อยู่นาน-อยากหาที่ดีกว่า ‘ต่อตระกูล’บี้กดดัน‘ป้อม’
ผบ.ทบ.ยันไม่ใช้ไม้แข็งกับ นศ.ทวงเลือกตั้ง แต่ยังเกาะติดท่อน้ำเลี้ยง ลั่นอย่าโยงพบ “แม้ว” ที่สิงคโปร์ ทางใครทางมัน เสียงอ่อยคนเริ่มเบื่อรัฐบาล-คสช.อยู่นาน เลขาฯ สมช.เชื่อคนยังขยาดม็อบ ทำเนียบฯผวาคุณไสย สั่งเช็กวงจรปิดหามือปักธูป ลือลางร้ายซ้ำอีกกระถางข่อยแตก เครือข่ายต้านโกงขยับแรง “ประมนต์” จี้นายกฯเร่งกู้ศรัทธาจากปมนาฬิกาหรู ถ้าไม่ทำกองหนุนถอยแน่ “ต่อตระกูล” ไล่บี้ “บิ๊กป้อม” พ้น คตช. กระแทกใส่ ป.ป.ช.ทำไม่เต็มที่ “มาร์ค” ย้ำผู้นำต้องเป็นแบบอย่าง “อนุดิษฐ์” ชี้ยังไม่ถึงเวลาหาผู้นำ พท. รอ คสช.ปลดล็อกค่อยว่ากัน “เด็กหญิงหน่อย” ฉุนข่าว “เฮียเพ้ง” ขึ้นมาท้าชิง
แค่เกมปล่อยข่าว ส่อยืดเยื้อ กมธ. 3 ฝ่ายพลิกมติ สนช.ห้ามจัดมหรสพหาเสียงตามที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สั่งให้ฝ่ายความมั่นคงเกาะติดความเคลื่อนไหวทางการเมืองของ 3 กลุ่ม พร้อมให้เช็กท่อน้ำเลี้ยงกลุ่มทวงคืนการเลือกตั้งนั้น ล่าสุด พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ประกาศชัดจะไม่ใช้ไม้แข็งกับกลุ่มนักศึกษา แต่จะดำเนินการกฎหมายที่เหมาะสม

...
ผบ.ทบ.ยันไม่ใช้ไม้แข็งกับ นศ.
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 19 ก.พ.ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม สั่งหน่วยงานความมั่นคงจับตาความเคลื่อนไหวของ 3 กลุ่ม ว่า การเคลื่อนไหวของกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เป็นการแสดงเจตนารมณ์สอดคล้องกับคนส่วนใหญ่ เพียงแต่คนส่วนใหญ่เข้าใจเหตุผลและขั้นตอน และต้องการความสงบ จึงยอมให้ใช้เวลาสักระยะหนึ่ง ดีกว่าออกมาเผชิญหน้ากัน เจ้าหน้าที่รัฐจะใช้กฎหมายตามเหมาะสม อยากให้กลุ่มผู้ชุมนุมคิดได้ด้วยตนเอง ให้มองผลประโยชน์ชาติภาพรวมเป็นสำคัญ ยิ่งเป็นนักศึกษาต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และมีความคิด เจ้าหน้าที่จะไม่ใช้ไม้แข็งแน่นอน
เกาะติดเบื้องหลังท่อน้ำเลี้ยง
เมื่อถามว่า ติดตามว่ามีใครสนับสนุนกลุ่มนี้หรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยตอบว่า เจ้าหน้าที่ติดตามอยู่ มั่นใจเราควบคุมสถานการณ์ได้ เชื่อว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าเราผ่านวิกฤตินั้นมาแล้ว อยากให้เป็นบทเรียนไม่อยากให้เกิดขึ้นมาอีก เชื่อว่าฝ่ายการเมืองก็เข้าใจเพราะต้องการให้มีการเลือกตั้ง เมื่อถามว่าการที่กลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ทหารยืนเคียงข้างประชาชน จุดยืนของกองทัพเป็นอย่างไร พล.อ.เฉลิมชัยย้อนถามว่า ประชาชนกี่คน และประชนทุกคนเห็นสอดคล้องกับกลุ่มที่เคลื่อนไหวหรือไม่ หากคำนวณตามขั้นตอนกฎหมาย จะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ.2562 สำหรับการเคลื่อนไหวคิดว่าอาจเป็นครบวงรอบ 4 ปี จึงอยากจุดประเด็นขึ้นมา
อย่ามาโยงพบ “แม้ว” ที่สิงคโปร์
