“วิษณุ” ลดกระแสต้าน คสช.สืบทอดอำนาจ แจงตั้ง กมธ.ร่วมรื้อ ก.ม.ลูกยืดไปไม่เกิน 15 วัน ปัดไม่มีใครคิดส่งตีความ ออกตัวถ้ามีเหตุออก นอกลู่นอกทางต้องถึงมือศาล รธน.อาจบวกเวลาเพิ่มแค่ 1-2 เดือน กรธ.เห็นแย้ง 7 ข้อ หวั่น ก.ม.เลือกตั้ง ส.ส.-สรรหา ส.ว.ขัด รธน. หัก กมธ.ไม่เอาด้วยมหรสพหาเสียง-หั่นกลุ่มผู้สมัคร ส.ว. “บิ๊กป้อม-บิ๊กตู่” ปิดห้องคุยประธานเสนาธิการร่วมกองทัพมะกัน นายกฯท่องบทยันไทยเดินตามโรดแม็ป “บิ๊กป๊อก” ชิ่งไม่เคยได้ยินพี่ใหญ่ยื่นไขก๊อก “อภิสิทธิ์” ถอดรหัสคำพูด “ประยุทธ์” กระเตงพี่ใหญ่ รู้ทันเกม หน.คสช.กดปุ่มยื้อเลือกตั้ง “นิพิฏฐ์” สับนายกฯชี้นำผิดๆ ปกป้องคนที่สังคมกังขา พท.จี้ คสช.หยุดคุกคามคนเห็นต่าง จี้ประกาศวันหย่อนบัตรมาให้ชัด “กลุ่มอยากเลือกตั้ง” ร้อง กสม.ถูกละเมิดสิทธิ ดำเนินคดี “โบว์” ลั่นพร้อมเดินเข้าคุก ไม่ยื่นประกัน

กรณีหลายภาคส่วนต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลพยายามยืดขยายเวลาโรดแม็ปการเลือกตั้ง โดยใช้เทคนิคทางกฎหมาย ทั้งแก้ไขการบังคับใช้กฎหมายลูกสำคัญ รวมทั้งอาจส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความร่างกฎหมายดังกล่าวว่ามีเนื้อหาขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือไม่ด้วยนั้น

“วิษณุ” แจงแก้ ก.ม.ลูกไม่เกิน 15 วัน

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 7 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แสดงความเป็นห่วงการพิจารณากฎหมายลูกของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยเฉพาะร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่ผ่านการลงมติในวาระ 3 และมีการแก้ไขหลายประเด็น ซึ่งอาจจะขัดรัฐธรรมนูญว่า ยังยืนยันว่าแม้ว่าจะแก้ไขเยอะอย่างไร หรือต้องตั้งคณะกรรมาธิการร่วมขึ้นมาพิจารณา จะไม่มีผลอะไร อย่างไรต้องอยู่ภายใน 15 วัน แม้คิดว่ายังพิจารณาไม่เสร็จ แต่ต้องถือว่าเสร็จเพราะมีเวลากำหนดไว้ให้แค่นั้น ไม่เป็นไร คิดว่าหลายประเด็นทาง สนช.มีฝ่ายที่เห็นด้วยกับ กรธ.ด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุยกันและแก้กันไปได้ ปัญหาอย่างนี้คนที่ทำกฎหมายจะรู้ดี เนื่องจากเจอกันมาตลอดทุกฉบับไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ความจริงการตั้งคณะ กรรมาธิการร่วมขึ้นมาพิจารณา ไม่ได้เสียเวลา ถือว่ายังอยู่ในขั้นตอนอยู่

...

