง 380 วัน เมื่อนายสรศักดิ์ เพียรเวช เป็นเลขาธิการสภาฯขยายอีก 2ครั้ง รวมขยาย 3 ครั้ง 1,482 วัน หากไม่ขยายเวลาให้ผู้รับเหมาต้องเสียเงินวันละ 12 ล้านบาท ถือว่าเอื้อประโยชน์ให้บริษัทเอกชนโดยไม่ชอบหรือไม่ และยังพบว่ามีการทุจริตงบประมาณในโครงการติดตั้งระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอซีที) อาคารรัฐสภาใหม่ เดิมตั้งงบไว้ 3,000 ล้านบาท แต่ขยายเพิ่มขึ้นเป็น 6,900 ล้านบาท รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องเป็นงบโป่งพองขึ้นมาสูงถึง 8,000 ล้านบาท คนสั่งเพิ่มงบชื่ออักษรย่อ ช. อาจเสี่ยงต่อการทุจริตและยังมีข่าวว่าระบบไอซีทีที่กำลังจะทำประสิทธิภาพด้อยกว่าระบบไอซีทีที่ สนช.ปัจจุบันใช้อยู่ แต่กลับราคาแพงกว่ามาก

ร้อง “บิ๊กตู่” ตีกลับ–ป้อง ขรก.ค้าน
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ล่าสุดมีข้าราชการกลุ่มงานพัสดุและกลุ่มงานคอมพิวเตอร์รัฐสภารวม 18 คนลงชื่อคัดค้านขอให้เปิดประมูลทำระบบไอซีที ให้ได้บริษัทเอกชนที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดแทนการกำหนดให้แค่ 3 บริษัทเอกชนมีสิทธิวางโครงข่าย งานไอซีที แต่กลับมีผู้มีอำนาจใน สนช.เป็นกรรมการเร่งรัดการก่อสร้างอาคารรัฐสภาใหม่แสดงความไม่พอใจ ที่สุดเลขาธิการสภาฯกำลังจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้าราชการชั้นผู้น้อยทั้ง 18 คน เหมือนกรณีนักศึกษาฝึกงานที่เปิดโปงการทุจริตเงินคนจน ดังนั้นจะไปยื่นหนังสือต่อนายกฯในวันที่ 12 มี.ค. เพื่อให้ตรวจสอบงบไอซีทีรัฐสภาใหม่ที่โป่งพองเพิ่มสูงขึ้นมาก ทั้งที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติยืนยันว่างบเดิมทำได้และมีประสิทธิภาพด้วย ขอให้นายกฯสั่งทบทวนไม่อนุมัติงบในโครงการนี้ พร้อมให้ความคุ้มครองข้าราชการชั้นผู้น้อยทั้ง 18 คนที่ถูกกลั่นแกล้ง หากนายกฯสั่งระงับจะประหยัดงบได้อย่างน้อย 4,000 ล้านบาท น่าสังเกตว่าการสร้างอาคารรัฐสภาใหม่เต็มไปด้วยการทุจริตคอร์รัปชันคือ โกงดินที่ขุดไปขาย โกงเวลาสร้างเอื้อใคร โกงงบโป่งพองเกินจริง จะพิสูจน์รัฐบาล คสช.ปราบการทุจริตว่าจริงจังหรือแค่สร้างภาพ
บี้สอบ ขสมก.ตุกติกชงซื้อรถเมล์ฉาว
นายวัชระ ยังกล่าวถึงกรณีองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 489 คัน 4.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 3.8 พันล้านบาท โดยใช้วิธีตกลงราคาว่า จากเอกสารถอดเทปรายงานการ ประชุมบอร์ด ขสมก. เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.2560ไม่มีการอนุมัติหรือลงมติให้จัดซื้อและในการประชุมบอร์ด ขสมก.เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2560 มีกรรมการ 3 คนที่ลงมติไม่เห็นด้วย 1 คนไม่ออกเสียง ลงมติเห็นด้วยมีเพียง 2 คน คือนายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานบอร์ดและนายสมศักดิ์ ห่มม่วง ที่ ขสมก.ชี้แจงว่าเป็นมติบอร์ด ขสมก.เป็นการรายงานเท็จต่อ ครม. จะนำสำเนาคำถอดเทปรายงานการประชุมบอร์ด ขสมก.ดังกล่าวไปยื่นต่อนายกฯวันที่ 13 มี.ค.ขอให้ปลดนายณัฐชาติ จารุจินดา ออกจากประธานบอร์ด และให้ระงับการตกลงราคา และจะยื่นให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบด้วย ทั้งนี้มีกระแสข่าวแอบอ้างนายทหารชั้นผู้ใหญ่สั่งให้เพิ่มงบเป็น 4.2 พันล้านบาท โดยวิ่งเต้นกับคนอักษรย่อ ป.ตากลม จึงต้องถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.จะปล่อยให้มีการทุจริตใน ขสมก.อีกหรือไม่ ตอนนี้แตะไปที่ไหนมีแต่เรื่องการทุจริตคอร์รัปชันทุกกระทรวง
รบ.โต้ขายชาติต่างด้าวเช่าที่ดินอีอีซี