พล.อ.เฉลิมชัยยังกล่าวถึงการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ช่วงนี้ว่า ไม่ทราบ ไม่อยากไปเชื่อมโยงทุกเรื่อง ทุกเรื่องมีขั้นตอนมีวิธีการอยู่ ไม่ใช่เราส่งคนไปจับกุมตัวมาได้เลย บางครั้งมันเกินกรอบและขีดความสามารถ ใช้การประสานงานระหว่างประเทศเป็นหลัก เมื่อถามว่า ผบ.ทบ.มีกำหนดเดินทางไปสิงคโปร์ ช่วงเวลาเดียวกับที่นายทักษิณอยู่ที่นั่นจะมีโอกาสพบกันหรือไม่ พล.อ.เฉลิมชัยตอบว่า ไม่ต้องมาเชื่อมโยง เชื่อมโยงแบบนี้มันเลอะเทอะ ประเทศสิงคโปร์กว้างใหญ่ คงไม่เจอกัน ต่างคนต่างมีวิถีทางของตนเอง เราไปทำงานของเรา เขาจะเคลื่อนไหวอย่างไรก็ว่าไปตามขบวนการ ส่วนที่อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบนั้น ทุกวันนี้ คสช.ลดความเข้มข้นเข้มงวดไปมากพอสมควร ทุกวันนี้แทบไม่ใช้กำลังทหารเข้าไปควบคุมใครเลย ยังเชื่อในสามัญ สำนึกความเป็นคนไทยต้องการเห็นประเทศสงบสุข
เสียงอ่อยอยู่นานคนเริ่มเบื่อ
พล.อ.เฉลิมชัยยังกล่าวถึงกระแสข่าว กอ.รมน.ลงพื้นที่ทำโพลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่องการเมือง ว่า กอ.รมน.ไม่เคยทำ เรื่องอยากเลือกตั้ง หรือไม่อยากเลือกตั้ง เราก็ฟังเสียงดู ธรรมชาติของคนพออยู่นานก็รู้สึกเบื่อ อยากหาสิ่งที่ดีกว่า แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่ดีกว่าคืออะไร เรื่องการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่า กอ.รมน.ทำโพลแล้ว พรรคเพื่อไทยยังได้รับความนิยมและจะชนะการเลือกตั้ง พล.อ.เฉลิมชัยตอบว่า กอ.รมน.ไม่ได้ทำ แต่โพลทั่วไปที่สำรวจออกมา คนส่วนใหญ่อยากเลือกตั้งกว่า 50-60 เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องปกติ ส่วนการขับเคลื่อนโครงการไทยนิยม ยั่งยืนของรัฐบาลนั้น ได้จัดชุดสนับสนุนเข้าไปในพื้นที่ ขณะนี้เริ่มเดินหน้าแล้ว กอ.รมน.คัดเลือกคนลงพื้นที่ ให้แนวทางการคัดบุคลากรต้องมีความรู้ความเข้าใจ และมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี พร้อมรับฟังปัญหาประชาชน นำมาสู่รัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาได้ ยืนยันโครงการดังกล่าวจะไม่สูญเปล่า
เลขา สมช.เชื่อคนขยาดม็อบ
พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่า จากคำสั่งของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ให้จับตาความเคลื่อนไหวของ 3 กลุ่มนั้น ต้องดูแต่ละส่วนว่าเชื่อมโยงสัมพันธ์กันอย่างไร สำหรับกลุ่มม็อบคนอยากเลือกตั้ง หากไม่มีใครยุยงสร้างสถานการณ์ ไม่น่ามีปัญหา ส่วนการขยายผลสอบท่อน้ำเลี้ยง เจ้าหน้าที่จับตาดูอยู่ว่าเกี่ยวพันกับใครบ้าง ตอนนี้ยังไม่ได้รุนแรงอะไร เพียงเคลื่อนไหวทำกิจกรรมเท่านั้น แต่ยังมองว่าบางพื้นที่ประชาชนไม่ได้ให้ความสนใจมาก เมื่อถามว่าเป็นห่วงว่ากลุ่มดังกล่าวจะจุดกระแสติดหรือไม่ เลขาสมช.ตอบว่า สถานการณ์ยังเรียบร้อยอยู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. เน้นย้ำว่าต้องดูแลสถานการณ์ และระมัดระวังอย่าให้มีมือที่สามมาสร้างสถานการณ์

มทภ.1 สั่งเอกซเรย์อาวุธ 26 จว.