ปัดไม่มีใครคิดส่งศาล รธน.ตีความ

เมื่อถามถึงกรณีที่มีถ้าการส่งขอให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ จะทำให้เลื่อนเวลาออกไปหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่กล้าพูดเรื่องของศาลรัฐธรรมนูญ นี่คือสิ่งที่ไม่คิดว่าจะเกิด ใครจะไปร่างกฎหมายที่คิดว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ ขณะนี้คิดเวลาเผื่อแค่ว่า ก.พ.จะประชุม 3 ฝ่าย สนช. กกต. และ กรธ. ใช้เวลา 15 วัน เพื่อทำให้กฎหมายลูกดีที่สุด ส่วนจะแก้กี่ประเด็นไม่สำคัญ ทั้งหมดต้องเสร็จและทูลเกล้าฯ ในเดือน มี.ค. ส่วนกรณีต้องออกนอกเส้นทางไปยังศาลรัฐธรรมนูญ อยู่ที่ว่าประเด็นอะไร ถ้าส่งไปอาจบวกเวลาเพิ่ม 1-2 เดือน อยู่ที่ความยากง่ายของประเด็น แต่ขณะนี้ไม่มีใครคิดถึงขั้นนั้น และไม่ได้เป็นปัจจัยคิดรวมกับโรดแม็ปด้วย อาจเกิดขึ้นได้และไม่ได้ เป็นคำถามที่สมมติขึ้นมา

กรธ.เห็นแย้ง 2 ก.ม.ชงตั้ง กมธ.ร่วม

นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า กรธ.มีมติทำความเห็นโต้แย้งร่างกฎหมายลูก 2 ฉบับให้ สนช. โดยร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เห็นแย้ง 4 ประเด็นคือ 1.ตัดสิทธิคนไม่ไปเลือกตั้ง ห้ามเป็นข้าราชการการเมือง 2.จัดมหรสพ จะเป็นปัญหาด้านกำหนดค่าใช้จ่ายของผู้สมัคร 3.เวลาลงคะแนน ที่ สนช.แก้เป็น 07.00-17.00 น. จะเป็นปัญหากับผู้ปฏิบัติงาน และ 4.การ ลงคะแนนแทนผู้พิการทางสายตา ส่วนร่าง พ.ร.บ.การได้มาซึ่ง ส.ว. เห็นแย้ง 3 ประเด็นคือ 1.ลดกลุ่มผู้สมัคร กรธ.ยืนยันให้มี 20 กลุ่ม ตามผลการฟังความเห็นของประชาชน 2.กรธ.ไม่เห็นด้วยให้แยกประเภทผู้สมัครแบบอิสระและนิติบุคคล อาจขัดรัฐธรรมนูญในมุมความหลากหลายและสิทธิของผู้สมัคร และ 3.วิธีเลือก กรธ.ขอยืนยันเลือกไขว้ เพราะป้องกันการฮั้วลงคะแนนได้ดีกว่าเลือกตรง

“สมชัย” คาด สนช.รื้อใหม่มหรสพ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.กล่าวว่า วันที่ 9 ก.พ. กกต.จะส่งความเห็นแย้ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ว่าขัดรัฐธรรมนูญ 5 ประเด็น และจะตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ดูจากสัดส่วน กมธ.ร่วมฯมี สนช. 5 คน กรธ.5 คน กกต.1 คน ทายผลไม่ยากว่าผลการลงมติจะเป็นอย่างไร ประเมินเสียงโหวตเรื่องเบอร์ผู้สมัครยืนยันแบบเดิมคือ เบอร์พรรคต่างกันในแต่ละเขต เสียง 10 ต่อ 1 การจัดมหรสพหาเสียง เห็นควรยกเลิก 6 ต่อ 5 เสียง ค่าใช้จ่ายหาเสียงพรรคยืนยันแบบเดิมคือ พรรคใหญ่พรรคเล็กค่าใช้จ่ายเท่ากัน 10 ต่อ 1 เสียง และใบเหลืองศาล ยืนยันตามเดิม 10 ต่อ 1 ใบดำศาล ยืนยันตาเดิม 10 ต่อ 1 เสียง จากนั้นไปโหวตในสภา คงไม่มีอะไรพลิก เพราะมาตรา 2 เขียนทอดเวลาไปอีกแล้วตั้ง 90 วัน หากยังพลั้งเผลอหรือเพิ่งนึกอะไรออก ยังมีกลไกมาตรา 44 หรือการแก้ไขคำสั่ง คสช.ต่างๆมารองรับได้อีก

“บิ๊กป้อม” กระชับสัมพันธ์กองทัพมะกัน

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว. กลาโหม ให้การต้อนรับ พล.อ.โจเซฟ เอฟ. ดันฟอร์ด (Joseph F.Dunford, Jr.) ประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพสหรัฐอเมริกาและคณะ โดย พล.อ.โจเซฟ เอฟ. ดันฟอร์ด ให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า การหารือครั้งนี้เป็นความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่ของกองทัพไทยและ พล.อ.ประวิตร เราหารือกันเป็นไปด้วยดี มีความพยายามผลักดันความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้น ระหว่างสองกองทัพที่มีความสัมพันธ์มากว่า 70 ปี เราจะพยายามทำให้พันธมิตรทั้งสองกองทัพมีความเข้มแข็ง โดยเฉพาะความร่วมมือทั้งการฝึกทางด้านทหาร ให้ความสัมพันธ์มีความใกล้ชิดมากขึ้น