วันเดียวกัน พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. แสดงความเป็นห่วงเนื่องจากขณะนี้มีขบวนการบิดเบือนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่เปิดให้ลงทุน 10 อุตสาหกรรมใน จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง กรณีรัฐบาลให้สิทธินักลงทุนเช่าที่ดินถึง 99 ปี เป็นการขายชาติ ทั้งที่ไม่ได้แตกต่างไปจากสิทธิตาม พ.ร.บ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ.2542 สัญญาเช่าครั้งแรกไม่เกิน 50 ปี และขยายตัวได้ตามความตกลงอีกไม่เกิน 49 ปี ที่ต่ออัตโนมัติไม่ได้ต้องผ่านการทบทวนของคณะกรรมการบริหารอีอีซี ส่วนการให้คนต่างด้าวซื้อคอนโดที่พักได้โดยยกเว้นหลักเกณฑ์ตามกฎหมายว่าด้วยอาคารชุดนั้น จะอนุญาตเฉพาะนิติบุคคลหรือผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาลงทุนเท่านั้น โดยนายกฯกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทำความเข้าใจ
นายกฯปลื้มไม่เสียค่าโง่คลองด่าน
พล.ท.สรรเสริญเผยอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ พอใจการทำงานของกระทรวงการคลังและกรมควบคุมมลพิษ ที่รื้อฟื้นคดีรัฐต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่กลุ่มบริษัทผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน 9,600 ล้านบาท ตามคำวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการ และคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ช่วยรักษาผลประโยชน์ของรัฐไม่ให้ต้องจ่ายเงินดังกล่าว ล่าสุดศาลปกครองกลางให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ เนื่องจากมีหลักฐานใหม่ โดยรัฐไม่ต้องจ่ายเงินค่าเสียหายอีกต่อไป ที่ผ่านมาอาจไม่สามารถดำเนินการได้ในรัฐบาลปกติ เพราะถูกกดดันจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะฐานเสียงหรือคะแนนนิยมจากฝ่ายตรงข้าม นายกฯได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่ได้ทุ่มเททำงานอย่างหนัก อย่างไร ก็ตาม บริษัทเอกชนยังยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลปกครองสูงสุดได้อีกภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษา
“บิ๊กฉัตร” เตรียมรับอียูดูประมง
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 12 มี.ค.จะเรียกประชุมคณะอนุกรรมการแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่คณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป (อียู) จะเดินทางมาดูความคืบหน้าการแก้ไขการทำประมงผิดกฎหมายวันที่ 4-11 เม.ย. มีวาระพิจารณาผลการประชุมวีดิโอคอนเฟอเรนซ์กับอียู เมื่อวันที่ 5 มี.ค.หลายเรื่อง อียูพอใจผลการพูดคุยดังกล่าว แต่มีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆที่ให้เราต้องเตรียมการไว้ในช่วงที่จะเดินทางมาเดือน เม.ย. จะเตรียมทุกอย่างไว้ให้พร้อม ขณะที่รัฐมนตรีต่างประเทศได้ไปพบกับรัฐมนตรีของอียูเพื่อพูดคุยเพิ่มเติมด้วย เมื่อถามว่า คาดหวังว่าอียูจะปลดใบเหลืองให้ไทยในครั้งนี้หรือไม่ พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า เราทำงานกับเขามีความก้าวหน้าทุกด้าน แต่ไม่อยากพูดไปก่อน
อสส.แจงสั่งไม่ฟ้องคนอยากเลือกตั้ง
นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่อัยการศาลแขวงปทุมวันมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง 24 ผู้ต้องหาแนวร่วมคนอยากเลือกตั้ง ตามความผิดข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 และ พ.ร.บ.การชุมนุมฯว่า คดีนี้นายเกริกเกียรติ รัฐนวธรรม อัยการเจ้าของสำนวนมีความเห็นเมื่อวันที่ 9 มี.ค.ว่าคดีไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะจึงมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง แต่คดีจะต้องส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งคดีตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.อัยการฯใหม่ปี 2553 ที่ระบุว่าความผิดที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะให้ส่งให้อัยการสูงสุดเป็นผู้สั่งคดีอีกครั้ง หากอัยการสูงสุดพิจารณาแล้วมีความเห็นสั่งคดีอย่างไรให้ถือเป็นที่สิ้นสุด

มาตามนัดรวมพลังถอนราก คสช.