ที่กองทัพภาคที่ 1 พล.ท.กู้เกียรติ ศรีนาคา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า การดูแลกลุ่มที่เคลื่อนไหวขณะนี้ จะยึดข้อกฎหมายตามที่ ผบ.ทบ.เน้นย้ำไว้ ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมจะใช้วิธีดาวกระจายไปจังหวัดต่างๆนั้นตามแผนที่ได้หารือกับหน่วยงานความมั่นคง เชื่อว่าสามารถดูแลได้ ส่วนใหญ่อาศัยการพูดคุยทำความเข้าใจกับทุกกลุ่ม เชื่อว่าเราพูดภาษาเดียวกันพูดคุยกันได้ ส่วนการนัดชุมนุมกลุ่มคนอยากเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นั้น ไม่ห่วง แต่ขอให้อยู่ในกรอบ นอกจากนี้ยังเน้นย้ำทุกหน่วยในกองทัพภาคที่ 1 ที่รับผิดชอบ 26 จังหวัดภาคกลาง ให้เอกซเรย์อาวุธสงครามทุกพื้นที่ต่อเนื่อง
ปูพรมไทยนิยมปัดหาเสียง
พล.ท.กู้เกียรติ ในฐานะ ผบ.กกล.รส.ทภ.1 และ ผอ.รมน.ภาค 1 กล่าวระหว่างมอบนโยบายสนับสนุนโครงการไทยนิยม ยั่งยืน ต่อผู้บังคับหน่วยขึ้นตรง ว่า เน้นให้กำลังพลเข้าใจบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบในโครงการและนำชุดความรู้ 10ชุดไปเผยแพร่สร้างความรับรู้เข้าใจต่อประชาชน และสำรวจความต้องการของประชาชนมาพัฒนาพื้นที่ต่อไป โดยใช้กำลังพล 2,674 นาย ลงพื้นที่ทุกตำบล ทุกเทศบาล 26 จังหวัด ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ลงไปรับฟังปัญหา ไม่ได้ไปหาเสียง

“บิ๊กตี๋” เด้งรับสั่ง ทภ.3 ลงพื้นที่
ที่ค่ายสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จ.พิษณุโลก พล.ท.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ แม่ทัพภาคที่ 3 ในฐานะ ผบ.กกล.ทัพภาค 3 และ ผอ.รมน.ภาค 3 เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมเตรียมความพร้อมให้กำลังพลที่ปฏิบัติงานโครงการไทยนิยมยั่งยืน ว่า โครงการนี้มีวัตถุประสงค์บูรณาการขับเคลื่อนงานลงพื้นที่ในระดับหมู่บ้านตามแนวทางประชารัฐ พัฒนาและแก้ไขปัญหาในมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง สร้างความตระหนักรู้ โดยจะจัดทีมระดับตำบลลงพื้นที่ 1,562 ตำบล ทุกหมู่บ้านรวม 15,939 แห่ง ใน 17 จังหวัดภาคเหนือ เพื่อค้นหาความต้องการของประชาชนมาจัดทำโครงการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต และแก้ไขปัญหาตามโรดแม็ปรัฐบาล

ประเมินเก้าอี้ผู้ว่าผ่านไทยนิยม
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวมอบแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศตามโครงการไทยนิยม ยั่งยืนแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกลว่า สิ่งสำคัญนายกฯขอให้ทุกระดับให้ความสำคัญเรื่องความโปร่งใส บอกว่าจะประเมินผลการทำงานผ่านโครงการนี้ ทำไปประเมินไป ขอให้ทำงานให้เต็มที่ อธิบายโครงการด้วยคำพูดง่ายๆ เช่น เรื่องประชาธิปไตย ไม่ต้องไปอธิบายว่าประชาธิปไตยคืออะไร แต่อธิบายว่าการเมืองจะนำพาประเทศไปทางไหนก็ได้ ต้องทำให้ประชาชนรู้ว่าต้องเลือกคนเก่งคนดี เราจะมีการเลือกตั้งในเร็ววันนี้แน่นอน

ลือลางร้ายซ้ำกระถางข่อยแตก