ตีปี๊บย้อนหลังผนึกอาเซียน

พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหมและคณะ ได้ร่วมประชุม รมว.กลาโหมอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ ที่สิงคโปร์มี ดร.เอิง เอ็ง เฮน รมว.กลาโหมสิงคโปร์ เป็นประธาน ได้แลกเปลี่ยนหารือร่วมกันพัฒนากลไกความร่วมมือด้านความมั่นคง จำเป็นต้องพัฒนากลไกความร่วมมือด้านการข่าว เพื่อประสานแลกเปลี่ยนข้อมูล ติดตามและเฝ้าระวังแก้ปัญหาการก่อการร้ายร่วมกัน โดยได้ร่วมรับรองแถลงการณ์ร่วมของ รมต.กลาโหมอาเซียน ในการต่อต้านการก่อการร้ายในภูมิภาคอาเซียน พล.อ.ประวิตรได้หารือทวิภาคีกับ พล.อ.รามิซาร์ด ราชูดู รมว.กลาโหมอินโดนีเซีย และลงนามแถลงการณ์ร่วมโครงการ Our Eyes Initiative ที่อินโดนีเซียริเริ่ม เสริมสร้างความร่วมมือและแลก เปลี่ยนข่าวสารระดับยุทธศาสตร์ด้านการต่อต้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศใน 6 ประเทศคือ บรูไน อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์และไทย จากนั้นได้หารือทวิภาคีกับ รมว.กลาโหมสิงคโปร์ กระชับความสัมพันธ์ โดยเฉพาะการแลกเปลี่ยนการฝึก จากนั้นได้พบปะกับ พล.อ.ฉาง ว่านฉวน รมว.กห.ของจีนและร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนกับสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างไม่เป็นทางการ โดยเห็นชอบในหลักการให้มีการฝึกร่วมทางทะเลกับจีนในปี 61

นายกฯย้ำไทยเดินตามโรดเเม็ป

ต่อมาที่ห้องสีม่วง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.โจเซฟ เอฟ. ดันฟอร์ด (Joseph F. Dunford, Jr.) ประธานคณะเสนาธิการร่วม กองทัพสหรัฐอเมริกา ได้เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช. พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายกฯและประธานคณะเสนาธิการร่วมฯ ต่างแสดงความยินดีที่มีการแลกเปลี่ยนการเยือนและกลไกความร่วมมือต่างๆอย่างต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพ ทั้งสองฝ่ายยังแสดงความยินดีที่มีโครงการฝึกผสมร่วมคอบราโกลด์ต่อเนื่องยาวนานกว่า 35 ปี อย่างไรก็ตาม นายกฯได้แจ้งกับประธานคณะ เสนาธิการร่วมฯถึงสถานการณ์ภายในของไทยดำเนินการตามโรดแม็ปมาโดยตลอด ขณะนี้ฝ่ายนิติบัญญัติ อยู่ระหว่างจัดทำกฎหมายลูกที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง นายกฯยืนยันที่จะปฏิรูปไทยไปสู่การปกครองประชาธิปไตยที่เข้มแข็งยั่งยืน ซึ่งประธานคณะเสนาธิการร่วมฯแสดงความเข้าใจเรื่องดังกล่าว

“บิ๊กป๊อก” ไม่เคยได้ยิน “พี่ใหญ่” ยื่นไขก๊อก

ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าว พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม ทำหนังสือลาออกจากตำแหน่งหลังมีกระแสโซเซียล มีเดียกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง เคยได้ยินบ้างหรือไม่ว่า “ไม่เคย ต้องถามสื่อ ถามผมจะไปรู้ได้อย่างไร ต้องถามสื่อเพราะสื่อบอกเอง”