เมื่อเวลา 17.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ท่าพระจันทร์ กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง นัดหมายแนวร่วมชุมนุมแสดงพลังเรียกร้องการเลือกตั้ง ภายใต้กิจกรรม “รวมพลัง ถอนรากถอนโคน คสช.” โดยนำรถเวทีปราศรัยมาตั้งริมสนามบอล ฝั่งตึกโดมและมีกลุ่มไอลอว์ นำโต๊ะมาตั้งด้านข้างล่ารายชื่อประชาชนเรียกร้องให้มีการยกเลิกคำสั่งและประกาศ คสช.ที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ 60 ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งตำรวจและทหารเข้าสังเกตการณ์ ทั้งนี้นายรังสิมันต์ โรม แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ (จ่านิว) แกนนำกลุ่ม START UP PEOPLE และ น.ส.ณัฏฐา มหัทนา (โบว์) แกนนำกลุ่มพลังมด ร่วมกันแถลงเรียกร้องดังนี้ 1.คสช.ต้องยุติการดำรงอยู่ของตัวเอง เพื่อเป็นหลัก ประกันแรกสุดที่จะทำให้เกิดการเลือกตั้งและไม่เกิดการสืบทอดอำนาจได้จริง 2.ครม.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเปลี่ยนสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ มีภารกิจจัดการเลือกตั้งให้สำเร็จ 3.ต้องยกเลิกประกาศ คำสั่ง คสช.ที่จำกัดสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น ประกาศ คสช.ที่ 57/2557 ห้ามการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองและคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ห้ามการชุมนุมทางการเมือง ตั้งแต่ 5 คนขึ้นไปทันที
ลั่นรื้อรากเหง้าขับไล่เผด็จการ
นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า นับจากนี้ พวกเราจะยกระดับข้อเรียกร้องของประชาชนมิให้หยุดอยู่ที่เพียงมีการเลือกตั้งเท่านั้น แต่ต้องสร้างหลักประกันว่าจะต้องไม่มีการสืบทอดอำนาจของ คสช. และจะต้องรื้อถอนรากเหง้าแห่งเผด็จการที่ คสช.พยายามปลูกฝังไว้ด้วย ขณะที่นายสิรวิชญ์ กล่าวว่า ข้อเรียกร้องของกลุ่มถือเป็นการหาทางลงให้ คสช.ที่ไม่มีใครเชื่อถือแล้ว หากยังไม่ดำเนิน จะยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่ คสช.ต่อไป ต่อมานายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหว ขึ้นบนเวทีจุดธูป 36 ดอกขับไล่สิ่งชั่วร้าย แล้วนำไปปักไว้ริมสนามฟุตบอล จากนั้นจ่านิวนำ มวลชนจำนวนหนึ่ง ทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ดึงเชือกผูกป้ายไวนิลรูปรถถังแล้วลากไปบนสนาม สื่อถึงข้อเรียกร้องขุดรากถอนโคนเผด็จการ ก่อนช่วยกันเหยียบป้ายรถถังและส่งเสียงโห่ร้องด้วยความสะใจ
ปราศรัยดุเดือดขยี้ปมทุจริต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง มีแกนนำมวลชนสลับขึ้นปราศรัยโจมตี คสช.อย่างดุเดือด มุ่งเป้าไปที่ประเด็นการทุจริต การสืบทอดอำนาจผ่านพรรคการเมือง องค์กรอิสระและรัฐธรรมนูญ ขณะที่ประตูเข้าออก มธ. มีกำลังทหารและตำรวจ คุมเข้มทั้ง 4 ทิศ ป้องกันไม่ให้มีการเคลื่อนขบวนออกจาก มธ. กระทั่งเวลา 20.40 น. จึงยุติการชุมนุม แกนนำประกาศคำมั่นสัญญาแห่งธรรมศาสตร์ เรียกร้องการยุติการสืบทอดอำนาจของ คสช.ให้ประเทศกลับสู่ประชาธิปไตย และนัดหมายอีกครั้งวันที่ 17 มี.ค. ที่จะไปชุมนุมร่วมกับคนอยากเลือกตั้งที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และวันที่ 24 มี.ค.นัดรวมตัวชุมนุมใหญ่ที่ มธ.อีกครั้ง เพื่อทวงสัญญากับ คสช.
ดันเพิ่มเงินเดือน ตร.แก้รีดส่วย
นายมานิจ สุขสมจิตร ประธานอนุกรรมการด้านการสื่อสารกับสังคมในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) เปิดเผยว่า คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นประธานเห็นว่าปัญหาการรีดไถและรับส่วย เกิดจากตำรวจยังได้รับค่าตอบแทนไม่เหมาะสม มีการอ้างความเสี่ยงมากกว่าข้าราชการทั่วไป 13-22 เท่า จึงเสนอให้เพิ่มเงินเดือน โดยเฉพาะกับตำรวจสายปราบปราม ชั้นประทวน 4,300-5,000 บาท ชั้นสัญญาบัตร 18,500-21,500 บาท ผู้จบจาก ร.ร.นายสิบจะมีเงินเดือนเริ่มต้น 15,630-16,330 บาท ผู้จบจาก ร.ร.นายร้อยตำรวจ ได้เงินเดือนเริ่มต้น 33,790-36,790 บาท และเพิ่มค่าทำสำนวน 100% แทนอัตราเดิมที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2534 โดยให้ทบทวนอัตราค่าตอบแทนทั้งหมดทุก 5 ปี เพื่อให้มีรายได้เพียงพอ ไม่ต้องไปรีดไถหรือรับส่วย จากนั้นค่อยกวดขันตำรวจที่ทุจริตและประพฤติมิชอบ ทั้งนี้คณะกรรมการปฏิรูปตำรวจต้องจัดทำข้อเสนอให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ คือไม่เกินวันที่ 6 เม.ย.