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังเกิดเหตุการณ์ติดต่อกันหลายเรื่องในทำเนียบรัฐบาล ทั้งกรณีอ่างบัวแตก ไฟไหม้ลังกระดาษหลังธนาคาร กรุงไทยสาขาทำเนียบฯ การปักธูป 36 ดอก ข้างปืนใหญ่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า จนถูกมองว่าเป็นลางร้ายรัฐบาลในช่วงขาลง ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. สั่งประดับโคมเต็งลั้งบริเวณประตูเข้า-ออกทำเนียบฯ ไม่ใช่การแก้อาถรรพณ์อ่างบัวแตกนั้น ล่าสุดวันเดียวกันนี้ ยังคงเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด เมื่อมีผู้พบกระถางต้นข่อยหน้าตึกนารีสโมสรแตกไป 1 ใบ จาก 10 ใบ เมื่อสอบถามกับเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯ ระบุว่ากระถางดังกล่าวมีรอยร้าวแตกชำรุดมาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อรถวิ่งผ่านไป-มายิ่งทำให้รอยร้าวปริแตกมากขึ้น พอปรากฏเป็นข่าวเจ้าหน้าที่จึงรีบนำเส้นลวดมาเอารัดไว้

ผวาคุณไสยควานหาคนปักธูป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คนสวนของสวนนงนุช พัทยา ที่ทำหน้าที่ดูแลสวนภายในทำเนียบฯ ได้นำอ่างบัวใบใหม่มาวางแทนใบที่แตกแล้ว และเจ้าหน้าที่ทำเนียบฯได้เก็บโคมเต็งลั้งออกไปจนหมดแล้ว หลังผ่านพ้นเทศกาลตรุษจีน ในส่วนของธูป 36 ดอก ที่พบบริเวณพุ่มไม้ข้างปืนใหญ่หน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทีมงานสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลค.) ได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำทำเนียบฯ ตรวจเช็กกล้องวงจรปิด เพื่อดูว่าใครเป็นผู้นำธูปมาปัก เนื่องจากได้ห้ามไม่ให้มีการจุดไฟภายในทำเนียบฯ เกรงจะเกิดเหตุไฟไหม้ และเกรงว่าจะเป็นเรื่องที่มีผู้ไม่หวังดีมาทำพิธีนำสิ่งไม่ดีใส่รัฐบาล

“ประมนต์” จี้นายกฯ เร่งกู้ศรัทธา
วันเดียวกัน นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ในฐานะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) กล่าวถึงกรณีนายต่อตระกูล ยมนาค ประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต คตช. ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯในฐานะประธาน คตช. ขอให้ดำเนินการกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม สวมใส่นาฬิกาและแหวนเพชรราคาแพง เพื่อเรียกศรัทธาคืนว่า เห็นหนังสือแล้ว ถือเป็นข้อคิดว่าถ้าผู้ใหญ่ในรัฐบาลทำอะไรที่ทำให้คนรู้สึกว่าไม่เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้แล้ว ทำให้คนที่ต้องการสนับสนุนถดถอย คนเป็นผู้นำต้องมีจริยธรรม คุณธรรมสูงกว่าคนอื่น ไม่ใช่แค่ใครในรัฐบาลทำผิดหรือไม่ผิด และตนในฐานะองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันส่งสัญญาณเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว
ฟุ้งสอบทุกฝ่ายไม่มีเลือกข้าง
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ถูกมองว่าไม่ได้เลือกปฏิบัติในการตรวจสอบ นายประมนต์ตอบว่า เราส่งความคิดเห็นผ่านหลายเส้นทางไปแล้ว ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางที่สุด บนความรับผิดชอบและความเหมาะสมอย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายตรงข้าม และมีหลายวิธีที่ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจน เมื่อถามว่ายังไม่ถึงขั้นต้องทบทวนบทบาทใน คตช.ใช่หรือไม่ นายประมนต์ตอบว่า คนละส่วนกัน การทำหน้าที่เป็นกรรมการ คตช. เป็นประโยชน์ในการใช้กรรมการชุดนี้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ถ้ามีความคิดเห็นไม่ตรงกันในบางเรื่อง ต้องหาวิธีการแก้ไขปัญหาเป็นเรื่องๆ ไป

“ต่อตระกูล” บี้ “พี่ใหญ่” พ้น คตช.