“มาร์ค” ถอดรหัส “บิ๊กตู่” กระเตงพี่ใหญ่

วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และอดีตนายกฯ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.พูดกับประชาชนขณะลงพื้นที่ จ.ตราดและจันทบุรีว่า หากรักนายกฯขอให้รักคณะรัฐบาลทั้งหมด เพราะไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ว่า แสดงให้เห็นว่านายกฯได้ตัดสินใจแล้ว ต้องรับผิดชอบต่อผลที่จะตามมาจากการตัดสินใจของตัวเอง เพราะหากไม่มีการคลี่คลายสถานการณ์ที่สังคมตั้งคำถามเกี่ยวกับกรณีของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม จะเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน อย่างไร ก็ตาม อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้นำการปฏิรูป ต้องทำตัวให้เป็นแบบอย่างของการปฏิรูปด้วย ที่ผ่านมาเรามี 3 ยุค เริ่มตั้งแต่ยุค 1.0 คือยุคยึดอำนาจ ยุค 2.0 เป็นยุคที่มีการประนอมอำนาจ ยุค 3.0 คือยุคของการเลือกตั้ง แต่ไม่รักษาหลักการประชาธิปไตย ในแต่ละยุคมีความล้มเหลวที่แตกต่างกันไป จึงอยากให้ก้าวพ้น 3 ยุคนี้ไปสู่ยุค 4.0 ให้ได้

รู้ทันเกม หน.คสช.กดปุ่มยื้อเลือกตั้ง

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีจะมีการตั้งกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่ายเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. เป็นเรื่องที่ดำเนินการได้ตามขั้นตอนที่ กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่ยังมีความไม่แน่นอน อาจจะมีความพยายามใช้เทคนิคใด เพื่อยืดเวลาเลือกตั้งหรือไม่ เพราะหัวหน้า คสช.สามารถใช้อำนาจตามมาตรา 44 ได้ตลอดเวลา ดูได้จากการออกคำสั่ง คสช. แก้ไขกฎหมายพรรคการเมือง แต่ทุกอย่างจะมีความแน่นอนได้เมื่อหัวหน้า คสช.พูดให้ชัดเจนว่า มีความประสงค์อย่างไร และยืนยันว่าจะทำให้ได้ตามอำนาจพิเศษที่มีอยู่ หากมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนั้น ต้องมีเหตุผลอธิบายต่อสังคม จะโยนให้เป็นเรื่องของสนช.ไม่ได้ เนื่องจากหาก สนช.ทำออกมาแล้ว หัวหน้า คสช.ไม่เห็นด้วยก็มีอำนาจที่จะแก้ไขได้อยู่แล้ว

“นิพิฏฐ์” เหน็บ “สมคิด” นายแน่มาก

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า “นโยบายคนจนหมด เริ่มเห็นผล” นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ บอกว่าปีหน้า จะทำให้คนจนหมด นโยบายท่านเริ่มเห็นผลแล้ว เริ่มจากคนใกล้ตัว ขนาดรองนายกฯต้องยืมนาฬิกาเพื่อนมาใส่ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติต้องยืมเงินเพื่อนมาใช้ 300 ล้านบาท เสี่ยใหญ่รับเหมางานก่อสร้างเป็นแสนล้าน ต้องออกล่าสัตว์กินเป็นอาหาร สมคิด นายแน่มาก

สับ “บิ๊กตู่” ชี้นำผิดๆป้องคนที่สังคมกังขา

นายนิพิฏฐ์ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ที่ตนโพสต์บอกไปเกี่ยวกับการที่เสี่ยใหญ่รับเหมาก่อสร้างไปล่าสัตว์ที่ทุ่งใหญ่นเรศวร เพื่อชี้ให้เห็นว่ายุคนี้เป็นยุคปฏิรูป ที่ต้องการความโปร่งใส ผู้ใช้อำนาจทั้งทางราชการและการเมือง ควรจะทำตัวให้เป็นตัวอย่าง เมื่อถูกข้อครหาควรพิสูจน์ตัวเองให้สังคมเห็น ทั้งที่มีมาตรฐานทางจริยธรรมที่รัฐบาล คสช.รณรงค์ให้ออกมาใช้ เคยประกาศว่ามีมาตรฐานสูงกว่ากฎหมาย แต่กลับมีพฤติกรรมที่สวนทาง ยิ่งเมื่อที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.เพิ่งพูดว่า “ถ้าจะรักผมต้องรัก ครม.ของผมด้วย” เท่ากับนายกฯเลือกปกป้องคนที่สังคมตั้งข้อสงสัยที่สุดกลายเป็นการชี้นำสังคมในทางที่ผิด สอนคนให้ติดยึดกับบุคคล นายกฯกำลังสร้างยุคเชื่อผู้นำชาติปลอดภัย ขอให้สังคมไทยคิดกันเองว่า ถ้าจะศรัทธาผู้นำก็ทำได้ แต่อย่าศรัทธาจนให้ผู้นำอยู่เหนือระบบ

