อาจารย์สมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.คนดัง เสนอสูตรคณิตศาสตร์การเมือง สำหรับพรรคการเมืองใหม่ๆ นำไปคำนวณความคุ้มค่าในการลงทุนตั้งพรรคการเมือง

“แม่ลูกจันทร์” เห็นว่าสูตรการคำนวณคะแนนเลือกตั้ง สูตรคำนวณเก้าอี้ ส.ส.และสูตรคำนวณเงินทุนที่จะใช้หาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ของโรงเรียนสมชัยกวดวิชา มีความน่าสนใจ เข้าใจง่าย และใกล้เคียงความจริงสูงเกิน 90 เปอร์เซ็นต์

จึงขออนุญาตลอกสูตร อจ.สมชัย มาฉายซ้ำอีกทีดังนี้คือ...

สูตรคำนวณคะแนนเลือกตั้ง สำหรับพรรคที่หวังจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน

โดยคำนวณจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ 50 ล้านคน หากมีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 70 เปอร์เซ็นต์ หรือเท่ากับ 35 ล้านคน

ให้เอาจำนวนผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง 35 ล้านคน หารด้วยจำนวน ส.ส.ทั้งสภา 500 คน เท่ากับ 70,000 คะแนน

อจ.สมชัยฟันธงว่าการจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน จะต้องมี ประชาชนไปลงคะแนนเลือกพรรคนั้น 70,000 คนขึ้นไป

ถ้าหวังจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 3 คน พรรคการเมืองนั้นจะต้องได้คะแนน เสียงไม่ต่ำกว่า 2.1 แสนคะแนน

“แม่ลูกจันทร์” กราบเรียนว่าสำหรับพรรคการเมืองใหม่เปิดซิง ถ้าไม่เจ๋งจริง ไม่แรงจริง การจะได้คะแนนเสียงสนับสนุน 70,000 คะแนน ไม่ใช่ง่ายๆแน่นอน

ยิ่งกติกาเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญใหม่ที่กำหนดให้ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเลือกทั้ง ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อทูอินวัน

โอกาสที่พรรคใหม่จะได้คะแนน เสียงเป็นกอบเป็นกำจะยากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

อจ.สมชัย กระชุ่นเตือนพรรคการ เมืองใหม่ (บางพรรค) ที่ฝันหวานว่าจะได้ส่วนแบ่งโควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 25 คน จากทั้งหมด 150 คน

เพื่อได้สิทธิ์เป็นผู้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากบัญชีพรรคการเมืองของตัวเอง

...

โปรดระวัง...จะผิดหวังจังเบอร์!!

เพราะการจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อถึง 25 คน พรรคนั้นจะต้องได้คะแนนรวมทั่วประเทศสูงถึง 1.75 ล้านคะแนน

หรือต้องได้คะแนนเฉลี่ยจากเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ 350 เขต ไม่ต่ำกว่าเขตละ 5,000 คะแนนขึ้นไป

ทีนี้มาถึงสูตรคำนวณงบลงทุนที่ใช้ลงทำศึกเลือกตั้ง ส.ส. ที่ “อจ.สมชัย” บวกลบคูณหารมาแล้วเป็นอย่างดี

งบก้อนแรกที่พรรคการเมืองต้องจ่ายคือ ค่าสมัครเลือกตั้ง ส.ส.เขตที่ขึ้นราคาจาก 5,000 บาท เป็น 10,000 บาท ต่อผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 คน

หากตั้งเป้าจะได้โควตา ส.ส.บัญชีรายชื่อหลายคน ก็ต้องส่งผู้สมัครลงครบทั้ง 350 เขต ต้องใช้เงินค่าสมัคร 3.5 ล้านบาทขาดตัว

งบก้อนที่ 2 คือ งบหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส. ถ้าใช้อย่างประหยัดสุดขีด เขตละ 1 แสนบาท รวมทั้ง 350 เขต

ต้องใช้เงินอีก 35 ล้านบาทขึ้นไป

ใครที่บอกว่าตั้งพรรคการเมืองไม่จำเป็นต้องใช้เงินก็คิดผิดเต็มเปา

เพราะต้องใช้เงินแน่ๆ และต้องใช้เงินเยอะทีเดียว

นี่ยังไม่รวมเงินจัดตั้งกองทุนพรรค การเมืองอีกพรรคละ 1 ล้านบาท

ยังไม่รวมค่าสมัครสมาชิกพรรคอีก 500 คน ใน 180 วัน และอีก 5,000 คน ใน 1 ปี และอีก 10,000 คน ใน 4 ปี

ปัญหาใหญ่ที่ต้องคิดให้หนัก ถ้าทุ่มทุนตั้งพรรคการเมืองใหม่แล้วไม่ได้เก้าอี้ ส.ส.เข้าไปนั่งชูคอในสภาแม้แต่คนเดียว

เงินที่ลงทุนไปหลายสิบล้านบาทก็สูญฟรี!!

ยังมีเวลาเปลี่ยนใจได้นะโยม.

“แม่ลูกจันทร์”