นายต่อตระกูล ยมนาค ประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต คตช. กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องทำหนังสือถึงนายกฯกรณีพล.อ.ประวิตร เพราะเห็นว่านายกฯอาจทำเรื่องอื่นไม่ได้ แต่อย่างน้อยใน คตช. ท่านอาจพิจารณาหรือขอร้อง พล.อ.ประวิตร ให้ลาออกจากการเป็นกรรมการคตช.ได้ โดยไม่ต้องรอให้มีการชี้มูลความผิดก่อน กรณีนี้เป็นเรื่องจริยธรรมและจรรยาบรรณ ทำให้เป็นตัวอย่าง ที่ผ่านมาท่านใช้มาตรา 44 โยกย้ายข้าราชการไปหลายร้อยคนแล้ว ดังนั้น นายกฯทำได้เลย เมื่อถามว่ามีข่าวว่าหากนายกฯไม่ดำเนินการ อนุกรรมการหลายคนอาจลาออกจาก คตช. นายต่อตระกูลตอบว่า มีบางคนพูดกันอยู่ แต่ไม่ได้มาจากสาเหตุนี้เรื่องเดียว มีหลายเรื่อง ตอนนี้อนุกรรมการทุกคณะนั่งรอมา 4-5 เดือนกว่าแล้ว เมื่อไหร่ คตช.จะนัดประชุม ไม่เหมือนแรกๆ ประชุมกันทุกเดือน บรรยากาศเวลานี้ส่งผลให้ทำงานด้วยความลำบากใจ
กระแทก ป.ป.ช.ทำไม่เต็มที่
นายต่อตระกูลกล่าวต่อว่า กรณีการถือครองนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร เดิมทีเรานึกว่า ป.ป.ช.คงเต็มที่กับเรื่องนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเหมือนกับทำงานได้ไม่เต็มที่ ทั้งที่ความจริงการตรวจสอบกรณีไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สิน โดยอ้างว่ายืมมาจากเพื่อน มีกรณีของนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นตัวอย่างอยู่แล้ว นอกจากข้อหาร่ำรวยผิดปกติที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว ในส่วนของรถโฟล์คที่นายสุพจน์อ้างว่ายืมมา ป.ป.ช.ก็ฟ้องข้อหาไม่แจ้งหนี้สินไปด้วย เพราะการยืมทรัพย์สินราคาแพงมาก ถือเป็นทรัพย์สินที่ต้องแจ้งทั้งหมด จะอ้างว่ายืมแล้วไม่แจ้งคงไม่ได้ และศาลฎีกาได้ตัดสินแล้วว่าข้ออ้างเรื่องยืมมารับฟังไม่ได้ ดังนั้นกรณีแบบนี้ไม่น่าต้องใช้เวลานาน และก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.บอกว่าปลายเดือน ก.พ.จะเสร็จสิ้น แต่ตอนนี้เหมือนว่าจะยืดเยื้อออกไปอีก

“มาร์ค” ย้ำผู้นำต้องเป็นต้นแบบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ รัฐบาลประกาศจุดยืนชัดเจนแล้วให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการสอบต่อไป ดังนั้นวัฒนธรรมทางการเมืองเป็นเรื่องสำคัญ ความรับผิดชอบทางการเมืองกับความรับผิดชอบทางกฎหมายต่างกัน วัฒนธรรมต้องเกิดจากผู้มีอำนาจ และผู้นำที่ต้องทำเป็นแบบอย่าง หากเรายังไม่สามารถสร้างตรงนี้ขึ้นมาในสังคมได้ มองว่าการเมืองสุ่มเสี่ยงต่อวิกฤติศรัทธา

“เรืองไกร” ยื่น กกต.สอบ “หมอธี”
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย เข้ายื่นหนังสือขอให้ กกต.ตรวจสอบ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการว่ามีการกระทำเข้าข่ายเป็นการขัดกันแห่งผลประโยชน์ ตามรัฐธรรมนูญหมวด 9 มาตรา 186 ประกอบมาตรา 184 วรรคหนึ่ง (2) มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (5) หรือไม่ พร้อมขอให้ กกต.ดำเนินการตามมาตรา 170 วรรคสาม กรณี นพ.ธีระเกียรติมีการถือครองหุ้น บริษัท ปูนซีเมนต์ไทยเพิ่มขึ้นจำนวน 800 หุ้น โดยไม่มีการชี้แจงต่อ ป.ป.ช. กกต.ควรตรวจสอบด้วยว่าที่ นพ.ธีระเกียรติ อ้างว่าคนอื่นก็มีหุ้นในลักษณะดังกล่าว เป็นผู้ใด และขอให้ กกต.เร่งพิจารณาคุณสมบัติ 9 รัฐมนตรี ที่เคยยื่นเรื่องให้พิจารณาตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่ถือครองหุ้นขัดต่อรัฐธรรมนูญ ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่มี ความคืบหน้า อยากให้ กกต.ชุดปัจจุบันเร่งตรวจสอบให้เสร็จ ก่อนจะพ้นจากตำแหน่ง