พท.จี้ คสช.หยุดคุกคามคนเห็นต่าง

ขณะที่พรรคเพื่อไทยออกคำแถลงว่า การตั้งข้อกล่าวหาโดยฝ่ายรัฐบาลและ คสช. ต่อประชาชนในนามกลุ่ม “We Walk” และกลุ่ม “MBK 39” นั้น 1.ข้อเรียกร้องของประชาชนล้วนมาจากการที่รัฐบาลและ คสช.ไม่สามารถแก้ปัญหาให้สำเร็จตามที่ได้ประกาศไว้ พฤติกรรมและการไม่รักษาคำมั่น สัญญา ก่อให้เกิดวิกฤติความไว้วางใจและความขัดแย้ง มีการวางกลไกเพื่อสืบทอดอำนาจ ผู้นำเปลี่ยนคำพูดหลายเรื่องหลายครั้ง ย่อมทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นในความเป็นไปของประเทศและในตัวผู้นำ 2.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลและ คสช.ยุติการดำเนินคดีกับประชาชน รัฐบาลต้องคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และข้อเรียกร้องของทั้งสองกลุ่มเป็นการสร้างการตระหนักรู้และหาทางแก้ปัญหาสำคัญของชาติ รวมทั้งขอให้รัฐบาลจัดการกับปัญหาทุจริตคอร์รัปชันอย่างตรงไปตรงมา และรักษาคำสัญญาเรื่องการเลือกตั้งที่ผู้นำและรัฐบาลได้ให้ไว้ จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลและ คสช.ยุติการดำเนินคดีกับประชาชน การชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธนั้น ได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ นอกจากนี้การตั้งข้อกล่าวหาต่อผู้ชุมนุมบางรายในความผิดตามมาตรา 116 เป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงเกินข้อเท็จจริง ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง ย่อมกระทบต่อความปรองดองและสมานฉันท์ในสังคมอย่างแน่นอน

จี้ปักหมุดประกาศวันเลือกตั้งให้ชัด

คำแถลงพรรคเพื่อไทยระบุอีกว่า 3.รัฐบาลและ คสช.ต้องไม่สร้างปัญหาใหม่ และเร่งหาทางออกให้ประเทศคือคุ้มครองสิทธิมนุษยชนให้สมกับที่อ้างว่าเป็นวาระแห่งชาติ ยกเลิกประกาศและคำสั่งที่ละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน และยกเลิกการตั้งข้อกล่าวหาคดีทางการเมืองที่ผ่านมา ยกเลิกข้อห้ามไม่ให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง สร้างความชัดเจนให้โรดแม็ปทางการเมืองโดยประกาศวันเลือกตั้งให้ชัดเจน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและนักลงทุน ยุติการใช้ภาษีประชาชน เจ้าหน้าที่และกลไกของรัฐเพื่อสนับสนุนการอยู่ในอำนาจ และการสร้างความได้เปรียบทางการเมือง สร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง ปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันอย่างจริงจังและตรงไปตรงมา ต้องไม่สร้างวาทกรรมว่าถ้ายังขัดแย้งจะยังไม่มีการเลือกตั้ง และต้องไม่ให้มีการใช้วาทกรรมความขัดแย้งหรือเหมารวมเอาว่าความเห็นที่แตกต่างคือความขัดแย้ง เพื่อช่วยให้อยู่ในอำนาจไปเรื่อยๆ ทั้งนี้ทางออกของประเทศที่ทำได้ง่ายที่สุดคือ การคืนอำนาจให้แก่ประชาชนโดยเร็ว

