เศรษฐกิจไทย อะไรจริงอะไรเท็จ

แน่นอนว่าการปรับ ครม. “ประยุทธ์ 5” แม้ยังไม่เสร็จเรียบร้อยก็เลยยังไม่รู้ว่าผลจะออกมาอย่างไร ใครจะออกใครจะเข้าคงต้องตามติดกันต่อไป

แต่ที่พูดถึงและมีการเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขอยู่อย่างคือปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของชาวบ้านที่พูดกันมานานแล้ว จนเป็นหัวข้อหนึ่งไม่ว่าสำนักไหน โพลไหนก็ออกมาตรงกันหมด

อีกด้านหนึ่งกลับแสดงผลตรงกันข้าม นั่นคือการส่งออกของประเทศดีขึ้นระดับเอ++ด้วยซํ้าไป และจีดีพีก็ขยับตัวดีขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ใช่ไทยมองไทยกันเอง แต่ต่างชาติก็เห็นในมุมเดียวกัน

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นท่ามกลางความสงสัยเมื่อส่งออกดีเพราะไทยนั้นพึงพอใจการส่งออกเป็นหลัก โดยการท่องเที่ยวยังเป็นแหล่งสร้างเงินรายได้สำคัญ

ทำไมเศรษฐกิจระดับรากหญ้าจึงยังไม่ดีขึ้น

ก็มีการพูดกันว่า แม้ส่งออกจะดี จีดีพีจะโต แต่ทุกอย่างกระจายไปไม่ถึงระดับล่าง แต่หมุนตัวอยู่ในบริษัทยักษ์ใหญ่เท่านั้น

ทำนองว่า รวยกระจุก จนกระจายที่ตั้งโจทย์กันมาตลอด

จึงไม่ต้องแปลกใจว่าเสียงเรียกร้องให้ปรับ ครม.เศรษฐกิจจึงดังเป็นระดับ เสียงดังระดับชาวบ้านไม่เข้มข้นเท่ากับเสียงนักการเมืองที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล จะดังเป็นระยะถึงขั้นบอกว่าแค่ปรับตัวรัฐมนตรียังไม่เพียงพอ

ต้องปรับนโยบายเศรษฐกิจด้วยการยิงตรงไปที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ฝ่ายเศรษฐกิจด้วย มิฉะนั้นก็แก้ไม่ได้

การเปลี่ยนตัว ดร.สมคิดคงเป็นไปไม่ได้ เพราะทำงานร่วมกับนายกฯมานานและวางแนวทางเศรษฐกิจของประเทศด้วยแผนงานระยะยาว

อีอีซีคืองานใหญ่ระดับมาสเตอร์พีช หากประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้ไทยก้าวกระโดดไปสู่ประเทศพัฒนาแล้ว

เพียงแต่วันนี้ยังอยู่ในขั้นที่เรียกว่า กำลังเจริญพันธุ์เท่านั้น

...

ล่าสุดซีอีโอเอเปก 21 ชาติยกให้ไทยติดอันดับ 1 ใน 5 ประเทศที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ หลังนโยบายที่ชัดเจนและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

ประเทศที่ถูกจัดให้เป็นประเทศที่เป็นเป้าหมายในการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุดได้แก่ เวียดนาม จีน อินโดนีเซีย สหรัฐฯ และไทยตามลำดับ

ซีอีโอจำนวน 1,400 ราย ในกลุ่มประเทศความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิกจาก 21 ประเทศ

ไทยติดอันดับน่าลงทุน เนื่องจากจะมีเม็ดเงินลงทุนมากขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า จากมาตรการและนโยบายการส่งเสริมการลงทุน การปรับปรุงข้อกฎหมายที่ล้าหลัง การดำเนินนโยบายของภาครัฐภายใต้โรดแม็ป 4.0 และเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว

แม้แต่ทีดีอาร์ไอซึ่งเป็นตัวชี้วัดหนึ่งของไทยก็ระบุว่าปี 2561-2562 จะเป็น “ปีทอง” ของการลงทุนไทย

ต่างๆนานาว่าด้วยปัจจัยบวกทั้งหลายเหล่านี้ ล้วนส่งเสริมเศรษฐกิจไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นก็ต้องเตรียมความพร้อมเพื่อรับกับความเปลี่ยนแปลง ซึ่งถือว่า “ข่าวดี” ทั้งนั้น

แต่ที่เรียกร้องรัฐบาลก็คือ ทำอย่างไรที่จะทำให้ความเติบโตที่จะเกิดขึ้นนี้ได้กระจายไปให้ถ้วนทั่วเพื่อคนส่วนใหญ่

คิดใหญ่ๆได้หลายอย่างแบบมีอนาคต แต่เรื่องของคนยาก คนจนซึ่งถือว่าเป็นดัชนีชี้วัดความสามารถของรัฐบาลอย่างแท้จริง

หาคนคิดเรื่องนี้ให้ออกมาเป็นรูปธรรมก็จะดีที่สุด.

“สายล่อฟ้า”