กมธ. 3 ฝ่ายพลิกมติ สนช.อีกรอบ
ช่วงบ่ายที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มีมติแต่งตั้งนายวิทยา ผิวผ่อง สนช. เป็นประธาน นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ เป็นรองประธาน ภายหลังการประชุมนายศุภชัย สมเจริญ กมธ.ร่วม 3 ฝ่าย กล่าวว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปตรงกันเบื้องต้นให้แก้ไข 2 ประเด็น คือ 1.กรณีการจัดมหรสพระหว่างการหาเสียง ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้กลับไปใช้ร่างเดิมตามที่ กรธ.เสนอมาคือ ไม่ให้จัดมหรสพระหว่างการหาเสียง 2.กรณีการตัดสิทธิผู้ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งตามมาตรา 35 ซึ่งท่าทีตัวแทนจาก สนช.ไม่มีปัญหากับการแก้ไข 2 ประเด็นนี้

“อนุดิษฐ์” ชี้ยังไม่ถึงเวลาหาผู้นำ
วันเดียวกัน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และแกนนำกลุ่มคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล แกนนำพรรคเพื่อไทย ขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคแทนคุณหญิงสุดารัตน์ ที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสมาชิกส่วนใหญ่ ว่า เรื่องนี้เป็นเพียงรายงานข่าว ตอนนี้ผู้ทำหน้าที่บริหารพรรคคือ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค ยังไม่ถึงเวลาที่จะพูดถึงตัวหัวหน้าพรรคคนใหม่ เพราะยังติดคำสั่ง คสช. ไม่สามารถทำกิจกรรมอะไรได้

รอ คสช.ปลดล็อกค่อยว่ากัน
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวโจมตีคุณหญิงสุดารัตน์บ่อยครั้ง ถือเป็นการดิสเครดิตหรือไม่ น.อ.อนุดิษฐ์ตอบว่า ให้น้ำหนักรายงานข่าวเหมือนการให้ความเห็นส่วนตัว ไม่ใช่การให้ความเห็นในนามพรรค พรรคเพื่อไทยมีตัวแทนจากประชาชนทุกจังหวัด เรื่องนี้จึงไม่มีผลกระทบใดๆต่อผู้ที่ถูกวิจารณ์ เมื่อถึงเวลาที่ คสช.ปลดล็อกทางการเมือง ให้พรรคสามารถระดมความเห็นจากสมาชิกเพื่อคัดเลือกผู้บริหารคนใหม่ได้ หากเสียงส่วนใหญ่เห็นว่าบุคคลใดควรมาทำหน้าที่ แล้วบุคคลนั้นพร้อมทำ นั่นจะเป็นคำตอบที่ชัดเจน และถูกต้องที่สุด
“เด็กเจ๊” ฉุน “เฮียเพ้ง” ชิงธงนำ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า หลังเกิดกระแสข่าวว่านายทักษิณตัดสินใจดึงนายพงษ์ศักดิ์ เข้ามาประคองสถานการณ์ภายในพรรคเป็นการชั่วคราว ปรากฏว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มอดีต ส.ส.กทม.ที่ใกล้ชิดคุณหญิงสุดารัตน์ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ แม้นายพงษ์ศักดิ์จะสนิทกับนายทักษิณ แต่ไม่ได้เข้ามาทำอะไรให้พรรคมากนัก ต่างจากคุณหญิงสุดารัตน์ที่ทำงานให้พรรคต่อเนื่อง ขับเคลื่อนพรรคให้เดินหน้าอยู่ตลอด ถึงแม้วันนี้จะมีกระแสข่าวไม่ยอมรับในตัวคุณหญิงสุดารัตน์ก็ยังคงวางตัวปกติทำงานให้พรรคต่อไป นอกจากนี้ กลุ่มอดีต ส.ส.กทม.