ซัดเทงบฯตำน้ำพริกละลายไทยนิยม

นายพายัพ ปั้นเกตุ อดีต ส.ส.สิงห์บุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่กระทรวงมหาดไทยจัด งบประมาณถึง 2 พันล้านบาทในโครงการไทยนิยมยั่งยืน เรียกประชุมชาวบ้านกว่า 80,000 หมู่บ้าน มีภารกิจ 10 เรื่องซ้ำซาก ภาระจะตกที่อำเภอต้องให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเกณฑ์คนมาประชุมให้ได้โดยเฉพาะผู้มีบัตรคนจน จ่ายค่าวิทยากร เลี้ยงอาหารกลางวันชาวบ้านหัวละ 50 บาท ใช้งบฯซ้ำซ้อน สิ้นเปลือง เปล่าประโยชน์ ไม่มุ่งแก้ปัญหาปากท้องคนยากคนจน ไม่กระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า ใช้งบฯสูญเปล่า ประชาชนไม่ได้อะไรเลย ได้แค่กินข้าวกลางวันมื้อเดียว มื้อเย็นกับมื้อเช้าก็ไม่รู้จะกินอะไรแล้ว ต้องปากกัดตีนถีบหาเช้ากินค่ำ รัฐบาล คสช.จะยอมรับความจริงเรื่องนี้หรือไม่ เสียดายเงินภาษีประชาชน มาตำน้ำพริกละลายแม่น้ำเพียงแค่หวังสืบทอดอำนาจรัฐบาลต่อเท่านั้น

กลุ่มอยาก ลต.ร้องถูกละเมิดสิทธิ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ น.ส.ณัฏฐา หรือโบว์ มหัทธนา แกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมรวมพลคนอยากเลือกตั้ง ที่ถูกตำรวจ สน.ปทุมวัน ดำเนินคดี 3 ข้อหา นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก แนวร่วมผู้ต้องหาเดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม).ตรวจสอบการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาล คสช. โดยหนังสือร้องเรียนระบุว่า มีการละเมิดสิทธิการชุมนุมดำเนินคดีกับแกนนำกลุ่ม we walk กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง และการละเมิดสิทธิบุคคลในกระบวนการยุติธรรม กรณีตำรวจ สน.ปทุมวัน ไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหากลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 39 คน เลื่อนรับทราบข้อกล่าวหาออกไปก่อน ทั้งนี้ ตัวแทน กสม.รับเรื่องไว้ระบุจะเสนอให้คณะกรรมการ กสม.โดยเร็ว น.ส.ณัฏฐากล่าวว่า วันที่ 8 ก.พ. จะไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ปทุมวัน แน่ ตัดสินใจแล้วว่าหากพนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขังกับศาล และศาลรับคำร้อง จะบอกทนายความว่าไม่ขอประกันตัว พร้อมจะเดินเข้าเรือนจำทันที เพราะคดีที่ถูกตั้งข้อหา ตามกระบวนการปกติไม่มีเหตุต้องถูกดำเนินคดีเช่นนี้ หลายคนเป็นห่วงตน พยายามหยิบยื่นความช่วยเหลือมาจำนวนมาก น่าจะนำไปใช้ในทางสร้างสรรค์หรือใช้ประกันตัวคนอื่นจะเหมาะสมกว่า

“จ่านิว-รังสิมันต์” เลื่อนรับทราบข้อหา

เมื่อเวลา 14.00 น. บริเวณหน้าตลาดสามย่าน ตรงข้าม สน.ปทุมวัน กลุ่มเอ็มบีเค 39 ที่ถูกออกหมายเรียกครั้งที่ 2 กรณีชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและคสช. บริเวณสกายวอล์ก แยกปทุมวัน รวมตัวทำกิจกรรมถ่ายรูปชูป้ายมีข้อความว่า “8 กุมภาพันธ์ เรามาแน่” ใช้เวลาประมาณ 10 นาที มี พ.ต.ท.อาทิตย์ ซิ้มเจริญ รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน และฝ่ายสืบสวน ดูแลความเรียบร้อย เหตุการณ์เป็นไปด้วยความสงบ ก่อนจะแยกย้ายกลับบ้าน พ.ต.ท.อาทิตย์เปิดเผยว่า กลุ่มดังกล่าวมายืนชูป้าย เพื่อแสดงให้เห็นว่าวันที่ 8 ก.พ.ผู้ถูกออกหมายเรียกจะเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหา แต่อาจมาไม่ครบทั้ง 39 คน มีบางคนไม่สะดวก อาทิ นายรังสิมันต์ โรม และนายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ ขอเลื่อนเข้าพบในวันที่ 16 ก.พ.แทน

