ไม่นึกว่าจะออกแรงมากถึงขนาดนี้ ก็อะไรล่ะที่ คสช.ต้องเดินหมากเดินเกมเข้มข้นจนไม่เชื่อว่าจะออกมาเป็นแบบนี้ได้ 6 คำถาม ตั้งพรรค เลือกตั้งท้องถิ่นจะเป็นงานหินที่ยังไม่รู้คำตอบ

ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ถ้าจะว่าไปแล้วสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น ณ เวลานี้คงไม่ได้คาดคิดกันมาก่อนว่าจะเป็นไปเช่นนี้

แล้วมันเกิดอะไรขึ้นล่ะ...!?!

1 การที่ คสช.ให้คำตอบที่ตีความได้ชัดเจนว่าโอกาสที่จะตั้ง “พรรคทหาร” นั้น มีความเป็นไปได้สูง เพราะทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ให้คำตอบตรงกัน ถ้าจำเป็นก็ตั้ง แต่ตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็น

แม้ไม่ได้บอกตรงเป๊ะๆ แต่คำตอบอย่างนี้มันได้บอกข้อเท็จจริงว่ามีความเป็นได้สูงถ้ามีความจำเป็น

2 การที่ พล.อ.ประยุทธ์ขอคำตอบจากประชาชนผ่านศูนย์ดำรงธรรมด้วยคำถาม 6 ข้อใหญ่ 3 ข้อย่อย ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถามมาแล้ว 4 ข้อ

เป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ ซึ่งครอบคลุมทั้งหมดกับก้าวเดินต่อไปข้างหน้า ว่าจะทำให้ต้องตัดสินใจอย่างไร

จะต้องใช้กรรมวิธีอย่างไรเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย

3 การประกาศชัดเจนว่าจะให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นทั่วประเทศ รวมทั้ง กทม.และพัทยาก่อนการเลือกตั้งใหญ่

ว่าที่จริงแล้วการเลือกตั้งท้องถิ่นก่อนน่าจะมีความเหมาะสมหลังจากว่างเว้นการเลือกตั้งมา 3 ปีกว่าๆแล้ว เพื่อเป็นการทดสอบระบบที่ไปปรับจูนมาว่าจะเรียบร้อยดีแค่ไหน?

สำคัญสุด คสช.จะได้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร จะเดินหน้าไปได้หรือไม่ มุมการเมืองจากผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร

ข้อสุดท้ายนี่แหละคือข้อมูลสำคัญในภาคปฏิบัติ

ถ้าจะถามว่าจำเป็นหรือไม่ที่ คสช.จะต้องดำเนินการตามนี้ ก่อนหน้านี้คงไม่ได้คิดและไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนั้น

...

เพราะเชื่อว่ามีการวางแผนเป็นอย่างดีมาก่อน เพียงแต่เมื่อผิดพลาดไม่เข้าล็อกก็จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนแผนใหม่

รัฐธรรมนูญที่ร่างออกมานั้นมุ่งหวังที่จะแก้ไขปัญหาการเมืองจึงเข้มข้นสุดๆ เพื่อหวังตัดหนทางของฝ่ายการเมือง

เพียงแต่เกินขีดจำกัดจนกลับมารัดคอตัวเอง

ยกตัวอย่างให้มี ส.ว. 250 คน ก็คิดว่าน่าจะเพียงพอที่จะเป็นนายกฯ

หลังเลือกตั้งบริหารประเทศไปได้

แต่จำนวน ส.ส. 250 คนนั้นจำเป็นที่จะต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งจึงบริหารประเทศได้ เพราะ ส.ว.มีอำนาจหน้าที่แค่ยกมือเลือกนายกฯ “คนนอก” ได้เท่านั้น

ความจำเป็นที่จะต้องได้ ส.ส.เกินครึ่งจึงสำคัญยิ่ง

มิฉะนั้นโอกาสที่จะถูกเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจตกเก้าอี้ได้ทันที

นอกจากนั้นที่คาดหวังว่าประชาธิปัตย์ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเพื่อไทยแบบว่าเป็นเส้นทางคู่ขนานก็น่าจะรวมหัวลงท้ายไปด้วยกันได้

ทว่าหากเป็นเช่นนั้นไม่?

อีกทั้งการที่จะรวบรวมเสียงจากพรรคขนาดเล็กขนาดกลางเพื่อตั้งรัฐบาลร่วมกันหากไม่มีพรรคใหญ่ร่วมด้วยก็ไม่รู้ว่าจะได้เสียงเท่าใด

ทางออกก็คือจะต้องมีพรรคเป็นของตัวเองน่าจะดีที่สุดอย่างน้อยก็เป็นพรรคแกนนำร่วมกับพรรคเล็กพรรคน้อยก็น่าจะไปไหว

เหนืออื่นใดทั้งหลายทั้งปวงนี่ยังคงเป็นเพียงแผนที่เตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า เพราะทุกอย่างอาจมีความเปลี่ยนแปลงได้

ออกหัวออกก้อยยังไงเดี๋ยวก็รู้เองล่ะ!!!

“ลิขิต จงสกุล”