ยังมองว่า น่าจะเป็นการปล่อยข่าวเพื่อเตะสกัดคุณหญิงสุดารัตน์ไม่ให้เป็นผู้นำพรรค และมองว่าการปล่อยข่าวลักษณะนี้ไม่เป็นผลดีกับพรรค อย่างไร ก็ตามเชื่อว่าเรื่องนี้ยังไม่จบง่ายๆ และสุดท้ายอยู่ที่การตัดสินใจของนายทักษิณ ถึงตอนนั้นทุกคนต้องยอมรับ เพียงแต่อาจมีคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นได้ ขณะที่กลุ่มคนใกล้ชิดนายพงษ์ศักดิ์ เมื่อเห็นข่าวดังกล่าวยังรู้สึกตกใจ จึงรีบแจ้งให้นายพงษ์ศักดิ์ทราบ แต่นายพงษ์ศักดิ์ไม่ได้มีท่าทีอะไรเป็นพิเศษตอบกลับมา
“ทักษิณ–ปู” ยังป้วนเปี้ยนรอบไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ หลังเดินทางออกจากฮ่องกง เมื่อช่วงเที่ยงวันเดียวกันนี้ ได้เดินทางไปทานข้าวกลางวันกับสมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ต่อมาร่วมทานข้าวเย็นกับสมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ แห่งบรูไน โดยวันที่ 20 ก.พ. มีนัดพบหารือและทานข้าวกลางวันกับภรรยานายลี เซียนลุง นายกรัฐมนตรี สิงคโปร์ โดยจะอยู่ที่สิงคโปร์ประมาณ 2-3 วัน จากนั้นจึงเดินทางไปประเทศอังกฤษ ระหว่างอยู่ที่สิงคโปร์จะมีอดีต ส.ส.และแกนนำพรรคเพื่อไทย รวมถึงคนใกล้ชิดที่ยังไม่ได้พบทยอยเดินทางไปพบ
“บิ๊กตู่” จัดคิวพบชาวนครปฐม
ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.อ.หญิงทักษดา สังขจันทร์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. เตรียมนำคณะลงพื้นที่พบประชาชน และติดตามงานตามนโยบายรัฐบาล ที่ จ.นครปฐม วันที่ 21 ก.พ. มีกำหนดการเยี่ยมศูนย์การเรียนรู้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรแหลมบัว ที่น้อมนำแนวพระราชดำริศาสตร์พระราชา และการประยุกต์เทคโนโลยีการลดต้นทุนการผลิตข้าว และการทำข้าวอินทรีย์ พร้อมร่วมกิจกรรมปลูกข้าวนาโยนในแปลงสาธิต และไปยังที่ดินพระราชทาน บ้านศาลาดิน เยี่ยมชมแปลงนาบัวลุงแจ่ม สวัสดิ์โต ซึ่งเป็นการปฏิรูปที่ดินตามแนวพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชทานที่ดินส่วนพระองค์ให้กับเกษตรกร ไปตลาดน้ำบ้านศาลาดินพบเกษตรกรเลี้ยงโคนม สหกรณ์โคนมกำแพงแสน และเป็นสักขีพยานมอบโรงเรือนถอดประกอบได้ เครื่องจักรกลการเกษตร และเครื่องสีข้าวให้ผู้แทนเกษตรกร
สนช.ไม่ทำหน้าที่ควรออกไป
อีกเรื่อง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง อดีต ผบ.ตร.พูดถึงการทำอาชีพตำรวจเป็นไซด์ไลน์ ว่า ทุกองค์กรภาครัฐ รวมทั้งองค์กรอิสระ ต้องตระหนักหน้าที่ของตัวเอง ยึดประโยชน์ส่วนรวม ปัจจุบันเรามีผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง แต่อาจยังเป็นข้าราชการ หรือทำธุรกิจ ส่วน สนช.จะเป็นนักการเมืองไซด์ไลน์หรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงคือเป็นตำแหน่งที่มาซ้อนกับงานหลัก ปัญหาจึงไม่ใช่แค่เรื่องเวลาประชุม แต่รวมถึงบทบาทหน้าที่ที่มาปะปนกัน ส่วนการลาเพื่อไม่ให้ ขัดกับมาตรฐานจริยธรรมฯ ต้องพิจารณาว่าสมเหตุผลหรือไม่ สมมติตนเป็นข้าราชการอยู่ แต่ไม่มาทำหน้าที่ สนช.เลย บอกว่าต้องไปปฏิบัติราชการงานหนักอาจเกิดคำถามว่าทำไมไม่ลาออก ควรให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน
ฝ่ายมั่นคงไม่ห่วงม็อบเทพา