โหร ส.ว.ชี้ดวงเมืองเเรงกว่า 14 ต.ค.16

นายบุญเลิศ ไพรินทร์ อดีต ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ และโหร ส.ว. โพสต์เฟซบุ๊กว่า การล่าสัตว์ในทุ่งใหญ่นเรศวรเคยเกิดมาแล้วหลายครั้ง แต่ครั้งสำคัญที่นำไปสู่วันมหาวิปโยค 14 ต.ค.16 เมื่อเฮลิคอปเตอร์ตกที่นครปฐมพร้อมเนื้อกระทิง เก้ง กวาง จำนวนมาก วันที่ 29 เม.ย.16 มีคนเสียชีวิตถึง 6 คน จอมพลถนอม กิตติขจร อดีตนายกฯ อ้างว่าเป็นการตายในหน้าที่ราชการ จนนิสิตนักศึกษา สื่อมวลชนและประชาชนไม่พอใจ นำไปสู่ความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะมีท่าทีเหมือนรัฐบาลถนอมหรือไม่ ได้ใช้ทั้งโหราศาสตร์และเลขศาสตร์สากลมาเปรียบเทียบการเคลื่อนตัวของดวงดาว ในวันที่ 14 ต.ค.16 (1973) กับ 14 ต.ค.61 (2018) เชื่อมโยงกับการกระจายตัวของดวงกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2325 เวลา 06.54 น. ปรากฏว่าดวงเมืองทั้ง 2 เหตุการณ์คล้ายกันมาก แต่ปี 61 รุนแรงกว่าเพราะดาวบาปเคราะห์ เสาร์และมฤตยู ให้โทษดวงเมืองรุนแรงกว่า ขณะที่ดาวศุภเคราะห์พฤหัสบดี ให้คุณได้น้อยกว่าพฤหัสบดีในปี 16 ถ้าใช้เลขศาสตร์ประกอบกับโหราศาสตร์จะพบว่าได้ตัวเลขแสดงเส้นทางชีวิตเท่ากันใน 2 เหตุการณ์นั้น ดังนี้ 14+10+1973 =8 14+10+2018 = 8 ซึ่งเลข 8 เป็นตัวแทนของดาวบาปเคราะห์เสาร์ที่ให้โทษมหาศาล แสดงว่าเหตุการณ์ที่เรียกว่าประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอาจเกิดขึ้นได้

ระวัง “ประยุทธ์” เดินซ้ำรอย “ถนอม”

“แต่ต้องดูดวงหัวหน้ารัฐบาลด้วยว่าในวันที่ 14 ต.ค.61 ดวงตก หรือดวงยังดีอยู่ ปรากฏว่าดาวประจำตัว และดาวการงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ตกเรือนหรือราศีธนูเป็นวินาศกับเจ้าชะตาราศีมังกร แม้ดวงเมืองแม้จะไม่สู้ดีนักหรือ พล.อ.ประยุทธ์แม้ดวงจะตกแต่ยังมีดาวดีให้คุณอยู่อย่างมาก อยู่ที่การวางน้ำหนักของ พล.อ.ประยุทธ์ว่าจะอยู่กับนักล่าสัตว์ที่ต่ำทราม เหมือนจอมพลถนอม หรือจะอยู่กับความเมตตาปราณีต่อสัตว์ของคนส่วนใหญ่ของประเทศ ประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยหรือไม่อีกไม่นานเกินรอแล้ว” นายบุญเลิศกล่าว

ปฏิรูป ตร.ชงใช้โดรนไล่ล่าคนร้าย

เมื่อเวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา นายมานิจ สุขสมจิตร โฆษกคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม (ตำรวจ) กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณายกเครื่องสถานีตำรวจทั่วประเทศ 1,400 แห่ง แบ่งเป็น 3 ขนาด คือ 1.โรงพักขนาดเล็ก มีบุคลากร 50-70 นาย 2.โรงพักขนาดกลาง มีบุคลากร 100-120 นาย 3.โรงพักขนาดใหญ่ มีบุคลากร 180-220 นาย เพื่อเป็นหลักเกณฑ์การจัดสรรอัตรากำลังพล งบประมาณให้เหมาะสมเพียงพอ ไม่ต้องไปหาเงินจากผู้อุปถัมภ์รายอื่นๆจนเกิดเป็นระบบอุปถัมภ์ ขณะเดียวกันจะจัดคู่มือตำรวจเป็นเครื่องมือปฏิบัติงานให้บริการประชาชนด้วยความรวดเร็ว เช่น การเปรียบเทียบปรับ การแจ้งเอกสารหาย ต้องทำให้เสร็จใน 30 นาที การขอสำเนาบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดีต้องเสร็จภายใน 2 ชั่วโมง ไม่ให้ประชาชนรอนาน นอกจากนี้ จะนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ติดตามคนร้าย อาทิ ระบบจีพีเอส การใช้โดรนไล่ล่าคนร้ายตามสถานการณ์ที่เหมาะสมเหมือนต่างประเทศ