ที่ กอ.รมน. พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสมช. กล่าวถึงกรณีเครือข่ายคนสงขลา ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา และเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน ที่ชุมนุมบริเวณหน้าสำนักงานองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) เตรียมย้ายไปชุมนุมที่บริเวณหน้าทำเนียบฯในวันที่ 20 ก.พ.ว่า ไม่น่าเป็นห่วง เพราะเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ ตนเชื่อว่าสถานการณ์ไม่บานปลาย เจ้าหน้าที่จับตามองอยู่
ด้าน พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ.กล่าวว่า เจ้าหน้าที่แจ้งให้ผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่การชุมนุมแล้ว เพราะกระทบการจราจรในพื้นที่ ทั้งนี้ การชุมนุมกลุ่มนี้เป็นไปโดยสงบ หากผู้ชุมนุมเคลื่อนย้ายมาทำเนียบฯอาจกระทบวงกว้าง เจ้าหน้าที่จะใช้อำนาจกฎหมายปกติเพื่ออำนวยความสะดวกและกำกับดูแล ไม่น่าจะมีปัญหาใด รัฐบาลต้องทำให้รอบคอบ และต้องขึ้นอยู่กับในหลายส่วนที่ต้องพิจารณาร่วมกัน

“ศรีวราห์” รับตัวลูกน้อง “โกตี๋”
ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.รับตัวนายกฤษชาภณ หรือสุกิจ พูลศิลป์ อายุ 53 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 76/2561 ลงวันที่ 15 ก.พ.2561 และศาลจังหวัดมีนบุรีที่ จ.156/2561 ลงวันที่ 16 ก.พ.2561 จากกรณีทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่เก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี) พบวัตถุระเบิดสังหารเอ็ม 26 ระเบิดปิงปอง 4 ลูก และไปป์บอมบ์ 2 ลูกในห้องพักเลขที่ 2/28 อาคารที 10 คอนโดมิเนียมเมืองทองธานี จ.นนทบุรี และของกลางอื่น หลังการสอบสวนผู้ต้องหาสารภาพว่าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุปาระเบิดใส่บ้านนายสำราญ รอดเพชร แกนนำ กปปส. เมื่อคืนวันที่ 28 ม.ค.2557 ที่ร่วมกับพวกอีก 5 คน คือนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ (โกตี๋) นายกฤศ หรือธีรชัย อุตรวิเชียร นายอุดมชัย นพสวัสดิ์ นายนิคม ไชยต้นเทือก และนายธีระพัฒน์ หรือธวัชชัย บุญมาก โดยแบ่งหน้าที่กันทำตามแผนนายโกตี๋ และมีแผนลอบสังหารนายแทนคุณ จิตอิสระ แกนนำ กปปส.ด้วยปืนเอ็ม 16 แต่ไม่พบตัว จึงไม่ได้ลงมือตามแผนในปี 2557

“ประทิน” โอดข้อหาก่อการร้าย
ช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.ต.อ.ประทิน สันติประภพ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ พร้อมนายประยงค์ ไชยศรี ทนายความ แถลงข่าวที่บ้านพักในซอยสุขุมวิท 39 หลังตกเป็นจำเลยในคดีก่อการร้าย กรณีร่วมชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ที่สนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ เมื่อปี 2551 พล.ต.อ.ประทินกล่าวว่า เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญปี 50 ไม่เชื่อมั่นในการทำสำนวนคดีของตำรวจ เพราะแค่ไปพบประชาชนเท่านั้น ไปจอดรถดู กลับถูกตั้งข้อหาว่าก่อการร้าย เจ้าหน้าที่มีหลักฐานเพียงคลิป 5 นาที แต่ไม่มีหลักฐานเอาผิดอะไร และปีนั้นร่างกายไม่แข็งแรงไม่สามารถไปชุมนุมได้ และได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้ว อยู่ระหว่างสืบพยานโจทก์