เปิดเวทีระดมฟังความเห็น 20 ก.พ.

นายมานิจกล่าวว่า ที่ประชุมยังยกเลิกคณะกรรมการ กต.ตร.ระดับสถานีตำรวจ โดยให้ตั้งคณะกรรมการติดตามตรวจสอบและส่งเสริมสนับสนุนกิจการตำรวจที่ดีระดับจังหวัด และคณะกรรมการส่งเสริมสนับสนุนตำรวจระดับสถานีตำรวจ ผู้เข้ามาเป็นคณะกรรมการทั้งระดับจังหวัดและสถานีตำรวจมีทั้งตำรวจ ประชาชน เอกชน และท้องถิ่นมาร่วมทำงานด้วย เพื่อให้เป็นไปตามโมเดลประชารัฐที่ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วม ทั้งนี้ จะนำข้อเสนอเหล่านี้ไปรับฟังความเห็นจากประชาชนอีกครั้งในวันที่ 20 ก.พ. ที่โรงแรมเซ็นทรา ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ เพื่อนำความเห็นที่ได้กลับมาปรับปรุงแก้ไขเนื้อหาให้สมบูรณ์ที่สุด จะต้องเสร็จสิ้นภายในเดือน มี.ค. เพื่อส่งรายงานการปฏิรูปตำรวจให้นายกรัฐมนตรีก่อนวันที่ 1 เม.ย.นี้

สนช.จ่อหารือกฎหมายอีอีซี

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 8 ก.พ. มีวาระพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. วาระ 2-3 ตามที่คณะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นประธานพิจารณาเสร็จแล้ว สาระสำคัญกำหนดให้พื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง และพื้นที่อื่นใดที่อยู่ในภาคตะวันออกที่กำหนดเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาเป็นเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อประโยชน์ในการจัดทำโครงสร้างพื้นฐาน ระบบสาธารณูปโภคที่มีประสิทธิภาพ เชื่อมโยงเป็นระบบโดยสมบูรณ์ ทั้งนี้ ต้องจัดทำรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมมีนายกฯทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก และ รมว.กลาโหม รมว.ศึกษาธิการ ร่วมเป็นคณะกรรมการ นอกจากนี้ ยังมีการใช้มาตรการทางภาษีจูงใจให้บุคคลเข้ามาทำงานเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษด้วย

ผู้ว่าฯนนท์–ชลบุรีเฮได้คืนตำแหน่ง

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการคืนตำแหน่งให้นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผวจ.ชลบุรี และนายภานุ แย้มศรี ผวจ.นนทบุรีจากกรณีความไม่เรียบร้อยในงานพระราชพิธีถวาย พระเพลิงพระบรมศพฯ ว่า ทราบว่าสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ส่งตัวผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 2 จังหวัดให้กระทรวงมหาดไทย เพื่อส่งตัวคืนแล้ว ทราบว่าขณะนี้นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทยกำลังจะให้ ผวจ.ทั้งสองกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม ส่วน ผวจ.ที่โดนคำสั่งมาตรา 44 ไปก่อนหน้านี้ ถือว่าขาดจากตำแหน่งกระทรวงมหาดไทย ขณะนี้กระทรวงบรรจุข้าราชการระดับสูงทั้งหมดไปแล้ว จากนี้ขึ้นกับสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงมหาดไทยได้มีคำสั่งส่งตัวทั้งสองคนกลับไปปฏิบัติหน้าที่ ผวจ.ชลบุรีและนนทบุรีแล้ว หลังจากมาช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ครบ 3 เดือน โดยผลสอบปรากฏว่าไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา และเพื่อความต่อเนื่องในการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ.เป็นต้นไป